Blink Blink
News

ทำความรู้จักจอร์จ ฮอทซ์ ,​คนที่อีลอน มัคส์ต้องไปง้อเพื่อขอให้เค้ามาทำงาน

ถ้าคุณใช้ไอโฟนอยู่ไม่มีทางที่คุณจะไม่รู้จักชายคนนี้ครับ เพราะจอร์จ ฮอทซ์ เป็นคนที่สร้างระบบ jailbreak ใน iphone และ ipad ขึ้นยังไงล่ะครับ หรือจะแปลว่าเค้าเป็นพระบิดาในการ jailbreak นั่นเองครับ

แล้วทำไมอีลอนถึงอยากชวนมาร่วมงานล่ะ? ค้นพบคำตอบกันได้ในโพสนี้ครับ

ประวัติย่อๆ ของจอร์จ ฮอทซ์

1. จอร์จเป็นคนแรกของโลกที่ปลดล๊อค iphone ซิมการ์ดได้ และเป็นคนแรกๆ ของโลกที่คิดค้นวิธีเข้าไปทางหลังบ้าน iOS หรือเรียกอีกอย่างว่า father of jailbreak iphone (พระบิดาแห่งการ jailbreak) ในตอนนั้น จอร์จอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น


2. ในปี 2011, เค้าทำการ jailbreak play station 3 และแจก private key ในการ jailbreak ในเว็บของเค้า จนทำให้ Sony ต้องยื่นฟ้องศาลเพื่อให้เค้าปิดช่องโหว่งตรงนั้นในเว็บของเค้า (ในขณะนั้นเค้าอายุเพียง 21 ปี) ทำให้บริษัท Sony ต้องปวดหัวกับการที่เค้าเอา private key ของ PS3 ออกมาเปิดเผย


3. ในปี 2014, จอร์จได้ทำสร้างระบบ one-click Android rooting tool สำหรับ android phone อย่าง Samsung Galaxy S5 ที่ผูกติดสัญญาณกับค่ายมือถือต่างๆ จอร์จสามารถ root เครื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมือถืออย่างมาก(ใครรู้เรื่องนี้แปลต่อทีครับ technical เยอะมากๆ) หรือจะบอกได้ว่าเค้าเป็นคนแรกที่ทำการ root มือถือ android สำเร็จครับ


เอาเป็นว่าเค้าเบื่อมากๆ กับ device เล็กๆ จนมาในปี 2015 เค้าออกบอกว่าว่า Tesla Autopilot มันกากมากๆ เดี๋ยวเค้าจะสาธิตให้ดูว่า autonomous driving ที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร เค้าเลยทำการดัดแปลงรถน้ำมัน 2016 Acura ILX (รถเก๋งเหมือน Honda Accord) และใส่ hardware Lidar, Radar, และกล้องหน้ารถเข้าไป จากนั้นเค้าก็สาธิตการขับขี่แบบ autonomous driving ให้กับ bloomberg ดู

เอาเป็นว่า Tesla เข้ามาดูงานในช่วงนั้นและชวนจอร์จไปทำงานด้วย จอร์จบอกว่า ไม่ดีกว่า , ผมทำโปรเจคนี้ขึ้นมาเองและจะพัฒนาให้ดีกว่าเทสล่าให้ดู เค้าจึงก่อตั้งบริษัท comma.ai ในปี 2016 และปั้นบริษัทนี้ขึ้นมาให้ทัดเทียมความสามารถของเทสล่า (ณ ขณะนั้น เค้าอายุ 26 ปี)

สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Tesla FSD และ comma.ai หลักๆ คือเรื่อง privacy data และปริมาณรถที่ใช้งาน software

ช่วงแรก comma.ai (2017-2020) ได้เปรียบเพราะว่า เค้าเปิด software เป็นแบบ opensource ใน github ให้ทุกคน download ไปใช้ แถมอุปกรณ์ในการเปลี่ยนรถน้ำมันเป็น self-driving car อย่าง comma two ก็ราคา $1,200 หรือ 44,400 กว่าบาทเองครับ

ณ ปัจจุบันนั้น อุปกรณ์ comma นั้นพัฒนาไปถึง comma Three แล้วนะครับ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $2,000 หรือ 70,000 กว่าบาทต่อตัวครับ ไม่รวม connector (ตัวเชื่อมต่อระหว่าง OBD Box กับ Comma Three)

