Blink Blink
TeslaUSA

[รีวิว]7 วัน 700 กม. กับประสบการณ์ใช้รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y จากผู้ใช้งานจริง

สวัสดีครับ วันนี้ผมได้รับการแชร์ข้อมูลรีวิวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ท่านนี้มีนามว่า คุณเป้ ครับ

เท่าที่ผมทราบมานั้น นี่คือผู้ใช้งานคนแรกของไทยที่เอารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ของตนมารีวิวจากประสบการณ์การใช้งานจริงนะครับ ยังไงผมจะทำการสร้าง header ในบทความเพื่อสร้างความสะดวกสบายในการอ่านนะครับ

บทนำ

ตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว หลังจากผมได้มีโอกาสใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตอนนี้ก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่จะมาเล่าให้หลายๆท่านฟังว่าแล้วว่ามันเป็นอย่างไร?

ความรู้สึกในการขับ

จุดเด่น: EV ขับสนุกมาก รถสามารถทำอัตราเร่งได้ดีอย่างน่าตกใจ พอเร่งความเร็วจะขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนไหล แต่ไหลไปต่อแบบไม่มีสะดุด ไม่มีจังหวะการเปลี่ยนผ่านของเกียร์หรือรอรอบเหมือนเครื่องยนต์สันดาบ การที่เราหันมาขับรถยนต์ไฟฟ้านั้นที่อาจต้องเปลี่ยน Mindset พร้อมกับเรียนรู้คือการใช้เบรค เนื่องจากรถ EV เวลาถอนคันเร่งจะรู้สึกหน่วงๆ เพราะมอเตอร์จะทำการชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่(Regenerative Breaking)

คนขับ EV ช่วงแรกๆ อาจไม่ค่อยชิน แต่พอชินแล้วจะขับสบายแทบไม่ต้องเหยียบเบรคเลย แนะนำให้เลือก Regenerative level ในนิสัยการขับของเราครับ ส่วนเรื่องการ Handling แบตเตอรี่ถ่วงด้านล่างทำให้รถมี Center of Gravity ต่ำ การทรงตัว เข้าโค้ง ดีมาก ไม่แพ้พวกรถสปอร์ตราคาแพง หรือรถยนต์เครื่องยนต์วางกลาง

จุดด้อย: ขาดอรรถรส ที่สำคัญของการขับรถยนต์บางประการเช่นเสียงเครื่องยนต์ การลากรอบเปลี่ยนเกียร์ เรียกง่ายๆคือแอบรู้สึกขาดเสน่ห์บางอย่างของการขับรถยนต์ไป (อันนี้สำหรับผมนะครับ เพราะตัวเองยังชอบความคลาสสิกของการออกแบบทางวิศวกรรม ชอบรถยนต์แบบ natural aspiration engine แบบเกียร์ธรรมดา/หรือ Automatic แบบครัชคู่ มีเสียงท่อเล็กน้อยแต่ไม่ดัง) แต่ถ้าบางคนไม่ได้ชอบแบบผม ตรงนี้อาจไม่ใช่ประเด็นสาระครับ

ความประหยัด(58 สตางค์ต่อ km)

รถ EV นี่ประหยัดจนน่าตกใจ ผมขับไปส่งลูกที่โรงเรียนตอนเช้า แล้วกลับบ้าน ไปเส้นทาง Local Road (ถนนความเร็วต่ำ) พร้อมกับกลับทางด่วนซึ่งจะขับขี่ไปเป็นระยะทางทั้งหมด 28.3 กม. ปรากฏว่าผมเสียค่าไฟไปเพียง 16.56 บาท หรือเท่ากับ 58 สตางค์ต่อกม. (130Wh/km วิ่งไป 28.3 km ใช้ไฟ 3.68 หน่วย ไฟฟ้าที่ผมใช้ที่บ้านหน่วยละ 4.50 บาท) แต่ถ้าในกรณีที่ขับแบบเร็วๆ เร่งแซงบ่อยๆ ไม่ประหยัด อาจใช้ไฟสูงถึง 210 Wh/km หรือเท่ากับ 94 สตางค์ต่อกม.

ระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ถ้าวิ่งแบบโดยรวมเร็วหน่อย มีการ Regenerative Break เรื่อยๆ คิดค่าเฉลี่ยกลางๆใช้ไฟ 170Wh/km ในแบตเตอรี่ Tesla ขนาด 60kwh (ไม่หัก buffer) วิ่งได้เฉลี่ย 352km จากสเปคโบว์ชัวร์ 455 km (มาตรฐาน WLTP) เอาเป็นว่าอยู่ที่การขับครับ

การชาร์จไฟ

สิ่งนี้ผมว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ ถ้าใครมีที่ติดตั้ง AC Wall Charge ที่บ้านและมีกำลังไฟจากหลวงพร้อมกับเวลาการชาร์จเพียงพอ ต่อวัน คุณจะมีความสุขกับการใช้รถยนต์ EV ครับ

ผมเองก่อนรับรถผมเตรียมระบบไฟฟ้าที่บ้านให้รองรับการชาร์จได้สูงสุด 22kw/hr แม้ว่ารถผมเองชาร์จได้สูงสุดที่ 11kw/hr ก็ตาม

เอาเป็นว่าคร่าวๆถ้าผมชาร์จแบต 0-100% ขนาดแบต 60 kw ชาร์จที่ 11 kw/hr จะใช้เวลาประมาณ 5.5 ชม (แต่ถ้าใช้ wall plug เล็กๆขนาด 2.3 kw/hr อาจต้องใช้เวลาถึง 26 ชั่วโมง)

ถ้าอ่านจากข้างบน ตัวเลข keyword สำคัญของการใช้รถยนต์ EV เราเอามาคิดกลับไปมาจะได้คำตอบทุกอย่างครับ อันนี้เป็นแบบคร่าวๆนะครับ

หมายเหตุ : kWh คือ ความจุแบต, kW คืออัตราการชาร์จ, discharge(กินไฟ)ของแบตเตอรี่ครับ

Tesla Model Y ควรซื้อไหม?

ถ้าท่านมีงบแถวๆ 3-4 ล้านบาทอยู่แล้ว และกำลังมองหารถยนต์ที่มาลดค่าใช้จ่ายเวลาใช้งานในเมืองนั้น รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ก็อาจจะเป็น choice นึงที่ตอบโจทย์อย่างดีเลยก็ได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราสามารถหารีวิวต่างๆ สามารถหาได้ตามเพจ หรือ Youtube ครับ แต่สำหรับผมมันเป็นรถยนต์ SUV ขนาดกำลังดี แต่มีพื้นที่ใหญ่แบบสามารถใส่จักรยานได้ทั้งคันโดนไม่ต้องเอียงหรือถอดล้อ

ตัวรถคันนี้แบตเตอรี่เป็น LFP ที่ทาง Tesla เริ่มนำมาใช้ใน RWD model ท้่วโลก เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัย แต่มีปัญหาในกรณีอากาศหนาวติดลบต่ำกว่า -4 องศาถึงจะเริ่มเป็นปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาร์จได้ช้าลงหรือการใช้ไฟนั้นทำออกมาได้ไม่เต็มที่ ซึ่งประเทศไทยไม่มีทางเจอปัญหานี้ เนื่องจากประเทศไทยนั้นไม่เคยหนาวต่ำกว่า -4 องศา

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวกว่าชนิดอื่นๆหลายชนิดที่ใช้ในปัจจุบัน เอาเป็นว่าไม่เสียใจในการตัดสินใจหากจะมีแบตเตอรี่ที่วิ่งได้ไกลกว่า หรือแรงกว่า เพราะตอนนี้สำหรับผม ผมว่าลงตัวแล้ว เทคโนโลยี Hardware ต่างๆรวมถึงอุปกรณ์ Full Self-Driving ใส่มาครบแล้ว อนาคตหากเวลาเหมาะสม ค่อยซื้อผ่าน online ส่วน software ทางรถก็มีมาให้อัพเดทอยู่เรื่อยๆ …..เอาเป็นว่ารถคันนี้จะฉลาดขึ้นในทุกๆวัน กว่าวันที่ซื้อและครอบครองวันแรกแน่นอน

