Site icon Blink Drive

รีวิว BMW iX3 วิ่งกาญฯ – กทม. – อยุธยา ระยะทาง 637 km, ค่าชาร์จไฟ 601 บาท

สวัสดีครับ วันนี้ทางเราได้รถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 มารีวิวจาก BMW Thailand โจทย์ของผมที่สงสัยมานานคือ ถ้าเราเอารถยนต์ไฟฟ้าขับไปตามจังหวัดบ้านใกล้เรือนเคียงแถวๆ บริเวณ กรุงเทพฯ นั้น จะสะดวกสบายเหมือนกับการใช้งานรถยนต์น้ำมันหรือป่าวนะครับ ทำให้เราจัดเส้นทางทั้งหมดเป็น 2 เส้นทางในการทดสอบในครั้งนี้คือ

  1. กทม. – กาญจนบุรี
  2. กทม. – อยุธยา

ถ้าเอาคนที่เคยขับรถยนต์ไฟฟ้ามารีวิวมันก็คงไม่ตื่นเต้นและคงมองว่า “เห้ย เค้ารู้ app สำหรับการชาร์จไฟหมดแล้วนิ ขับแบบนี้ยังไงก็ถึงที่หมายสิ” ผมก็เลยตั้งกฏของการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองเส้นทางนี้จะต้องเป็นการทดสอบจากคนที่ไม่เคยขับรถยนต์ไฟฟ้ามาก่อนในชีวิตและเค้าก็ยังลังเลว่าจะซื้อมาใช้ดีไหมนะครับ

ผมคิดว่า สิ่งที่เป็นตัวแปรหลักที่จะทำให้คนหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้าแบบไม่ Bias (ลำเอียงทางการให้ข้อมูล)คือต้องเอาคนที่ไม่เคยขับรถยนต์ไฟฟ้ามาขับในเส้นทางต่างจังหวัดดูนะครับ เพราะว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจในการหาสถานีชาร์จมาก่อนเลย เรียกได้ว่า เปิดซิงกันเลยทีเดียว

โดยผมไม่ให้ข้อมูลอะไรเค้าทั้งนั้น เรียกได้ว่า ไปตายดาบหน้าซะนะ ฮ่าๆ มาดูกันว่า หนูทดลองตัวนี้ของผมนั้นจะมี feedback(ตอบกลับ)มายังไงหลังจากได้ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 คันนี้เสร็จนะครับ

ดังนั้น โพสนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามาก่อนในชีวิตครับ แล้วยังลังเลว่าจะเปลี่ยนใช้รถยนต์ไฟฟ้าดีไหม

หมายเหตุ : โพสนี้ไม่ได้รับเงินโฆษณาใดๆ จากใครทั้งสิ้นครับ เนื่องจากเราได้ข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ที่ใช้งานจริงบนถนนไทย ทางผมจึงได้ทำการติดต่อ BMW Thailand ไปเพื่อขอยืมรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 มาทำการรีวิวครับ ยังไงก็ตามผมบอกว่า ผลการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 คันนี้ตามเส้นทางต่างๆ ในบริเวณภาคกลางนั้น ทำเวลาออกมาได้เหมือนกับการใช้งานรถยนต์น้ำมันเลย คือไม่ได้รู้สึกเลยว่า การชาร์จไฟเพื่อขับขี่ถนนต่างจังหวัดนั้นจะเป็นอุปสรรค์สำหรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า แต่กลับกันคือ ทุกครั้งที่แวะจอดชาร์จนั้น ปรากฏว่า รถจะชาร์จไฟเต็มก่อนพวกเราทำธุระกันเสร็จซะงั้นครับ

สเปค BMW iX3

Day 1 : กทม. –  กาญจนบุรี : 170.7 กิโลเมตร

ปัญหาแรก Range ที่ให้มาไม่ตรง?

รูปภาพ : ไมล์รถที่ 24 km (ใหม่มากๆ)

เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 ที่นำมาทดสอบนั้นเป็นรถใหม่มากๆ เรียกได้ว่าเป็นรถป้ายแดง(มือหนึ่ง)ไม่ได้ผ่านการขับขี่มาก่อนเลย ตัว GOM (Guess-O-Meter) นั้นยังใช้ค่าของโรงงานอยู่ ทำให้ Range (ระยะทางที่วิ่งได้) ของรถคันนี้ตอนรับรถจะอยู่ที่ 415 km ซึ่งเป็น Range ไม่ตรงกับการใช้งานถนนในไทยนะครับ เราจำเป็นต้องทำการรันรถไป 100-200 km เพื่อให้เห็น Range จริงของรถ

คุณโอนั้นได้นั่งลองใช้งานระบบต่างๆในรถในจุดรับรถ 40 นาทีและที่คอนโด 30นาที ซึ่งเป็นสถานที่ในร่มและเค้าได้ทำการเปิดแอร์ 24 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิภายนอกรถนั้นประมาณ 30-35 องศาเซลเซียส ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ตัวรถจะทำการเปลี่ยน GOM (Guess-O-Meter)(อ่านเพิ่มเติมได้ใน link นี้)

อันนี้ผมมองว่า เป็นการสูญเสียที่รับได้จากการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปนะครับ เพราะการเปิดแอร์ 1 ชั่วโมงนั้นส่วนใหญ่จะเปลืองไฟประมาณ 1-2 kWh อยู่แล้ว อันนี้จอดเปิดแอร์รวมๆกันประมาณ 70 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง 10 นาทีซึ่งตีเป็นค่าไฟคร่าวๆ ประมาณ 2 หน่วยหรือ 8 บาทครับ

