คุณ อันเดรจ คาร์แพธีหรือเป็นที่รู้จักกันในนาม AI God Father (เจ้าพ่อ AI)ของ Tesla ได้ประกาศลาออกวันนี้(13 กรกฎาคม 2565)ที่ผ่านมาหน้า twitter ของตนเอง
It’s been a great pleasure to help Tesla towards its goals over the last 5 years and a difficult decision to part ways. In that time, Autopilot graduated from lane keeping to city streets and I look forward to seeing the exceptionally strong Autopilot team continue that momentum.
มันเป็นเกียรติและความภาคภูมิของผมอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับบริษัท Tesla ในการบรรลุเป้าหมาย(Tesla FSD) ภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาและมันเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจที่ผมจะเลือกเดินเส้นทางนี้(ลาออก) ตอนผมเริ่มทำงานที่ Tesla นั้น ผมยังจำได้อยู่เลยว่าบริษัท Tesla มีระบบ Autopilot แบบพื้นฐานอย่าง lane keeping (หรือปัจจุบันเรียกว่า Autosteer)และจากวันนั้นพวกเราก็ได้สร้างแรงกระพรื่มมหาศาลให้กับวงการ AI ให้เชื่อมต่อกับโลกรถยนต์ไร้คนขับอย่างทุกวันนี้เลยครับ
คุณอันเดรจ คาร์แพธี
I have no concrete plans for what’s next but look to spend more time revisiting my long-term passions around technical work in AI, open source and education.
ผมยังไม่มีแผนไปทำอะไรหลังจากนี้มากนักนะครับ แต่ผมยังมีใจรักในการทำงานด้าน AI และการศึกษาเหมือนเดิมครับ
คุณอันเดรจ คาร์แพธี
คุณอันเดรจนั้นเรียกได้ว่าเป็นตัวท๊อปของบริษัทที่จะมองว่าเป็นมือซ้ายของอีลอนมัคส์ก็ได้ครับ ถ้าคุณ Franz von Holzhausen คืออัจฉริยะด้านการออกแบบและสร้างรถ Tesla หรือมือขวาของอีลอนแล้วล่ะก็ คือคุณอันเดรจนี่ก็เป็นมือซ้ายที่เป็นกระบี่มือหนึ่งคนเดียวในโลกด้าน software ของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla เลยล่ะครับ
ประวัติการศึกษาคุณอันเดรจ คาร์แพธี – AI GOD FATHER
คุณอันเดรจ คาร์แพธีนั้นเริ่มเรียนเขียนโปรแกรม ณ มหาวิทยาลัยโตรอนโต้ในปี 2005 (อายุ 19 ปี)และสำเร็จการศึกษาในปี 2009 (อายุ 23 ปี)จากนั้นก็ได้ย้ายไปเรียนป.โทเกี่ยวกับ Machine learning ในปี 2009 ณ มหาวิทยาลัย British Columbia จากนั้นก็สำเร็จการศึกษาในปี 2011 (อายุ 25 ปี) และได้ต่อป.เอก ณ มหาลัยชั้นนำของโลกอย่าง Standford ในสาขา Computer Vision และ NLP (Natural Language Processing) และอื่นๆ เกี่ยวกับ Deep Learning
คุณอันเดรจได้พบกับคุณ Fei-Fei Li(เฟย เฟย ลี) ซึ่งสมัยนั้นเค้ายังเป็น Advisor(อาจารย์ที่ปรึกษา)ให้กับคุณอันเดรจ ถ้าทุกคนคุ้นชื่อนี้แต่จำไม่ได้ผมขอย้อนความจำโดยเอาวิดีโอ TED Talk ของคุณเฟย เฟย ลีมาวางเอาไว้ตรงนี้เลยนะครับ ผู้หญิงท่านนี้เป็นมารดาของดวงตา AI เลยก็ว่าได้ครับ เค้าเป็นคนสอนให้คอมพิวเตอร์หรือ AI เข้าใจภาพต่างๆ และอ่าน object(วัตถุ)ให้ออกว่า นี่เป็นอะไร
ในสถานที่แห่งนั้นเค้ายังได้ร่วมงานกับ Daphne Koller, Andrew Ng, Sebastian Thrun และ Vladlen Koltun โดยถ้าคุณศึกษาเรื่อง Deep Learning แล้วล่ะก็ไม่มีทางที่คุณจะไม่รู้จัก Andrew Ng ซึ่งได้ถูกขนานนามว่าเป็นบิดาของ Deep Learning ในยุค 2022 นี้ไปแล้วครับ เค้าเป็นเจ้าของเว็บ Deeplearning.ai และเป็นคนสอน Machine Learning ที่เก่งระดับโลกคนนึงเลยครับ
