สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพามาดูรายละเอียดเรื่อง e-sim และเงื่อนไขการติดตั้ง e-sim สำหรับ Tesla ในประเทศไทยกันนะครับ อย่างที่ทราบกันดีคือ Tesla นั้นไม่มี official ในประเทศไทย ดังนั้น คนที่รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นประกันรถหรือการบริการหลังการขายของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทุกคันในไทยตอนนี้คือ Grey Market เจ้าต่างๆ ครับ ส่วนการให้บริการของแต่ล่ะเจ้าก็แตกต่างกันออกไปครับ บางเจ้าก็จะแถมแท่นชาร์จพร้อมติดตั้ง, บางเจ้ายืดอายุการประกันรถออกไป, บางเจ้าก็ติดฟิล์มให้ลูกค้า , ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ผู้อ่านทุกท่านต้องไปศึกษากันเองนะครับ ส่วนวันนี้ผมจะพามาดูเจ้าที่รับติดตั้ง e-sim ให้เฉพาะลูกค้าของเค้ากันนะครับ
การติดตั้ง e-sim ในโชว์รูม(บางโชว์รูม)ในไทย
จริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะเท่าที่ทราบกันก็คือ มีโชว์รูมเพียง 1-2 โชว์รูมเท่านั้นที่ทำสามารถได้(โดยมีเงื่อนไขว่าเราจำเป็นต้องไปออกรถกับเค้า ทำให้ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า Tesla ที่วิ่งในไทยส่วนใหญ่จะหันไปใช้ internet จาก hotspot กันแทนที่จะใช้ internet จาก e-sim โดยตรง)
แต่ปีนี้เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เพราะผมทราบมาตอนนี้คือ โชว์รูมนำเข้าอิสระรายหลายเริ่มศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังและสามารถให้บริการลูกค้าของตนได้กันแล้วครับ
ผมมองว่านี่เป็นข้อมูลที่คนที่กำลังวางแผนออกรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในไทยควรทราบนะครับ ผมจะเอาข้อมูลมาชี้แจงเป็นข้อๆ ดังนี้
สิ่งที่ยากในการติดตั้ง e-sim นั้นคือการแกะ cabin(คอนโซน)หน้ารถออกมาครับซึ่งระยะเวลาการติดตั้งพร้อม activate จะอยู่แถว 1-2 ชั่วโมง แต่สิ่งที่รอนานคือการติดต่อประสานงานกับ Tesla ฝั่งประเทศนั้นๆ (เช่น อังกฤษหรือฮ่องกง) ในการทำการ activate simcard ครับ
อ้างอิงจากข้อมูลโชว์รูม Highway Auto Thailand นั้น วิธีการติดตั้ง e-sim ในไทยนั้นจะเป็นประมาณนี้ครับ
1.กรณีออกรถใหม่ก็ส่งซิมการ์ดให้ก่อนล่วงหน้า 1 สัปดาห์เพื่อทำการติดตั้ง(ใช้เวลาประมาณ 5-7 วันทำการ)
2.กรณีรับรถไปแล้วอยากให้ติดตั้ง E-Simนัดล่วงหน้า 5-7 วันใช้เวลาติดตั้ง 1-2 ชัวโมง
หมายเหตุ : โปรโมชั่นและส่วนลดของ Tesla Model 3 หรือ Model Y นั้นก็แล้วแต่แต่ล่ะโชว์รูมจะคิดออกมาว่าจะจัดแบบไหนครับ ส่วนเจ้านี้( Highway Auto Thailand ) แจ้งมาว่า ติดตั้ง e-sim ให้กับคนที่ออกรถกับเค้าได้ภายใน 5-7 วันฟรี
ผู้ซื้อต้องนำ simcard มาเอง?
ใช่ครับ เพราะว่าสุดท้ายแล้ว ลูกค้าต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือรายปีกับ e-sim ตัวนั้นเอง และอีกเรื่องคือเรื่อง privacy (ความเป็นส่วนตัว) ถ้าโชว์รูมติดตั้ง simcard โดยใช้ชื่อของโชว์รูมในการจดทะเบียน ก็เท่ากับว่าเค้ามีสิทธิ์ในการยกเลิกสัญญา simcard นั้นหรือทำการ track ข้อมูลของเราได้ครับ ดังนั้นคนที่วางแผนซื้อ Tesla Model 3 , Model Y, Model S หรือ Model X ในไทยนั้นต้องนำ simcard มาให้ grey market หรือผู้จัดจำหน่ายอิสระกันเองนะครับ
ใส่ simcard เพื่ออะไร?