ส่วนระยะทางที่หายไปประมาณ 38.3 km นั้น เราอาจจะมองอย่างนั้นไม่ได้ว่าการจอดรถ 1 ชั่วโมง 10 นาทีเท่ากับการกินไฟ 9 kWh (อ้างอิง อัตราการกินไฟรถคันนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 235 Wh/km) เนื่องจากการคำนวณระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้านั้นแปรผันแรงมากครับ อยู่ประมาณ 20-30% ของ Range การใช้งานจริงเลย ถ้าดูจากรูปภาพด้านล่างเราจะเห็นว่า Range Estimate (การคาดการณ์ระยะทางที่วิ่งได้)ใหม่นั้นจะอยู่ที่ 381 km แทนที่จะเป็น 415 km เหมือนในตอนเช้านะครับ

สาเหตุที่ Range หายจากระยะทางที่วิ่งได้จริงไปถึง 38.3 กิโลเมตรนั้นมาจากการที่ตัวรถต้องคำนวณการพฤติกรรมการใช้ไฟใหม่ทุกๆ 100 km แหละครับ ดังนั้นอันนี้เป็นเรื่องธรรมดาของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าครับที่จะเห็น Range ของรถกระโดดไป 400 km ในวันที่อากาศดีและการขับขี่ที่ความเร็วเหมาะสม(ไม่เกิน 70 km/h) หรือเรียกว่า ขับรถติดเบาๆ ในเมือง และเราจะได้เห็นรถคันเดิมนี่แหละที่ range ลดลงไปถึง 350 km ในวันที่อากาศร้อนมากๆ , นั่งเปิดแอร์ในรถนานๆ, หรือขับเร็วกว่า 120 km/h ในทริปนั้นครับ

ปัจจัยต่างๆเหล่านี้เค้าเรียกว่า GOM (Guess-O-Meter)(อ่านเพิ่มเติมได้ใน link นี้)

สรุปคือ ถ้าคุณซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้ว Range ที่ได้มานั้นต่ำกว่าที่บริษัทแจ้งเอาไว้ก็อย่าเพิ่งตกใจว่า แบตเสื่อมไปนะครับ รถมันไม่สามารถทำ Range อย่างที่บริษัทแจ้งมาได้อย่างแน่นอน อันนี้สิ่งหนึ่งที่ชาว Tesla ก็รู้ดีและทำใจมาตลอด ดังนั้น โพสนี้ก็เป็นการยืนยันว่า Range ของรถจริงๆ นั้นจะอยู่แถวๆ 381 km (ในกรณีวิ่งต่างจังหวัดแบบนี้นะครับ)แทนที่จะเป็น 415 km ตอนรับรถ

หมายเหตุ : รถคันนี้ใหม่มากๆ ครับ ตอนคุณโอไปรับมาทดสอบนั้น ไมล์รถคันนี้วิ่งไปแค่ 40 km เท่านั้น

ชาร์จรถครั้งแรก : 3.9 kWh , 4 นาที, 29.36 บาท

ช่วงเย็นออกไปถ่ายรูป ก่อนจะแวะทดลองใช้งานชาร์ตไฟที่ตู้ Elex by EGAT

  • ระยะเวลา 4 นาที
  • ได้กำลังไฟ 3.915 kWh
  • เสียเงิน 29.36 บาท
    • เฉลี่ย 1 kWh = 7.45 บาท
  • กำลังไฟที่ตู้จ่ายประมาณ 59kW จากกำลังชาร์ตสูงสุด 120kW

วันแรก : ถ่ายภาพรีวิวรอบคัน ณ เมืองกาญจนบุรี

รถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 คันนี้ยังเต็มไปด้วยกลิ่นไอความเป็น BMW เรียกว่าได้รับ DNA ของ BMW จากรุ่นพี่สืบทอดมาถึงรุ่นนี้เต็มๆ แต่ส่วนที่รถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 คันนี้แตกต่างจากรุ่นพี่ออกไปคือ logo BMW ที่มีวงกลมสีฟ้าเป็นกรอบล้อมรอบเอาไว้ พร้อมกับมีอักษรตัว i บริเวณด้านหลังที่อยู่นำหน้าคำว่า X3 ซึ่งเป็นที่บ่งบอกว่าเป็นรถยนต์พลังงานสะอาดนะครับ

ปิดท้ายคืนแรกด้วย Welcome Light Carpet

อันนี้เป็นฟีเจอร์ BMW Welcome Light Carpet ที่มีมาตั้งแต่ 2016 ใน BMW series 7 นะครับ อันนี้คือเป็นประโยชน์มากๆในยามค่ำตอนเราเดินขึ้นรถ เพื่อจะทำให้เรามองเห็นสิ่งของต่างๆ บริเวณรอบรถตอนเราเดินขึ้นรถนะครับ