ส่วนเทสล่านั้น เปิดให้เฉพาะชาวเทสล่าใช้เท่านั้น แถมระบบ FSD Beta นั้นมีคนทดสอบหลักร้อยในปี 2020
ในขณะที่ openpilot คนร่วมใช้งานและพัฒนาโปรแกรมใน github หลักพันแถม software FSD Beta เป็น software ที่สงวนให้กับคนที่ซื้อ software license ไปใช้พร้อมกับซื้อรถ Tesla ไปขับครับ อารมณ์เหมือนอยากเล่น Mac OS ก็ต้องซื้อ macbook ไปใช้งานถึงจะสามารถเล่น mac OS ได้นะครับ

(จริงๆ ว่างๆ เดี๋ยวจะเขียนเพิ่มเติมตรงนี้ให้อีกนะครับ)
สรุปคือ ช่วงแรก openpilot เหมือนจะชนะ Tesla FSD Beta ครับ (2017-2021) จนอีลอนประกาศปล่อย FSD Beta software ให้คนโหลดกันในต้นปี 2022 ที่ผ่านมามากกว่า 10,000 คนและกลางปีนี้มากกว่า 160,000 คน

อันนี้เป็นจุดพลิกที่ทำให้ Comma.ai ตามไม่ทันเพราะ hardware ของเทสล่านั้น fixed ตายตัวคือใช้กล้องรอบคัน
แต่ของ comma.ai เป็นบริษัทผลิต software เฉยๆ ที่พึ่งพารถยนต์แต่ล่ะคันในการขับขี่(อารมณ์เหมือน android ที่มีแต่ระบบปฏิบัติการ ส่วนการพัฒนานั้นแต่ล่ะค่ายมือถือไปพัฒนา UI กันเอง) แต่สิ่งที่ทำให้ comma.ai ตามไม่ทันเพราะรถแต่ล่ะคันมีสเปคไม่เหมือนกัน ทั้งอัตราเร่ง, คันเร่ง, ระยะเบรค, ระบบช่วยขับก็ไม่เหมือนกัน(ADAS) และสิ่งอื่นๆ ทำให้การพัฒนา software Comma.ai มาถึงจุดที่ไปต่อจากนี้ได้ช้ากว่า Tesla FSD Beta

ส่วนการ train AI ฝั่ง Tesla นั้นเอา server GPU ระดับโลกอย่าง Tesla Dojo Center มาฝึก AI แต่ฝั่ง Comma.ai นั้นใช้ server บ้านๆ แบบ nvdia P100 หลักสิบตัวครับ

นี่ยังไม่รวมการส่งข้อมูลจากรถเทสล่า 160,000 คันกลับมาที่ Tesla Dojo Center ทุกคืนเพื่อฝึก AI ให้ฉลาดขึ้นพร้อมๆ กันอีกนะครับ ขณะที่ Comma.ai นั้นเป็นระบบ offline คือถ้าอยากส่ง error เข้ามาก็ต้องทำการ push กลับไปที่ github repo ครับ (และผู้ใช้งานส่วนใหญ๋มันจะมีใครใช้ git push/git pull เป็นบ้างล่ะครับ?)

ผลปรากฏว่า จอร์จรู้ว่าตัวเองไปต่อไม่ได้กับโปรเจค comma.ai ในเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ทำให้แกประกาศลาออกมาและลาออกไปเปิดบริษัทใหม่ชื่อว่า Tiny Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งใจจะสร้าง Machine Learning หรือ AI ที่มีความสามารถมากกว่า pytorch และใช้งานง่ายกว่าครับ

อย่างไรก็ตามเมื่อวานที่ผ่านมา จอร์จออกมาเสนอด้วยตัวเองอีกครั้งว่า ผมอาสาไปทำงานที่ twitter ให้ในตำแหน่ง internship ประมาณ 12 สัปดาห์เลย (โดยให้ค่าจ้างพื้นฐานตามแรงงานทั่วไปที่ San Francisco อารมณ์ประมาณว่า เงินเยอะน้อยไม่ใช่ปัญหา) เพราะเค้าอยากเห็นโลกใบนี้ดีขึ้นจาก social platform อันนี้ครับ

อีลอนแวะมาตอบว่า “Sure, let’s talk” ได้เลย เอาสิ

ถ้าจอร์จได้เข้าไปทำงาน twitter HQ ได้จริงๆ นี่จะเป็นการร่วมงานครั้งแรกกับ Elon Musk นะครับ และอาจจะทำให้องค์กร Tesla พัฒนาไปไกลกว่านี้ในอนาคตแน่นอนครับ

ที่มา wikipedia

BLINK DRIVE TAKE

ถ้าจะให้เปรียบจอร์จเป็นใครในการ์ตูนที่เราอ่านกันล่ะก็ ผมว่า จอร์จคือ ดอกเตอร์เวก้า พังค์ในเรื่องวันพีชเลยครับ เป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากที่สุดในโลกแล้วตอนนี้

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

พูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารเทคโนโลยีได้ที่ Discord นี้

Follow by Email