วิดีโอด้านล่างนี้เป็นวิดีโอที่สัมภาษณ์ระหว่างคุณ Andrew Ng (กูรู Deep Learning) และ คุณอันเดรจ(God Father of Tesla AI)
ณ สถานศึกษาแห่งนั้นเอง คุณอันเดรจได้เป็นคนออกแบบหลักสูตร CNN (Convolutional Neural Network) สำหรับ Visual Recognition หรือดวงตาของ AI ณ ปัจจุบันนี้ เค้าเป็นคนแรกในมหาวิทยาลัย Standford ที่คิดค้นหลักสูตรนี้ในปี 2015
ระหว่างที่เรียนนั้นเค้าก็ได้ทำ Project (โปรเจค)เกี่ยวกับ Deep Learning หรือเรียกว่า Google Brain ในปี 2011 ซึ่งเป็น unsupervise learning(การจับกลุ่มของข้อมูลโดยมนุษย์ไม่ได้ช่วยเหลือหรือสอน)ควบคู่กับการเรียน จนมาในปี 2015 เค้าก็ได้ทำโปรเจคใหญ่อย่าง DeepMind ที่ Google ซื้อมาจากบริษัท Alphabet ในปี 2014 ถ้าคนที่เรียน AI มาจะรู้จัก Deepmind เป็นอย่างดีครับ แต่คนที่ไม่เรียนก็อาจจะเคยผ่านเหตุการณ์ระดับโลกอย่างที่ DeepMind ทำก็ได้ นั่นก็คือโปรเจค AlphaGo ไงครับ
โปรเจค AlphaGo ที่ Deepmind เจ้าภาพนั้นก็คือโปรเจคที่สร้าง AI ที่ชาญฉลาดที่สุดในโลกมาตัวนึงโดยให้ใช้ Reinforcement Learning (การเรียนรู้เอง) โดย AI ให้ทำการเรียนรู้วิธีเล่นโกะเอง ผลลัพธ์คือ Deepmind สามารถเอาชนะแชมป์โกะระดับโลกอย่าง Lee Sedol(ลี ซีดอล) โปรแกรมเมอร์ที่มาเขียนโปรแกรมสู้กับแชมป์โลกคนนี้ไม่ใช่แชมป์โกะเลยซักคน แถมบางคนยังเล่นโกะไม่เป็นเลยครับ
ปี 2016 นั้นเป็นปีแจ้งเกิด AI หรือสมองกลของหุ่นยนต์ก็เพราะการที่ AI สามารถเอาชนะแชมป์โกะได้แหละครับ
ปล. คุณอันเดรจไม่ได้อยู่ในโปรเจค AlphaGo นะครับ เพราะโปรเจคนี้สำเร็จในปี 2016 ซึ่งตอนนั้นเค้าย้ายงานไปที่ OpenAI แล้วครับ
ซึ่งนั่นเป็นที่ๆ ทำให้เค้าได้พบเจอกับ CEO ของบริษัทที่มีนามว่า Elon Musk ยังไงล่ะครับ อีลอนนั้นเริ่มบริษัท OpenAI ในปี 2015 และขายบริษัททั้งในปี 2018 ในราคา 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ในปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่ อีลอนกำลังตัดสินใจขายบริษัทนั้นเค้าก็ได้นำตัวคุณอันเดรจไปยังบริษัท Tesla ต่อเลยครับ ซึ่งวันที่คุณอันเดรจมาทำงานที่เทสล่านั้นบอกว่า เหมือนมาชุบชีวิตแผนก Autopilot ของ Tesla และนำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาให้กับ Tesla จนกลายมาเป็น Tesla ทุกวันนี้ครับ
ที่มา : karpathy.ai
คุณอันเดรจ = ขงเบ้งใน Tesla
จะเรียกว่า บริษัท Tesla เติบโตด้าน software เกี่ยวกับ FSD (Full Self-Driving) ได้มาไกลขนาดนี้(ไกลกว่า Google)ก็เพราะคุณอันเดรจนี่แหละครับ
หนึ่งในสิ่งที่บ้ามากๆ ที่ Tesla ทำสวนทางกับชาวบ้านที่สร้างรถไร้คนขับทั้งหมดคือ เรื่อง hardware (อุปกรณ์)ครับ ในขณะที่ค่ายอื่นๆ เช่น Voyage, Waymo(ของ Google), Cruise(ของ GM), และค่ายอื่นๆ ยังพยายามพึ่งพา LiDar (สแกนวัตถุด้วยแสงเลเซอร์), Radar(สแกนวัตถุด้วยคลื่นวิทยุ)หรือ HD Map(แผนที่ความละเอียดสูง)นั้น Tesla กลับทำตรงกันข้ามเพราะการที่ได้กุนซืออย่างคุณอันเดรจมาร่วมทัพครับ