สรุปการเดินทางวันแรกเส้นทางจาก กทม. – กาญจนบุรี

เราจะเห็นได้ว่า ตอนออกจาก กทม. นั้นระยะทางของรถที่วิ่งได้(Range)ของรถอยู่ที่ 415 กิโลเมตร พอวิ่งไปถึงที่หมายที่ระยะทาง 170 กิโลเมตรแล้ว Range ของรถลดลงมาเหลือ 206 กิโลเมตร นั่นก็แปลว่า คุณโอสามารถเอารถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 คันนี้วิ่งไป-กลับ กทม. – กาญจนบุรีโดยไม่ต้องแวะชาร์จไฟเลยนะครับ

ส่วนความประหยัดนั้นถ้าวิ่งไป-กลับกทม. – กาญจนบุรีและต้องกลับมาชาร์จไฟบ้านนั้นจะตกประมาณ 280 บาท(ค่าไฟ 4 บาท ต่อ kWh และอ้างอิงจากแบตเตอรี่ของ BMW iX3 ที่มีขนาดความจุ 74.0 kWh) อันนี้ผมคิดหลวมๆ เผื่อจอดแช่ 2-3 ชั่วโมงนั่งเล่นเลยนะครับ เพราะเอาจริงๆ การกินไฟของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ก็ไม่ได้เยอะมากขนาดนั้น แต่ถ้าจะคิดค่าไฟกันจริงๆ ก็ประมาณ 200-280 บาทต่อทริป(ไป-กลับ)ครับ (ประหยัดกว่านี้ก็ บขส. แล้วครับ)

วันที่ 2 : กาญจนบุรี – กทม. ระยะทางที่วิ่งจริง 238 km

Day 2 : Travelled Distance(วิ่งไปทั้งหมด) : 23.3 km : วิ่งรถช่วงเช้า

Range ตอนเริ่มทริปนั้นอยู่ที่ 204 km แต่คุณโอได้ขับทดสอบรถไปในช่วงเช้า 23.3km พอกลับมาถ่าย Range อีกทีจะอยู่ที่ 50 % SoC หรือ 167 km นั่นก็แปลว่า รถคันนี้ถ้าชาร์จเต็มจะวิ่งได้ประมาณ 320 km จากพฤติกรรมการขับขี่ของคุณโอนะครับ

Day 2 : Travelled Distance(วิ่งไปทั้งหมด) : 76.3 km : แวะถ่ายรูปที่ถ้ำเสือ

ช่วงสายประมาณ 11โมง – บ่าย13.30 ไปถ่ายรูปที่วัดถ้ำเสือและทดลองขับรถบริเวณนั้นดูนะครับ

อันนี้กลับกลายเป็นว่า Range ลดลงไปต่ำกว่าการใช้งานจริงซะงั้น อย่างที่คุณโอกล่าวไปด้านบนว่า เค้าเน้นการนั่งในรถบ่อยมากๆ ตอนเช้าก่อนขับมานั้นเค้าก็นั่งเปิดแอร์ในรถประมาณ 45 นาทีทำให้ Range ที่วัดได้นั้นไม่ตรงอย่างแรงนะครับ อันนี้ก็เป็นข้อมูลที่สำคัญตัวนึงสำหรับคนวางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าว่า Range ของรถนั้นจะไม่ตรงเสมอเพราะมันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของเราและการใช้งานรถครับ ถ้าอยากเชคให้ตรงแนะนำดูจากเปอร์เซ็นต์แบตและ kWh ที่เหลืออยู่ในแบตนะครับ

Day 2 : Travelled Distance(วิ่งไปทั้งหมด) : 99.6 km : แวะชาร์จไฟ

  • แวะชาร์จไฟที่ตู้ Elex by EGAT
  • ระดับแบตเตอรี่ 29% ถึง Set target ที่ 70 %
    • ระยะเวลา 28 นาที
    • ได้กำลังไฟ 34.607 kWh
    • เงิน 263.33 บาท
    • กำลังไฟที่ตู้จ่ายประมาณ 59kW จากกำลังชาร์ตสูงสุด 120kW
    • Range กลับมาเป็น 248 km ที่ 70% SoC

หมายเหตุ : ตู้ Elex by EGAT สามารถจ่ายเงินหน้าตู้ได้เลย โดยจ่ายผ่าน QR Code ซึ่งคุณโอได้ลองใช้วิธีคือ ไม่ได้เป็นสมาชิก Elex by EGAT เติมไฟปกติเหมือนเติมน้ำมันก็คือจะหน้าปั้มไปเลย ไม่ได้ล๊อคหรือผูกบัตร credit card อันนี้คือสะดวกสบายมากๆ สำหรับลูกค้าขาจรที่ไม่ได้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก

Day 2 : Travelled Distance(วิ่งไปทั้งหมด) : 238.4 km : ชาร์จไฟ DC ตู้ 27 kW

คุณโอเดินทางจากกาญจนบุรีมาถึงกทม. จบที่ระยะทาง 238.4 km ในวันที่สอง(วันกลับ)นะครับ ได้แวะชาร์จไฟเป็นสถานที่สุดท้ายของทริปนี้

หมายเหตุ : EA anywhere จ่ายผ่านบัตร Credit มีแจ้งเตือนมัดจำค่าชาร์จ 800 บาท ไม่ต้องตกใจ พอชาร์จเสร็จเค้าก็ตัดตังเราเท่าที่เราใช้จริง

วันที่ 2 : ไปกลับ กทม.- อยุธยา – กทม. (โดยไม่ได้แวะชาร์ตไฟ)

