Site icon Blink Drive

Tesla เส่งมอบรถบรรทุก Tesla Semi วันนี้ ลูกค้ารายแรก PepsiCo (ราคาเริ่มต้น 5.7 ล้านบาท, $150,000)

Tesla เริ่มส่งมอบรถบรรทุก Tesla Semi Truck วันนี้(1 ธันวาคม 2565) ที่ Gigafactory Nevada แล้ว รถบรรทุก Tesla Semi นั้นเป็นรถบรรทุก class 8 ซึ่งจัดอยู่ในหมวดหมู่รถบรรทุกใหญ่ที่สุดของอเมริกาครับ

ค่าใช้จ่าย 5 บาทต่อ km

รถบรรทุก Tesla Semi คันนี้ ราคาเริ่มต้น 5.7 ล้านบาท หรือ $150,000 ค่าใช้จ่ายในการขนส่งของอยู่ที่ 5 บาทต่อ km(ข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่าง) ในขณะที่รถบรรทุกดีเซล Semi มีค่าใช้จ่ายที่ 18.6 บาทต่อ km หรือแพงกว่า Tesla Semi อยู่ประมาณ 3 เท่าครับ

วิธีคำนวณ รถบรรทุกดีเซล Semi กินน้ำมันดีเซลที่ 7.27 mpg หรือ 33.6 L/100km หรือ 2.9 km ต่อลิตร

ราคาน้ำมันดีเซลอเมริกาวันที่ 19 ตุลาคม 2565 : $5.39 ต่อแกลลอนหรือ 54 บาทต่อลิตร

เท่ากับว่า รถบรรทุกดีเซล Semi มีค่าใช้จ่ายที่ 18.6 บาทต่อ km

ทำการทดสอบวิ่งมาแล้วมากกว่า 80,000 ล้าน km

อีลอนบอกว่า มอเตอร์ไฟฟ้าของ Tesla Semi เหล่านี้ได้ทำการทดสอบ(หลายๆ คัน) รวมกันเป็น 50,900 ล้านไมล์หรือประมาณ 80,000 ล้าน km และมีการใช้งานจริงในการส่งมอบระบบ infotainment ของ Tesla ทุกรุ่นเช่น Model S, Model X, Model 3, Model Y มากกว่า 3.2 ล้านชิ้นภายใน 5 ปีที่ผ่านมานี้

แถมมีการใช้งานระบบ Heat Pump (ระบบกระจายและระบายความร้อน)ของรถบรรทุกไฟฟ้า Tesla semi รุ่นนี้มากกว่า 15,000 ล้านชั่วโมง พร้อมกับการทดสอบมหาโหดอย่างใช้งาน Invertors(ตัวแปลงไฟในรถ)ที่ใช้ชาร์จไฟ/จ่ายไฟเข้ามอเตอร์ไฟฟ้า/และอื่นๆ มากกว่า 1.4 Terawatt (หรือเทียบเท่า 1.4 ล้านล้าน kWh)

HARDCORE TEST (ทดสอบรถมหาโหด)

เนื่องจากรถบรรทุกนั้นต้องวิ่งให้ได้ 24/7 (แปลว่า วิ่งทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลา 7 วันต่อสัปดาห์) โดยห้ามหยุดพัก คนนะหยุดได้แต่รถหยุดไม่ได้เพราะรถบรรทุกซื้อมาแล้วต้องทำกำไรให้มากที่สุด Tesla เลยได้ออกแบบ HARDCORE TESTING (การทดสอบแบบมหาโหด) ขึ้นมาเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของรถ Tesla Semi

เริ่มต้นก็เป็นการขับลุยนั้น ลุยน้ำแบบสูง 1-2 เมตรเลยครับว่าจะลุยได้ไหม? โดย Tesla ให้โจทย์ว่า รถบรรทุกดีเซลลุยได้เท่าไหร่ Tesla Semi ต้องลุยได้สูงกว่านั้น

ภาพ : ภายในห้องขับเคลื่อน(มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานปกติตอนลุยน้ำ)