คุณอันเดรจกลับบอกว่า จะใช้อุปกรณ์แพงๆ ให้สิ้นเปลืองทำไม ในเมื่อเราสามารถ train(ฝึก)ให้ AI สามารถเห็นวัตถุใกล้, กลาง, ไกล(ตำแหน่งของวัตถุ) ผ่านกล้องได้ ซึ่งคนสมัยนั้นหาว่าแกเป็นคนบ้าครับ เพราะถ้าทำได้จริง Google ต้องหันมาใช้งานกล้องแทนระบบพวกนี้แล้ว
แต่ปรากฏว่า คุณอันเดรจทำได้จริงครับ โดยเค้าใช้เพียงกล้อง 1.2 ล้านพิกเซลหน้ารถ 3 ตัวและกล้องรอบคันอีก 5 ตัวในการ Generate(สร้าง)ภาพสามมิติขึ้นมาพร้อมกับใช้ CNN (Convolutional Neural Network) ในเปลี่ยนกล้องให้กลายเป็นลูกตาของรถคันนี้
จากนั้นก็ให้ทีม FSD หรือ Autopilot บรรจงนำเอาข้อมูลเหล่านั้นมาฝึก(train) และสร้างสรรค์ออกมาเป็นฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Smart Summon, Tesla FSD, หรือจะเป็น Tesla Autopilot ในปัจจุบันครับ
ถ้าไม่ยกให้เค้าเป็นขงเบ้งของบริษัทก็ไม่รู้จักยกใครขึ้นมาจริงๆ แหละครับ เค้าเป็นคนที่กอบกู้ความล้มเหลวของ Tesla Autopilot project ในปี 2017 ขึ้นมาเกือบหมดเลย เรียกได้ว่า Elon บอกว่า ตามใจอันเดรจเลย อยากใช้อุปกรณ์อะไรหรือ software อะไรก็จัดไป (เหมือนตอนนั้นจะมีการเปลี่ยนโครงสร้าง software กันภายในด้วยครับเรียกได้ว่า ให้เริ่มต้นโปรเจคใหม่จากศูนย์เลยครับ)
BLINK DRIVE TAKE
ถ้าเปรียบเทียบ Tesla เป็นเหมือนทีมฟุตบอลแมนยูแล้วล่ะก็ คุณอันเดรจ คาร์แพธีก็คือคริสเตียโน โรนัลโดแห่ง Tesla นี่แหละครับ ทุกคนยังจำคำพูดอีลอนได้อยู่ไหมครับว่า
All Our Patent Are Belong To You
สิทธิบัตรทุกอย่างของ Tesla คือของพวกคุณ
อีลอนกล่าวเอาไว้ในปี 2014
โดยอีลอนขยายความหมายว่า เราสร้างสรรค์และคิดค้นเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามาแบบสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก โดยลงทุนเงินไปไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่… เรามองว่าการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้านั้นช้าเกินไป(1% ในปี 2014) ดังนั้น เราจะยกสิทธิบัตรทุกอย่างของ Tesla ให้แก่พวกคุณ(ประชาชน)ทุกคน อยากใช้หรืออยาก copy หรอเอาไปเลย
- อยากได้แปลนมอเตอร์หรอ? โหลดไปเลย
- อยากได้สูตรการผลิตแบตหรอ? เปิดโชว์ให้ดูเลย
- อยากรู้วิธีการทำรถให้แรงหรือ? แกะไป copy ได้เลย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ Tesla หรืออีลอนไม่ยกให้ครับ นั่นก็คือ Tesla Autopilot หรือ FSD นั่นเองครับ ในปี 2021 นั้น Tesla เคยฟ้องร้อง Xpeng ที่ขโมยทั้งวิศวกรและ software บางส่วนของทีม Autopilot ไปนะครับ แต่พวกเรายังไม่เคยเห็น Tesla ฟ้องร้องว่าค่ายอื่นมา copy มอเตอร์ไฟฟ้าหรือแบตของ Tesla ไปเนอะ ฮ่าๆ เพราะว่า เค้าไม่แคร์เรื่อง hardware ครับ
ดังนั้นเราจะพอมองเห็นหรือยังว่าอะไรคือ secret sauce หรือสูตรความสำเร็จของ Tesla ครับ
เสียคนนี้ไปหนึ่งคน เหมือน Tesla เสียมันสมองของกองทัพอย่างขงเบ้งไปจากกองทัพเลยครับ สงสัยเหมือนกันว่า ใครจะสามารถมานำทัพให้กับเทสล่าเรื่อง FSD เป็นคนต่อไปได้ครับ
ที่น่าสงสัยคือ คุณอันเดรจประกาศพักร้อนมาเมื่อ 4 เดือนที่แล้วซึ่งมันน่าแปลกเนอะที่เค้าออกมาพูดเป็นนัยแบบนี้ในตอนนั้น