คุณโอเริ่มต้นทริปวันนี้ด้วยแบตเตอรรี่ 98 % หรือ range 352 km ครับ ไมล์รถตอนเริ่มทริปนั้นอยู่ที่ 454 km (รถใหม่มากๆครับ) การเดินทางนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่วันนี้เป็น challenge (ความท้าทาย)อีกอย่างที่คุณโอจะลองทำคือใช้งานรถโดยไม่แวะชาร์จไฟเลยครับ

ระหว่างที่เดินทางก็แวะทานข้าวเที่ยง ณ ตลาดกลางอยุธยา พร้อมกับแวะซื้อหมูสะแต๊ะ เฮียแกะเจ้าเก่า ถ้าใครวิ่งเส้นนั้นก็น่าจะลองแวะกันดูครับ(ไม่ได้รับเงินสปอนเซอร์นะครับ ร้านแกอร่อยจริงๆครับ)

จุดหมายปลายทางของทริปในวันนี้คือ วัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งคุณโอตั้งใจขับมาทดสอบพร้อมกับไหว้พระที่นี่ด้วยครับ

หลังจากไหว้พระเสร็จแล้วก็กลับมาทำงานกันต่อเนอะ รอบบ่ายนั้นจะเป็นการรีวิวเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 นะครับ

ภายใน BMW iX3 (ถ่ายกันที่ จ. อยุธยา)

รถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 นั้นมีมิติ ยาว/กว้าง/สูง = 4,734 x 1,891 x 1,668 มม. เป็นรถยนต์ SUV ไฟฟ้าที่มีขนาดพอๆ กับ Tesla Model Y และ Audi Q4 E-tron นะครับ

เบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 สามารถปรับเพิ่มปริมาตรการบรรจุสัมภาระจาก 510 ถึง 1,560 ลิตร แต่ที่สำคัญคือผมขอให้คุณโอลองลงไปนอนแบบเอาขาเหยียดตรงเพื่อเชคว่าคันนี้สสามารถรองรับการทำ camp mode ด้วยคนสูง 180 cm (ความสูงของคุณโอ)ได้ไหม ปรากฏว่า เค้าบอกว่า นอนได้ปกติ ไม่รู้สึกว่า คับแคบแต่อย่างใดครับ

อย่างไรก็ตาม BMW iX3 นั้นไม่มีฟังชั่น Camp mode ติดรถมาให้นะครับ ถ้าใครอยากเปิด Camp Mode ในรถคันนี้ต้องใช้ทริกนิดส์นึงโดยการตั้งเกียร์ไปที่ตัว N(เกียร์ว่าง) จากนั้นก็ใส่เบรคมือไฟฟ้าทิ้งเอาไว้ แอร์รถก็จะรันไปเรื่อยๆ ทั้งคืนแบบนั้นครับ(ปล. คุณตามเค้าทดสอบระบบนี้กันมาแล้วครับ นอนได้ไม่มีปัญหา แต่ทางพวกเรายังไม่ได้ลองเพราะเวลาทดสอบของเรามีค่อนข้างน้อยครับ)

ความสบายของคนนั่ง : ในส่วนของโซนที่นั่งด้านหน้าคือค่อนข้างดีมาก เบาะหนังนุ่มสบายและมีระบบปรับไฟฟ้าทั้งฝั่งคนขับ และ ผู้โดยสารตอนหน้า (แต่ถ้าเพิ่มเติมได้จะดีมาก คือเบาะระบบนวด ที่เพื่อสำหรับคนที่ใช้งานรถเยอะๆและนานๆ จะได้ไม่เมื่อย)

วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในจะเป็นแบบ Soft touch ซึ่งเวลาเราสัมผัสและใช้งานจริงๆคือ Feeling ดีมาก และลวดลายที่เป็นช่องตารางสามเหลี่ยม ทำให้ร็สึกsport และทันสมัยดี

เบาะหลังปรับเอนได้?

อันนี้ก็เป็น highlight อีกอันที่ผมมองว่า ค่ายรถหรูควรนำมาใส่แหละครับ เบาะหลัง BMW iX3 นั้นปรับเอนได้ทำให้เวลาเดินทางไกลนั้นคนนั่งหลังก็สามารถเอนกายหลับได้สบายๆ เหมือนเบาะคนนั่งหน้าครับ ฟังชั่นนี้เหมาะกับผู้โดยสารที่ัน่งหลังแล้วเดินทางไกลนะครับ โดยตัวเบาะนั้นจะสามารถปรับเอนไปได้หลังได้มากถึง 10 องศาเลยทีเดียวครับ

ส่วนตัวเบาะหลังนั้นจะสามารถเลื่อนไปข้างหน้า-ข้างหลังได้ระยะประมาณ 8 cm เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังยามจำเป็นครับ

Leg Room

แอร์แถวหลัง + USB Type C

อันนี้ผมขอรีวิวแบบผ่าน ๆคือมีแอร์ด้านหลังมาให้ พร้อมกับหน้าจอสำหรับปรับอุณหภูมิหรูหราตามสไตล์รถยุโรปนะครับ แต่ที่มองว่าสำคัญจริงๆ ในยุค IoT แบบนี้คือสายชาร์จไฟ USB Type C ที่ให้มา 2 พอร์ตเหมือน Tesla Model 3 / Model Y เลยครับ