ข้อมูลอื่นๆก่อนการตัดสินใจ สำหรับหลายๆท่านที่สนใจTesla Model Y คือ

1.ค่าประกันภัยชั้น 1 แพงระดับเดียวกับรถยนต์กลุ่ม Porsche (ผมทำกับกรุงเทพประกันภัย แพงหน่อย แต่การดูแลหลังการขายผมว่าคุ้มค่า)
2.ระบบนำทางใช้ไม่ได้ในไทย Tesla ไม่รองรับ Apple Carplay (แก้ไขได้โดยติดจอกลาง แสดงผลAftermarket เพิ่ม)
3.ไฟฟ้าที่บ้านต้องเพียงพอในการติด Wall Charger ถ้าไม่มีให้ทำเรื่องกับการไฟฟ้าก่อนเพื่อขอมิเตอร์แยกเพิ่ม ถ้าไฟฟ้าไม่แรงพอ ชาร์จได้แต่อาจช้าตามสัดส่วนครับ
4.ในหลายๆประเทศเริ่มปรับราคารถรุ่นนี้ขึ้นแล้ว ในจีนมีการปรับสเปคให้อัตราเร่งรุ่นนี้ช้าลง สำหรับรถที่ส่งมอบปีหน้า

ถ้าท่านใดมีข้อสงสัย หรือมีอะไรที่ ผมสามารถช่วยแนะนำ ติดต่อมาคุยกันได้ในโพส facebook ด้านล่างนี้นะครับ

BLINK DRIVE TAKE

สรุปข้อมูลจากโพสนี้ให้ทุกท่านได้อ่านตรงนี้อีกครั้งนะครับ

  1. รถยนต์ไฟฟ้าขับสนุก สนุกมากๆ แบบไม่รอรอบ แต่ข้อเสียคือไม่มีความเร้าใจเรื่องเสียงเหมือนเครื่องยนต์สันดาบ
  2. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและการใช้งานถูกกว่ามากๆ , 58 สตางค์ต่อกม. นี่แทบจะไม่ต่างจากรถมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วครับ
  3. ยังไม่เหมาะกับคนที่อยู่คอนโดหรือหอพัก เพราะการชาร์จรถแบบ AC (ช้า)ยังเป็นอุปสรรคขั้นแรกในการใช้งาน ถ้าจะหันไปชาร์จ DC อย่างเดียว ความคุ้มค่าอาจจะคืนทุนช้ากว่าคนที่มี AC Charger ที่บ้าน
  4. รถยนต์ไฟฟ้ามีเทคโนโลยีหลายอย่างที่รถยนต์น้ำมันไม่มี เช่น software update เหมือน iphone ที่ไม่ว่าคุณจะซื้อ Tesla มาปีไหนก็ตามรถของคุณจะสดใหม่เหมือนรถใหม่เสมอ
  5. Tesla ทุกคัน(ในไทย)ไม่มี app ใช้งานแผนที่แต่แก้ไขได้โดยการติดตั้งจอเพิ่มแบบภาพด้านบนซึ่งถ้าติดตั้งไปแล้วจะใช้งานได้ไม่ต่างจากรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในต่างประเทศเลยครับ
  6. แบตเตอรี่ทนมาก – อันนี้ผมขอเสริมจากเจ้าของโพสนะครับ แบตเตอรี่ของ Tesla Model 3 นั้นเป็น million miles battery ได้ตั้งแต่ปี 2020 หรือใช้งานมากกว่า 1.6 ล้าน km ก่อนแบตจะเริ่มเสื่อมนะครับ
  7. ข้อเสียอีกข้อที่ต้องทำใจคือเรื่องประกันภัยชั้น 1 ที่ราคาโหดพอๆ ไล่เลี่ยน้องๆ Supercar ไปแล้ว
  8. ภาษี 200% อันนี้ผมมองว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ early adopter(ผู้เข้าถึงเทคโนโลยีก่อน)ต้องมาจ่ายค่าหิ้วสินค้าอย่าง Tesla เข้าไทย ผมภาวนาให้รัฐบาลไทยมองเห็น demand รถยนต์ไฟฟ้าของคนไทยเสียทีและเปิดใจคุยกับ Tesla เพื่อให้เค้าเข้ามาเปิด official ในไทยนะครับ (จะตั้งโรงงานประกอบหรือผลิตหรืออะไรก็ได้ แต่เราควรเริ่มจีบเค้าได้แล้วครับ เพราะอนาคตมันไปทางนั้นอย่างหันหลังกลับไม่ได้แล้วครับ)

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email