ขึ้น Dyno Test เพื่อทดสอบแรงบิดมหาศาล อย่างที่รู้คือว่า รถบรรทุกต้องแบกน้ำหนักหนักอย่างมาก อย่างคันนี้แบกรับน้ำหนักได้มากถึง 84,000 ปอนด์หรือ 36,000 kg ดังนั้นตัวมอเตอร์ตัวจ่ายแรงบิดได้สูงมากๆ และแบกรับการทดสอบแรงบิด(ต้านกลับ)ให้ได้เยอะที่สุดครับ

อีกการทดสอบนึงคือวิ่งถนนลูกลังรัวๆ เร็วๆ และดูว่าฝุ่นเข้าส่วนไหนของมอเตอร์รถบ้างนะครับ

ทดสอบความแข็งแกร่งรังแบต รถบรรทุก Tesla Semi ต้องผ่านการทดสอบของแข็งกระแทกด้านล่างของรถซึ่งเป็นโจทย์มหาโหดเนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้านั้นจุดอ่อนคือใต้ท้องรถนะครับ งานนี้ Tesla ทดสอบโดยการเอาบรรไดเหล็กวางเอาไว้กลางถนนให้แล้วรถบรรทุกวิ่งผ่านบรรไดเหล็กนั้นครูดไปกับท้องรถ ปรากฏบรรไดพังครับ ท้องรถรอด

รถบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi นั้นถูกทดสอบในสภาวอากาศที่โหดร้ายที่สุดในอเมริกา เช่น หนาวจัด(หิมะตก), ร้อนจัด(ร้อนมากกว่า 50 องศา) เป็นต้น เพื่อทดสอบว่ารถคันนี้มีความแข็งแกร่งพอและไม่พังครับ

มอเตอร์ไฟฟ้า (Model Plaid) 3 ตัว

มอเตอร์ไฟฟ้าของรถบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน (หน้า-หลัง) อยู่ล้อด้านหลังทั้งหมด โดยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวจะทำหน้าที่เร่งเพื่อออกตัวช่วยกัน(เกียร์ต้น) ส่วนอีกตัว(Highway Drive) อันนี้จะทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูงหรือบนถนน Highway ครับ

อย่างไรก็ตาม มอเตอร์ไฟฟ้าเหล่านี้ถูกพัฒนาและยืมมาใช้จาก Tesla Model S Plaid ครับ อีลอนบอกว่า มอเตอร์ไฟฟ้าแค่ 1 ตัวในนี้ก็มีแรงม้าเทียบเท่าเครื่องยนต์ดีเซลในรถบรรทุกดีเซลแล้ว ถ้ามอเตอร์ไฟฟ้าตัวใดตัวนึงหยุดทำงานขึ้นมา อีก 2 ตัวก็จะทำงานและขับไปยังที่หมายได้สบายๆ

หลักการทำงานจะเหมือนรถที่มีเกียร์ครับ คือเวลาใช้ความเร็วต่ำหรือตอนออกตัวรถบรรทุก Tesla Semi จะใช้ Acceleration drive ทั้ง 2 ตัวในการออกตัว แต่พอรถเริ่มมีแรงเฉื่อยแล้วจะใช้ Highway Drive 1 ตัว(ทดวิ่งด้วยความเร็วสูง)ในการประคองรถไปเรื่อยๆ ครับ และมอเตอร์ Acceleration driver ทั้งสองตัวจะหยุดทำงานทันที ทั้งนี้ทำไปเพื่อให้ประหยัดไฟเวลาวิ่งทางไกลครับ

แต่เมื่อใดก็ตามรถบรรทุกต้องการแซงรถคันอื่นมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งสามตัวจะกลับมาทำงานและเพิ่มแรงบิดมหาศาลได้ทันที (อีลอนบอกว่า แรงกว่ารถดีเซลเทอร์โบหลายเท่าเพราะรอบมาได้ทันที ไม่ต้องรอรอบ)