ส่วนสิ่งนึงที่ไม่พูดไม่ได้คือ คานหลังที่อยู่ตรงที่นั่งตรงกลาง เนื่องจากรถคันนี้ใช้ platform เดียวกันกับ BMW X3 เป๊ะ หรือจะเรียกว่าแป้นพิมพ์โครงสร้างรถนั้นยืมของ BMW X3 มา ทำให้พื้นที่วางขาของที่นั่งตรงกลางเบาะหลังนั้นนูนขึ้นมา แทนที่จะราบไปแบบสไตล์รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปในท้องตลาดเพราะรถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องมีระบบเกียร์เหมือนรถยนต์น้ำมันทำให้ไม่ต้องสร้างพื้นที่นูนแบบในภาพขึ้นมานะครับ

ถ้าถามว่าเป็นปัญหาในการใช้งานไหม ก็ตอบเลยว่า ไม่ครับ เนื่องจากเป็นไปได้ยากมากๆ ที่เราจะเอาเพื่อนเข้ามานั่งในรถถึง 5 คนทุกวันในการใช้งาน แต่พวกเรามองว่า ชิ้นส่วนนี้น่าจะถูกดัดแปลงและตัดออกในรุ่นถัดไปแหละครับ

สรุปการเดินทาง ไป-กลับ กทม. – อยุธยา(แบตเหลือ 47%)

เย็นนั้นคุณโอก็ได้ขับรถ BMW iX3 กลับกทม. นะครับ เดี๋ยวผมจะทำการสรุปเป็น bullet point สั้นๆ ตรงนี้เลยนะครับ

หมายเหตุ : Range ที่เหลือนั้นถือว่าเหลือเยอะมากๆ เรียกได้ว่า เราสามารถขับรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 ไป-กลับ กทม. อยุธยา 2 รอบก่อนแบตรถจะหมดนะครับ ทั้งๆ ที่วันที่คณโอขับรถกลับมานั้น เค้าบอกว่า ช่วงเวลา 5โมงเย็น –  6 โมงเย็นเป็นช่วงที่ฝนตกและรถติดในกทม. อย่างมาก เรียกได้ว่าเค้าอยู่บนถนนรถติดในกทม. ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ เลยครับ แต่ปรากฏว่า Range ของรถกลับลดน้อยมากๆ(ก็รถยนต์ไฟฟ้าไม่กลัวรถติดเนอะ)

สรุปเส้นทางการเดินทาง

  1. กทม – กาญจนบุรี – กทม (ระยะทางรวมทั้งหมด 420 km) : ขาไปนั้นไปได้ แต่ขากลับนั้นต้องแวะชาร์จไฟที่ elexa แล้วก็แวะชาร์จนั้นดูเหมือนจะไม่นานเลยเพราะคุณโอแวะเข้าไปซื้อขนมพร้อมเข้าห้องน้ำแป๊บนึง กลับมาอีกทีรถก็ชาร์จไฟเต็มแล้ว(เรียกได้ว่า ทำธุระในปั้มยังไม่เสร็จเลย ไฟก็เต็ม SoC ที่ตั้งเอาไว้แล้วครับ)
  2. กทม – อยุธยา – กทม. (ระยะทางรวมทั้งหมด : 223 km) อันนี้คือวิ่งไป-กลับได้ 1 รอบสบายๆ พร้อมเหลือแบตอีก 47 % SoC นะครับ

บทสรุปการใช้งาน BMW iX3 เป็นระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา

คุณโอได้ทำการทดสอบและให้ความคิดเห็นต่างๆ กับรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 ดังนี้

ความนุ่ม

ความปลอดภัย

อัตราเร่ง 0-100 km/h ในชีวิตจริง

วัดระดับเสียงdB โดย Apple iWatch

Apple Car play

Apple car play ในรถรุ่นนี้เป็น Wireless นะครับ การเชื่อมต่อกับตัวรถง่ายมากๆ แค่เปิดBluetoothที่มือถือเรา แล้วทำการเชื่อมต่อกับตัวรถตามstepได้เลย อันนี้เป็นสิ่งนึงที่ Tesla Model Y ไม่มีนะครับ และทุกวันนี้ Tesla ทุกรุ่นในไทยยังไม่สามารถใช้งาน Navigation(ระบบนำทาง) ได้เลยเพราะ Tesla ยังไม่เปิด Official ในไทยครับ ทำให้จุดๆ นี้ BMW ชนะเรื่อง Navigation (ระบบนำทาง)ไปโดยปริยายครับ

ระบบ Wireless apple car play ทำงานได้เสถียนดี การเชื่อมต่อไม่ติดขัดเลยระหว่างการทดสอบทั้ง 3 วัน

สิ่งที่ไม่ชอบในระบบ Wireless Apple Car Play : พอเป็นระบบ wireless ทำให้อัตรากินใช้ไฟของมือถือเพิ่มขึ้นมากๆ ถึงแม้ในรถจะมีแท่น wireless charger ก็ยังไม่ค่อยช่วย เพราะตัว wireless charger ยังชาร์ตไฟค่อนข้างช้ามากๆ และเวลาชาร์ตและใช้งานไปด้วย ทำให้มือถือค่อนข้างร้อน และมีอาการค้างๆกระตุกๆบ้าง (รุ่นมือที่ถือที่ใช้ในการทดสอบ Iphone 13 pro)

แถมรถคันนี้มีระบบนำทางจาก BMW มาให้เพิ่มอีกด้วย ทำให้เราสามารถเลือกใช้ได้ 2 ระบบในคันเดียวกันเลย ข้อดีของการใช้ระบบนำทางจาก BMW นั้นเราจะสามารถเอา Navigation มาตรงหน้าจอคนขับแบบภาพด้านล่างได้ครับ ส่วน Google map หรือ apple map นั้นไม่สามารถนำภาพแผนที่หรือระบบนำทางมาวางเอาไว้ตรงหน้าจอคนขับได้ครับ

ระบบ Apple Car Play นั้นใช้งานได้ลื่นมาก ผิดคาดกว่าที่เราคิด ที่คิดว่าจะมีอาการlack เวลาใช้งานจริง

สิ่งที่คิดว่า BMW จะทำการปรับปรุงในอนาคตเกี่ยวกับ Apple Car Play

เวลาที่เราอยากจะซูมขยาย หรือ ย่อแผนที่ใน google map นั้น เราจะยังไม่สามารถใช้มือถ่างดูได้แบบในมือถือ (เราจะต้องกดย่อขยายเอง ทำให้เวลาขับขี่จริงใช้งานลำบากขึ้น)- Google map ยังไม่สามารถกด re-route ได้เวลาที่กดให้ทำงานแบบ navigator ไปแล้ว เลยทำให้บางครั้งใช้งานได้ลำบากขึ้นเวลาที่เราเจอรถติดๆ และอยากจะเปลี่ยนไปเส้นทางใหม่

ระบบสั่งงานด้วยมือ(โดยไม่จับหน้าจอ)

ระบบนี้ถือว่าเป็น highlight อีกตัวของ BMW iX3 เลยครับ จริงๆ แล้วฟีเจอร์ Gesture Control นั้นมีมาตั้งแต่ปี 2018 ใน BMW รุ่นต่างๆ นะครับ แล้ว BMW iX3 ก็ได้ฟีเจอร์นี้มาด้วย ฟีเจอร์นี้จะใช้กล้องภายในรถในการตรวจจับการเคลื่อนไหวบริเวณคอนโซลตรงกลางรถนะครับ

การสั่งการผ่าน Gesture Control นั้นมีทั้งหมดตามนี้คือ

  1. หมุนนิ้วมือไปตามเข็มนาฬิกา : เพิ่มระดับเสียงเพลงภายในห้องโดยสาร
  2. หมุนนิ้วมือทวนเข็มนาฬิกา : ลดระดับเสียงเพลงภายในห้องโดยสาร
  3. เอานิ้วชี้และนิ้วกลางทำเป็นรูปตัว V หรือเรียกว่าชูสองนิ้วแล้วจิ้มไปด้านหน้า จะเป็นการกดหยุดเพลง
  4. กำมือแล้วเอานิ้วโป้งออกมา(เหมือนโป้งแปะ)แล้วดันมือไปทางซ้ายก็จะเป็นการย้อนกลับไปฟังเพลงก่อนหน้านี้
  5. กำมือแล้วเอานิ้วโป้งออกมา(เหมือนโป้งแปะ)แล้วดันมือไปด้านขวาก็จะเป็นการข้ามเพลงปัจจุบันไป

ผมทิ้งวิดีโอการใช้งานฟีเจอร์นี้เอาไว้ด้านล่างนี้นะครับ

BLINK DRIVE TAKE

สรุปแล้ว ผมมองว่าการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 นั้น Range จริงจะอยู่ที่ 350 – 400 km (แล้วแต่พฤติกรรมการขับขี่นะครับ) ดังนั้น ใครที่วางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 นั้นก็ให้ยึดเอาไว้ว่า วิ่งให้ตายยังไง Range ก็ไม่ต่ำกว่า 350 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง(ถ้าต่ำกว่านั้น แนะนำให้เชคลมยางครับ น่าจะมียางรั่วซักเส้นแล้วล่ะ)แต่ถ้าจะวิ่งให้ถึกๆ ไกลๆ จริงๆก็จะได้ประมาณ 400 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

จริงๆ แล้ว ถ้าคนที่วางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla มาดูโพสนี้แล้ว อาจจะไม่เกิดกิเลสมากเท่าไหร่ เพราะคนที่วางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้ทั้งๆ ที่ประเทศไทยไม่มีศูนย์ฯ ให้บริการอย่างเป็นทางการหรือเรียกว่า official dealer นั้น แสดงว่า เค้ายอมรับความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบเอาไว้แล้ว เช่น เรื่องรถพังจากการใช้งาน หรือ เรื่องชนมาแล้วต้องหาศูนย์ซ่อมเองครับ เรียกได้ว่า เค้าเตรียมใจซื้อรถยนต์คันต่อไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้นไปแล้วครับ

อย่างที่ผมบอกตั้งแต่ต้นว่า โพสนี้จะเป็นโพสที่ทำให้คนที่ลังเลระหว่างว่า รถคันต่อไปควรจะเป็นรถยนต์น้ำมัน BMW หรือรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 กันแน่ ก็สามารถเอาข้อมูลในโพสนี้ไปศึกษาเพิ่มเติมกันได้อย่างเต็มที่ครับ ถ้าพูดกันจริงๆคือ ฟีเจอร์ของ BMW ในรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์น้ำมันนั้นเรียกได้ว่า จะเท่าๆ กันเลย แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงคือ เรื่องความประหยัดทั้งเชื้อเพลิงและการซ่อมบำรุง , เรื่องความแรง (อัตราเร่งอาจจะสู้ Tesla Model Y ไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับรถยนต์น้ำมัน Segment เดียวกันอย่าง BMW X3 นั้นก็จะใกล้เคียงกันอยู่นะครับ)