ก่อนอื่นผมอยากให้มองว่า Tesla Model 3 หรือ Model Y ที่คุณวางแผนจะซื้อนั้นเป็นเหมือน IoT หรือ Internet of Things หรือจะเรียกได้ว่าเป็นเหมือน ipad ติดล้อครับ ฟังชั่นการใช้งานของรถจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันทีที่มี e-sim นะครับ ผมจะ list รายการต่างๆ ที่ Tesla สามารถทำได้ออกเป็นส่วนๆ ดังนี้
- สั่งเปิด-ปิดรถ(start รถ) จากมือถือ
- สั่งล๊อค-ปลดล๊อครถจากมือถือ
- เชคแบตรถจากมือถือ
- แจ้งเตือน sentry mode บนมือถือ(อันนี้สำคัญมากๆ เวลาคนมาทำอะไรกับรถเรามันจะแจ้งเตือนทันที)
- ดูตำแหน่งรถจากมือถือ
- สั่งหยุดชาร์จไฟรถจากมือถือ
- ตั้งเปิด-ปิดแอร์จากมือถือ
- ดู Netflix ได้ในรถ(เฉพาะรถนำเข้าจากฝั่ง UK)
- login พร้อมฟังเพลง spotify จากในรถ(เฉพาะรถนำเข้าจากฝั่ง UK)
หมายเหตุ : จริงๆ แล้วมันมีฟังชั่นให้เล่นเยอะกว่านี้ครับ แต่ผมเอาเฉพาะฟังชั่นคร่าวๆ มาให้ดูเท่านั้น
ยกตัวอย่าง คุณตาม Teslabjorn Thai เค้าเคยลองให้เพื่อนฝรั่งเค้าขับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ของเค้าที่นอร์เวย์ และคุณตามทำการสั่งการเปิดรถหรือปลดล๊อครถจากมือถือในขณะที่ตัวเค้านั้นอยู่ที่ประเทศไทยมาแล้วครับ
ปล. ผมใช้งาน MyChevrolet App อยู่ก็รู้สึกสะดวกมากๆ เวลาเอารถไปชาร์จนอกบ้าน(ที่ฟรีๆ) ผมจะเปิด app เชครถผมเสมอว่าแบตเต็มหรือยัง ถ้าเต็มแล้วก็เดินไปเอารถกลับมาครับ
โปร Internet เป็นไง?
หลังจากที่เราซื้อ simcard มาใส่แล้วก็ต้องไปหาโปร internet สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของเรากันนะครับ
ทาง Highway Auto Thailand บอกมาว่าส่วนใหญ่ลูกค้าของเค้าจะใช้โปรนี้กันนะครับ ยังไงก็ลองไปเลือกดูกันนะครับ
BLINK DRIVE TAKE
โพสนี้ไม่ใช่โพสโฆษณาขายของหรือได้รับเงิน sponsor จาก AIS หรือทาง Highway Auto Thailand แต่อย่างใดครับ
แต่โพสนี้เป็นโพสที่จะมาบอกถึงความเปลี่ยนแปลงของกลุ่มยานยนต์รถหรูในบ้านเราว่าไปไกลถึงไหนกันแล้ว สำหรับคนที่ยังไม่เคยขับ Tesla หรือเป็นเจ้าของนั้นจะมองว่า เห้ยแค่ใส่ซิมได้เองนี่หว่า แต่ผมบอกเลยว่าหลังจากที่คุณเอา simcard มาใส่รถแล้วให้รถมี internet แล้ว คุณจะไม่อยากยกเลิก internet เลย เพราะตัวรถมันจะเชื่อมต่อตรงหาคุณตลอดเวลา
ใครมาแตะรถคุณ ระบบ sentry mode จะทำงานและแจ้งเตือนคุณทันที ผมมองว่าค่าเน็ตเดือนล่ะ 149 บาท แต่ทำให้คุณอุ่นใจเวลาชาร์จรถนอกบ้านหรือเอารถไปจอดตามห้างก็ดีไม่น้อยครับ
จริงผมเคยเขียนโพส จับคนชนแล้วหนีด้วย Tesla Sentry Mode เอาไว้ ลองไปอ่านกันนะครับ
ผมจะทิ้งคลิปการใช้งาน sentry mode ที่อเมริกาเอาไว้ ว่าเวลารถเราเจอรถคันอื่นมาชนแล้วตัวรถจะสามารถบันทึกได้ยังไง และเจ้าของจะรู้ได้ยังไง