Site icon Blink Drive

วิ่งไป-กลับ : กทม. – เขาค้อ ด้วย Tesla Model 3 , จ่ายค่าไฟไปทั้งหมด 674 บาท

สวัสดีครับวันนี้ผมได้มีโอกาสไปสอบถามผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่น Long Range ในประเทศไทยดูนะครับ เค้าได้ทำการขับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ของเค้าจากกรุงเทพฯ ไปยังเขาค้อ(จังหวัดเพชรบูรณ์)ครับ ยังไงผมจะทำการสรุปรายละเอียดเป็นหัวข้อดังนี้นะครับ

ขาไป 384 km

คุณปริณได้ขับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 จากบ้านถึงรีสอร์ทที่จะพักระยะทางประมาณ 384 km.GPS คำนวณว่าใช้เวลาเดินทาง 5.5 ชม.

ออกจากบ้านประมาณ 7:50am

พอขับไปได้ 341 km. แวะซื้อไก่ย่างวิเชียรบุรีก่อนขึ้นเขาค้อ เวลาประมาณ 11:30am ใช้เวลาไป 3.5 ชม.นิด ๆ กับระยะทาง 341 km ถือว่า ไม่เร็วและไม่ช้าเกินไปสำหรับรถทั่วไปนะครับ

จากนั้นเค้าก็ทำการขับต่อไปอีก 40 กว่า km. ก็ถึงที่พักเรียบร้อย แบตใกล้จะหมดพอดี เลยรีบชาร์จด้วยกระแสต่ำ(AC Charger) ผ่าน Home charger ที่เค้าพกมาด้วยนะครับ

เพื่อที่จะได้ขับเที่ยวในวันรุ่งขึ้นแบบไม่ต้องกังวลครับ สอบถามกับเจ้าของรีสอร์ทก่อนจะมาถึง ทั้งรีสอร์ทมีครอบครัวของคุณปริณแค่ครอบครัวเดียว หมดกังวลเรื่อง Covid ไปได้ระดับนึง

Tawan Villa – เขาค้อ

สรุปค่าไฟในวันแรก :

วันที่ 2 : วันกลับ

วันรุ่งขึ้นขับขึ้นภูทับเบิก เพิ่งเคยขึ้นมาเป็นครั้งแรก เส้นทางขึ้นมานี่โหดเอาเรื่อง นอกจากทางจะชันมาก ๆ แล้ว บางช่วงยังต้องเลี้ยวหักศอกแบบมุมแคบ ๆ อีกด้วย

คุณปริณ

ระหว่างทางที่ขับขึ้นมาอากาศดีมาก ยิ่งสูงก็ยิ่งเย็น ปิดแอร์ เปิดกระจก หมอกนี่เข้ามาในรถกันเลย

ขาขึ้นตัวรถใช้ไฟมากกว่าปกติเล็กน้อยเพราะทางชันมาก แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแก่การขับอย่างใด เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีแรงบิดที่สูงกว่ารถสันดาบอยู่มากๆ แถมคันนี้เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยครับ

ขาลงจากทับเบิกก็คือเส้นทางเดียวกับที่ขึ้นไป แต่ขาลงนี่แอบตื่นเต้น คือแทบจะไม่ได้แตะแป้นเบรคเลย จะใช้วิธีกรอคันเร่งเอา เนื่องจากรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ทำให้เกิดแรงหน่วงจากการที่มอเตอร์ทั้งสอง Regen (การชาร์จไฟกลับ) มากพอที่จะหยุดรถ คือรถจะลดความเร็วลงโดยมอเตอร์ ไม่ได้ลดความเร็วลงด้วยการทำงานของชุดเบรค

จากยอดเขา ลงถึงพื้นราบได้ไฟจากการ Regen มาใช้วิ่งได้อีกหลายสิบกิโลอยู่

วันรุ่งขึ้นเดินทางออกจากที่พักกลับถึงบ้านที่กทม. ระยะทาง 385 km. ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง เพราะตั้งใจว่าจะแวะชาร์จที่โรงไฟฟ้าวังน้อย แต่พอถึงวังน้อย รถบอกว่ายังวิ่งได้อีกประมาณเกือบ 100 km. คิดว่าใช้ความเร็วแค่ 90-100 km/h น่าจะถึงบ้านชัวร์ ก็เลยเอาวะ ไปต่อเลยดีกว่า

แล้วก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ รถบอกยังมีไฟวิ่งได้อีกสิบกว่ากม.

จบทริปที่ 983 km เสียเงินไป 249 บาท

จริงๆ ผมได้สอบถามคุณปริณเจ้าของรถไปนะครับว่า แกเสียเงินจริงๆ ไปเท่าไหร่ โดยขอให้แกไม่นับค่าใช้จ่ายตอนชาร์จไฟที่บ้านเข้ามาในสมการนะครับ แกก็บอกผมว่า แกขับรถไป 983 km นั้นแกเสียเงินค่าชาร์จไฟไปจริงๆ เพียง 249 บาทเท่านั้นคือ ชาร์จที่ DC Charging ของ PEA ครับ ก็เท่ากับว่าทริป 983 km นี้แกเสียเงินค่าไฟ(นอกบ้าน)ไปเพียง 249 บาทเท่านั้น

แต่แกบอกว่า อยากให้ตัวเลขมันเป็นจริงที่สุดคือ เอาค่าใช้จ่ายการใช้ไฟที่บ้านรวมไปถึงเงินที่โอนให้เจ้าของรีสอร์ทตอนไปชาร์จไฟที่พักของเค้าเข้ามาในสมการด้วยนะครับ มันจึงกลายเป็นตัวเลข 674 บาทครับ

โดยแกได้เอาข้อมูลการชาร์จไฟทั้งหมดตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านจนถึงบ้านมากางให้ดูตรงนี้นะครับ

ใช้ไฟไป 169 หน่วยกับระยะทาง 983 km

ยอดรวมคือ (225+249+200) = 674 บาท

สิ่งที่ทำให้คุณปริณเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 แบบไม่หวนกลับมาเลยก็คือเรื่อง Autopilot ครับ ซึ่งเค้าบอกว่าขาดไม่ได้เลยฟังชั่นนี้

ก่อนจากกันนี้ คุณปริณมีอะไรจะฝากถึงชาวไทยที่วางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

ไม่มีอะไรจะฝากครับ แค่หวังว่าจะมีคนหันมาใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นก็ดีใจแล้วครับ

BLINK DRIVE TAKE

จริงๆ แล้ว สูตรที่ผมคิดเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ผมจะคิดเฉพาะค่าไฟนอกบ้านนะครับ แต่คุณปริณมองว่ามันจะดูต่ำเวอร์เกินไปแหละครับ ทำให้แกเอาค่าไฟบ้านมารวมด้วย แต่ถ้าคิดสูตรที่ผมคิดจริงๆ เท่ากับว่าแกเสียเงินค่าไฟทริปนี้ไปเพียง 249 บาทนะครับ ซึ่งถือว่าถูกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกครับ กับระยะทางที่วิ่งไป 983 km ครับ

ยังไงผมก็อยากให้ทุกท่านแชร์กันเข้ามาว่า ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ในเส้นทางแบบไหนบ้าง แล้วเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่กันนะครับ

เพื่อสร้างเป็นฐานข้อมูลให้ชาวไทยได้เข้ามาศึกษาครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

แชร์ข่าวสารน่าสนใจมาได้ที่ THE FORTRESS

Exit mobile version