พวกเราได้ทำคลิปลง Youtube แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 มาตรงนี้ด้วยนะครับ

การปรับตัวเข้าหารถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3

คุณโอบอกว่า BMW iX3 ทำรถออกมาได้ตอบโจทย์อย่างมากครับ เค้าได้ลองให้พ่อของเค้าทดสอบขับดูซึ่งอายุ 60 ปีกว่าๆ ปรากฏว่า แกแทบไม่ถามอะไรจากคุณโอเลย พอขึ้นไปขับปุ๊บก็ไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย เพราะ BMW นั้นยังทำหน้าตาของรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 คันนี้ให้เหมือนรถยนต์น้ำม้น BMW X3 ทุกประการ หรือเรียกได้ว่า ยังใช้ platform เดียวกันกับรถยนต์น้ำมัน BMW เกือบทุกอย่าง มีแต่ระบบขับเคลื่อนที่เป็นระบบไฟฟ้าล้วนและมีแบตเตอรี่ 74 kWh เข้ามาแทนที่เครื่องยนต์สันดาปเดิม ทำให้ผู้ใช้งานแทบไม่เหนื่อยกับการปรับตัวเข้าหารถเลย โดยเฉพาะผู้สูงอายุซึ่งเป็น decision maker(ผู้ตัดสินใจ)ในการซื้อรถนะครับ

ไม่คิดจะซื้อรถน้ำมันมาขับอีกแล้ว!?

คุณโอได้ให้สัมภาษณ์กับผมหลังจากที่ไปทดสอบขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 คันนี้นะครับว่า พอได้ลองรถยนต์ไฟฟ้าจริงๆแล้ว รถคันต่อไปยังไงๆ ก็ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าครับ

สิ่งแรกที่ประทับใจคือ อัตราเร่งของรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 คันนี้ครับ ถึงรถ BMW iX3 จะไม่แรงเท่ารถ Tesla model Y ก็เถอะ แต่เท่าที่เค้าได้ขับดู ก็ยอมรับเลยว่า ถ้าจะเร่งแซงรถน้ำมันบนท้องถนนนั้น กดได้โดยไม่ต้องห่วงว่า แซงไม่พ้นเลยครับ (กดปุ๊บรอบมาปั๊บ ไม่หน่วงซักเสี้ยววินาทีเลยทีเดียว)

สิ่งหนึ่งที่เค้าเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่า มีรถยนต์ไฟฟ้าต้องมีบ้านสำหรับชาร์จรถเท่านั้น, เพราะสถานีชาร์จยังไม่เยอะและก็ราคาแพงกว่าชาร์จไฟบ้าน

นี่เป็นสิ่งที่คุณโอกังวลอย่างมากสำหรับการมีรถยนต์ไฟฟ้าเลยเพราะเอาจริงๆ เค้าอาศัยอยู่คอนโดนะครับ แล้วทางคอนโดก็ไม่ได้ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้ในตัวอาคารทำให้เค้าไม่กล้าที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่พอได้มาทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 พร้อมกับทดสอบชาร์จไฟผ่านสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC Fast Charge ดูแล้วเค้าบอกว่า ประหยัดกว่าการเติมน้ำมันตั้ง 3 เท่านั่นแหละ เอาจริงๆเค้าบอกว่า “ระยะทาง 637 km นี้ถ้าเติมน้ำมันก็ 2,000 บาทนะ นี่ชาร์จ DC นอกบ้านแค่ 600 บาทเอง ถ้าอยากให้ถูกกว่านี้ก็ปั่นจักรยานเถอะ”

นี่แค่ชาร์จไฟนอกบ้านอย่างสถานี DC Fast Charge ยังลดลงเหลือเพียง 600 บาทนะครับ ถ้าชาร์จไฟบ้านก็คำนวณเล่นๆ ไปเลยว่า ค่าไฟประมาณ 300-400 บาทครับ แถมสถานีชาร์จไฟก็อยู่ในห้างเป็นส่วนใหญ่ ถ้าขับต่างจังหวัดก็อยู่ตามปั้ม ลองคิดตามผมเล่นๆ นะครับ คุณไม่สามารถเติมแก๊สหรือน้ำมันในห้างฯ ได้ แต่คุณสามารถชาร์จรถในห้างฯ ได้ ระหว่างขากลับมาถึง กทม. นั้น คุณโอแวะเข้าห้างฯ เพื่อหาอะไรกินและเดิน shopping นิดหน่อย ปรากฏว่า รถชาร์จเต็มก่อนพวกเค้าจะเสร็จธุระซะอีก (สะดวกสบายเหมือนขับรถจอดในห้างธรรมดาๆ แหละครับ แต่ที่แตกต่างคือได้ชาร์จไฟพร้อมจอดรถ)

ดังนั้นแล้ว คุณโอบอกว่า ยังไงคันต่อไปก็จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าขับ เพราะต่อให้ต้องอยู่คอนโดและต้องชาร์จไฟนอกบ้านก็ยังถูกกว่าเติมน้ำมันแถมไม่ต้องเสียเวลาแวะปั้มน้ำมันอีกด้วย ถ้าไฟหมด ตอนเย็นๆ ก็แวะไปเดินเล่นในห้างฯ , ทำธุระในห้างฯ, หรือกินข้าวที่ห้างฯ ซักมื้อ ไฟก็เต็มตอนกินข้าวเสร็จแล้ว(เผลอๆ ชาร์จเต็มก่อนกินข้าวเสร็จอีกครับ)

ทำไม BMW iX3(EV) ถึงน่าซื้อกว่า BMW X3(ICE Car)?

