BMW ประกาศศักดาเตรียมยืนหนึ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมกับเปลี่ยนเป้าหมายของบริษัทให้มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 50 % ของยอดการผลิตทั้งหมดภายในปี 2030 นี้ ย้ำว่า รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่รถยนต์น้ำมัน Plug-in Hybrid อะไรทั้งนั้น (อ่านต่อด้านล่าง)
อ้างอิงข้อมูลจาก The Street ทาง BMW Group ได้ออกมาแถลงการแบบสายฟ้าแล๊บว่า
“Tesla’s Domination ‘Is Over'”
มันหมดยุค Tesla ครองเมืองแล้วล่ะ
BMW Group
คุณ Pieter Nota ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของ BMW Group ฝ่ายขายได้ย้ำอีกว่า มันหมดยุค Tesla แล้ว (“That’s over.”)
ทาง BMW Group เตรียมสังคยาณาบริษัทใหม่ทั้งหมดเพื่อรองรับยอด demand(ความต้องการ)ของรถยนต์ไฟฟ้า แม้กระทั่ง CEO Oliver Zipse ก็ออกมายืนยันแผนการณ์ว่า บริษัทเตรียมเปลี่ยนโครงสร้างภายในทั้งหมดให้รองรับการมาของ demand รถยนต์ไฟฟ้าอย่างที่บริษัทไม่เคยเจอมาก่อนในประวัติศาสตร์
BMW iX และ i4 คือไพ่ตายในปีนี้
BMW Group ได้ออกมาแถลงว่า อาวุธในการต่อกรกับ Tesla ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้มีอยู่สองรุ่นคือ BMW i4 และ BMW iX
ราคา BMW i4M50 อยู่ที่ 2.2 ล้านบาท($65,900) และ BMW i4 eDrive40 อยู่ที่ 1.82 ล้านบาท($55,400)
ราคา BMW iX เริ่มต้นที่ $83,200 หรือ 2.75 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม BMW ยังมีไพ่ตายอีกใบที่เพิ่งเปิดตัวมาเมื่อวานซึ่งนั่นก็คือ BMW i7 ราคาเริ่มต้นที่ $120,000 หรือ 3.96 ล้านบาทครับ (ถือว่าทำราคาถูกกว่า Tesla Model S Plaid อีกครับ)
ตอนนี้ชาวอเมริกาฮือฮากับ BMW i7 อย่างมากเพราะราคาที่ประกาศนั้นถูกกว่า Tesla Model S Plaid แถมเราก็รู้กันว่ารถยุโรปนั้นการประกอบตัวถังดีที่สุดในโลกไปแล้วครับ นี่ยังไม่นับวัสดุที่นำมาใช้ภายในอีกนะครับ แต่ทำไมชาวอเมริกาถึงไม่มั่นใจกับคำพูดของคุณ Pieter Nota กันน้าา? มาฟังความคิดของคนฝั่งอเมริกากันหน่อยนะครับ
BLINK DRIVE TAKE
ยอดขาย BMW Vs. Tesla ในอเมริกา
ใน 2 เดือนแรกของปี 2022 นั้น BMW มียอดจดทะเบียนรถยนต์น้ำมัน + ไฟฟ้าอยู่ที่ 54,210 คันในอเมริกาส่วน Tesla นั้นมียอดจดทะเบียน(เฉพาะในอเมริกา)ถึง 71,250 คันอ้างอิงจาก Experian (บริษัท finance) นั่นก็แปลว่า เป็นเรื่องที่ยากมากที่ BMW จะเอาชนะ Tesla ในตลาดรถยนต์ของอเมริกาครับ คราวนี้มาดูตลาดทั่วโลกกันหน่อยนะครับ
ตั้งเป้าขายรถยนต์ EV ให้ได้ 200,000 คัน(ทั่วโลก)ในปีนี้(2022)
อ้างอิงจาก insideevs นั้น BMW ตั้งเป้าขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 200,000 คันทั่วโลกในปี 2022 นี้ ซึ่งถือว่าน้อยกว่า Tesla ประมาณ 5 เท่าในปี 2021 นะครับ
Tesla มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2021 อยู่ที่ 930,000 คันและในปี 2022 นั้นมีการคาดการณ์เล่นๆ ว่าทะลุ 1.2 ล้านคันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ถ้า BMW Group จะต้องการล้ม Tesla ในสังเวียงนี้ให้ได้ นั่นก็แปลว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW ในปี 2023 ต้องมากกว่า 1.5 – 2 ล้านคันครับ เพราะอย่าลืมว่า Tesla เตรียมปล่อย Tesla Cybertruck ในปีหน้า แค่ BMW เห็นยอดจองอย่างเดียวก็ปวดหัวแล้วครับ(ยอดจองทะลุ 800,000 คันไปแล้วครับ)
แต่ทุกท่านทราบกันไหมครับว่า BMW Group นั้นขายรถยนต์(รวมเครือ Mini และ Rolls-Royce)รวมทั้งโลกได้ที่ 2.5 ล้านคันในปี 2021 นั่นก็แปลว่า ถ้า BMW อยากสู้กับ Tesla จริงๆ คือต้องดับเครื่องชนทั้งโรงงานผลิตทั้งหมดครับหรือจะพูดว่าเปลี่ยนสายการผลิตรถยนต์(รวมถึงไทย)ให้เป็นสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าถึงจะสามารถมีกำลังผลิตรถยนต์เทียบเท่า Tesla ในปี 2023 ครับ
จริงๆ แล้ว Tesla ในปี 2023 นั้นจะมีโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเดินเครื่องทั้งหมด 4 โรงงานด้วยกันโดยแต่ล่ะโรงงานมี Gigapress และสามารถผลิตรถยนต์ได้ 500,000 คันต่อโรงงานนั่นก็แปลว่ายอดผลิต 2 ล้านคันนั้นอาจจะโผล่มาในปี 2023 ก็เป็นได้ครับ
เป็นนิมิตหมายอันดีที่ BMW จะออกโรงมาลุยรถยนต์ไฟฟ้าแบบจริงจังครับ แต่ถ้าคิดจะล้ม Tesla นั้นคุณต้องเปลี่ยนกำลังการผลิตทั้งหมดให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้านั่นถึงทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW เทียบเท่า Tesla ในปี 2023 ส่วนจะให้แซงนั้น ผมมองว่า เค้าต้องขยายสายการผลิตเพิ่มครับถึงจะต่อกรกับ Tesla ได้
ผมเป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆ ครับ BMW
