ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในไตรมาส 3 นั้นพุ่งสูงไปถึง 241,300 คัน เรียกได้ว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ไปแล้วนะครับ โดยไตรมาส 3 ปี 2563 นั้น Tesla ส่งมอบรถอยู่ที่ 139,300 คันหรือจะเรียกได้ว่าไตรมาส 3 ปี 2564 นั้นขายดีกว่าไตสมาสเดียวกันปีที่แล้วอยู่ 73 %
แต่ถ้าเอายอดส่งมอบรวมของทั้ง 9 เดือนมารวมกันนั้นก็จะเท่ากับ 627,350 คันหรือมากกว่ายอดส่งมอบทั้งปีของปีที่แล้วอยู่ 128,430 คัน(ยอดส่งมอบปีที่แล้ว 498,920 คัน)
ยอดส่งมอบไตรมาส 3 ปี 2564 นั้นแบ่งออกเป็น Tesla Model 3 และ Model Y จำนวน 232,025 คัน และ Tesla Model S จำนวน 9,275 คันส่วน Tesla Model X นั้นยังไม่ส่งมอบมาตั้งแต่ต้นปีแล้วนะครับ (ตอนนี้รอรุ่น refresh[เปลี่ยนโฉม] มาทำตลาดภายในเดือนหน้าครับ)
ยอดไตรมาส3 | Production(ผลิต) | Deliveries(ส่งมอบ) |
Model S/X | 8,941 | 9,275 |
Model 3/Y | 228,882 | 232,025 |
Total | 237,823 | 241,300 |
Tesla ประสบปัญหาหนัก : ผลิตไม่ทันขาย(ส่งมอบ)
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ Tesla กำลังประสบปัญหาอย่างหนักคือผลิตไม่ทันขายครับ ยอดจองของ Tesla ทุกรุ่นในตอนนี้ล้นไปถึงปีหน้า(2022) เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ นี่ขนาดเพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่าจากปีที่แล้วและพยายามขยายกำลังผลิตไปที่จีน แต่ชาวโลกยังคงถือใบจอง Tesla กันอย่างหนาแน่นครับ เรียกกันได้ว่าตอนนี้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า Tesla มือสองในอเมริกานั้นขายดีมากๆ Tesla Model 3 Standard Range มือสองปี 2019 ที่ใช้งานมา 16,000 ไมล์หรือ 27,000 km นั้นขาย($44,900 หรือ 1.3 ล้านบาท)แพงกว่าราคามือหนึ่ง($40,000 หรือ 1.2 ล้านบาท)ออกจากศูนย์ Tesla อีกครับ เพราะว่าตอนนี้ Tesla ผลิตรถไม่ทันส่งมอบหรือเรียกอีกอย่างว่า ของขาดตลาด(ทั้งที่ยอดขายพุ่งสูงกว่าปีที่แล้ว 73%) เรียกได้ว่า Demand ถาโถมเข้าหา Tesla อย่างจังครับ
บางคนฉลาดมากๆคือ ซื้อรถมาจาก Tesla Model 3 พอได้รับรถมาก็เอามาปล่อยต่อทันที และพวกเค้าจะได้กำไรอย่างต่ำ 100,000 บาท($3,000) เรียกว่าเป็นอีกธุรกิจนึงที่เกิดช่วง high demand แบบนี้เลยครับ
ส่วน Model S Plaid นั้นไม่ต้องพูดถึงครับ ราคามือสองในอเมริกาพุ่งสูงไปกว่า $147,000 หรือแพงกว่า 300,000 บาทจากราคามือหนึ่งไปแล้วครับ คนที่มีรถอยู่ก็เหมือนมีทองคำครับ เค้าไม่ปล่อยกันเลย
ปล. ผมก็ประสบปัญหาซื้อ Tesla Model 3 มือสองไม่ได้เหมือนกันเพราะราคามือสองทั้งตลาดตอนนี้ชนราคามือหนึ่งหมดแล้วครับ ตอนนี้ก็เลยตัดใจจองมือหนึ่งไปแทน ซึ่งกว่าจะได้รถก็มกราคม 2565 (ปีหน้า)
ยอดขายไทยลดฮวบ 38% ในเดือนสิงหาคม 2564
นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2564 ชะลอตัวทุกเซ็กเมนท์ในช่วง Low Season โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 42,176 คัน ลดลง 38.8%ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 13,845 คัน ลดลง 35% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 28,331 คัน ลดลง 40.5% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 21,875 คัน ลดลง 40.9%
ที่มา : ผู้จัดการ online
BLINK DRIVE TAKE
รถยนต์ไฟฟ้าไม่มี Demand?
โหนี่แค่ยอด 9 เดือนก็ปาไป 627,350 คันแล้วนะครับ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้า Giga Berlin และ Giga Texas สร้างเสร็จภายในปลายปีนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ปีหน้านั้นมีสิทธิ์ทะลุ 1 ล้านคันภายในไตสมาส 3 ปี 2022 แน่นอนครับ เพราะว่า Giga Texas นั้นจะผลิตรถกระบะไฟฟ้า Cybertruck ที่มียอดจองในตอนนี้ทะลุ 1 ล้านคันไปเสียแล้ว เรียกได้ว่า ผลิตออกมายังไงก็ไม่สามารถส่งมอบได้หมดภายใน 2-3 ปีนี้แน่นอนครับ
ในทางกลับกันนั้น ไทยเรามียอดขายรถยนต์น้ำมันที่ลดลงถึง 38 % โดยอ้างเหตุผล Chip shortage (ชิฟไม่เพียงพอต่อการผลิต) ซึ่งถ้า Chip มัน shortage จริงๆ ทำไม Tesla ถึงสามารถผลิตรถยนต์ได้มากกว่าปีที่แล้วครับ และนี่มากกว่าถึง 73 % ด้วยซ้ำ
ผมเพียงแต่ตั้งคำถามนะครับว่า เรากำลังมองอะไรผิดกันไปหรือป่าว? ถ้ายอดขายรถยนต์มันไม่ดี มันต้องไม่ดีทั้งโลกและทุกรุ่นรวมไปถึงรถยนต์ไฟฟ้าครับ แต่นี่ Tesla โตเอาๆ แบบนี้
รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบควรแวะมาดู report นี้หน่อยนะครับ เพราะผมเพิ่งทราบสาเหตุที่ผู้ผลิตในไทยไม่หันไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็เพราะเค้ามองว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่มี demand
เห็น report แบบนี้แล้วเรายังจะหน้าด้านไปบอกประชาชนได้อีกหรอครับว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่มี demand