[ในความเห็นส่วนตัวของผม]ถือว่า BMW ใจปล้ำอย่างมากที่เอาชุดแต่ง M Sport (เพิ่มความหล่อ) มาใส่ใน BMW iX3 นะครับ แค่ค่าชุดแต่งอย่างเดียวนั้นก็หลายแสนบาทแล้วครับ อันนี้คือยกมาทั้งสำนักมาลงรถคันนี้ครับ

ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องราคาครับ ถ้าเอารถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 ไปเปรียบเทียบกับ Tesla Model Y นั้นถือว่า สมน้ำสมเนื้อกันครับ อาจจะเหลื่อมๆ กัน 1-2 แสนบาทไปแล้ว(Model Y แพงกว่าไปแล้วครับ) แต่ถ้าเอามาเทียบกับ BMW X3 xDrive 20d M Sport (เครื่องดีเซล • Plug-in Hybrid) ถือว่า BMW iX3 ถูกกว่า 170,000 บาท ซึ่งงงมากๆ ที่รถยนต์ไฟฟ้าทำราคาถูกกว่ารถยนต์น้ำมันในรุ่นเดียวกันไปแล้วครับ

ถ้าผมเป็นแฟนพันธ์แท้ BMW อยู่ แต่อยากหันมาเล่นรถยนต์ไฟฟ้าแล้วล่ะก็ ผมมองว่า ตัวเลือกที่คุ้มที่สุดในท้องตลาด BMW ตอนนี้คือ BMW iX3 ครับ ทำออกมาได้ยังไงให้ราคาถูกกว่ารุ่นรถยนต์น้ำมันครับ ^^

เนื่องจากค่าบำรุงรักษาของรถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่ารถยนต์น้ำมันประมาณ 10-15 เท่า(วัดกันตามระยะทางที่วิ่ง ยิ่งวิ่งเยอะยิ่งประหยัดกว่า) แถมค่าเชื้อเพลิงก็ประหยัดกันที่ 5 เท่าอยู่แล้วครับ(ค่าน้ำมัน Vs. ค่าชาร์จไฟบ้าน (AC Charging))

ปัญหา BMW iX3 ที่ไม่มีใครพูดถึง??

ปัญหาหลักของรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 ที่ผมทราบมาตอนนี้คือ ไม่มีของขายครับ(Demand over Supply ไปไกลมากแล้ว) หรือจะเรียกว่า ผลิตไม่ทันขาย, ขายดีจนใบจองทะลุ 3 เดือนไปแล้วครับ คนไทยแห่กันไปจองจนตอนนี้ของขาดตลาดกันทุกที่ครับ ทำให้ผมไม่กล้าเชียร์รถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 เต็มข้อเนื่องจากเชียร์ไปคนก็ไม่สามารถไปหาซื้อกันได้เหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ ถ้าเทียบรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้กับรถยนต์น้ำมันยุโรป SUV เหมือนกันนั้น รถคันนี้ได้เปรียบเกือบทุกอย่าง(แรงม้า, แรงบิด, ความประหยัด, และความเงียบที่มาพร้อมกับแรงกระชากตั้งแต่ 0 รอบ) ยกเว้นเรื่องการหาสถานีชาร์จครับซึ่งเป็นอุปสรรคช่วงแรกที่ได้ใช้งาน แต่เอาจริงๆ คุณโอบอกว่า มันเปิดประสบการณ์ใหม่มากกว่า ถ้าคุณเปิดใจรับรถยนต์ไฟฟ้าจริงๆ ใช้เวลาแค่ 15 นาที(ครั้งแรก)ก็หาสถานีชาร์จใกล้บ้านคุณเจอแล้วครับ อย่างคุณโอบอกในวิดีโอด้านล่างนี้ว่า เค้าแทบไม่ต้องเหนื่อยวิ่งหาสถานีชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าเลย มันหาง่ายมาก แต่ที่ผ่านมาไม่เคยใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าก็เลยคิดว่า มันหายากนะครับ

ปัญหาเดียวที่คุณควรกังวลหลังจะหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 คันนี้คือ การหาที่ซื้อรถครับ เรื่องอื่นผมมองว่าเป็นเรื่องรองไปหมดแล้วครับ การได้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 ในปี 2022 โดยไม่ต้องรอรถนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอนครับ ถ้าทำได้ ผมบอกเลยว่าคุณโชคดียิ่งกว่าถูกหวยเสียอีก เพราะตอนนี้ demand รถยนต์ไฟฟ้า(ทุกยี่ห้อ)ทั้งโลกสูงขึ้นทะลุกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไปประมาณ 3- 9 เดือนเรียบร้อยแล้ว

ที่มา : axios

ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่รถน้ำมัน BMW X3 เป็นแต้มต่อในตอนนี้คือมีของพร้อมขายเลยครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Exit mobile version