Regen Brake เวลาลงเขา

เจ้าของโปรเจค Tesla Semi บอกว่า เค้าเคยไปวิ่ง Tesla Semi บนถนนเส้นนึงในอเมริกาที่มีทางลงชันมากๆ ตรงปลายทางของถนนเส้นนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทางหลวงตรวจสอบผ้าเบรครถ Tesla Semi และพวกเค้าต้องแปลกใจว่า เบรคของ Tesla Semi ไม่ได้ใช้งานซักนิดเลย เนื่องจากเวลาวิ่งลงเขานั้น(ถ้าเป็นรถดีเซล)ต้องเลี้ยงครัชและเหยียบเบรคเป็นระยะ แต่ของ Tesla Semi ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเบรคอย่างเดียวเลยครับ แถมได้ไฟกลับมาด้วย

ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งได้ 800 km (500 ไมล์)โดยไม่ต้องหยุดพัก

Tesla ได้ทำการโชว์คลิปวิดีโอ Tesla Semi วิ่งยาว 800 km จากโรงงานผลิตรถยนต์ Fremont ไปยัง San Diego โดยไม่หยุดพักเลยครับ

ขับง่ายเหมือน Tesla Model 3

อีลอนได้บอกในงานเปิดตัว Tesla Semi ว่า อัตราเร่ง, ระยะการเบรคและการหักเลี้ยวทำได้ไม่ต่างจากรถยนต์ Tesla ไปแล้วครับ ดังนั้น คนที่เคยขับ Tesla Model 3 มาก็จะไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยนอกจากวิสัยทัศน์ในการมองรอบคัน(ที่ต้องฝึกมา) อีลอนเคยให้คนที่ไม่เคยขับ Tesla Semi มาก่อนมาขับส่งของดูก็ปรากฏว่าขับได้ปกติไม่เป็นไรครับ

สเปค Tesla Semi 1,000 แรงม้า++

Tesla จะปล่อยรถบรรทุก Tesla Semi ออกมา 2 รุ่นให้เลือกซื้อนะครับ คือรุ่น 600 kWh และรุ่น 1 MWh

BLINK DRIVE TAKE

อีลอนออกมายืนยันอีกด้วยว่า ตั้งเป้าผลิตรถบรรทุก Tesla Semi ให้ได้ 50,000 คันภายในปี 2024 หรืออีก 15 เดือนจากนี้ครับ

เท่ากับว่า วงการรถบรรทุกในอเมริกาต้องปรับตัวอย่างหนักหลังจากปี 2024 เป็นต้นไปนะครับ ข้อเสียของ Tesla Semi คือระยะเวลาในการเติมไฟนานกว่ารถบรรทุกดีเซลทั่วไป แต่ทุกท่านทราบหรือป่าวว่า กฏหมายของอเมริกานั้นบังคับให้คนขับรถบรรทุกต้องจอดพักอย่างน้อย 30 นาทีถ้าขับติดต่อกัน 8 ชั่วโมง(มีระบบ GPS ติดตามเพื่อยืนยัน)

ถ้าคำนวณกันเล่นๆ คือ รถบรรทุกวิ่งไป 8 ชั่วโมงจะตกประมาณ 400-500 ไมล์ซึ่งตรงกับ Range สูงสุดที่ Tesla Semi ให้มา(บังเอิญจังนะครับ)

ถ้าใครฝ่าฝืนขับต่อเนื่องกันเกิน 8 ชั่วโมงก็โดนยึดใบขับขี่ครับ (กฏหมายที่นี่แรงมากครับ)เพราะการขับต่อเนื่องนานๆ มันจะทำให้ขาดสติและมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนที่ขับต่ำกว่า 8 ชั่วโมงครับ ส่วนคุณจะลักไก่ขับ 4 ชั่วโมงพัก 15 นาทีก็ได้ครับ แต่เค้าจะให้ขับมากสุด(รวมเวลาพัก) 10 ชั่วโมง จากนั้นคนขับต้องจอดนอนพักอย่างต่ำ 8 ชั่วโมงถึงจะขับไปต่อได้ครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

พูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารเทคโนโลยีได้ที่ Discord นี้

Exit mobile version