Blink Blink
TeslaUSA

Tesla เริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ที่สิงคโปร์แล้ว

ภาพด้านบน : คุณ Teng Po Yew (ซ้าย) ซึ่งเป็นลูกค้าของ Tesla ยืนถ่ายคู่กับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 และพ่อของเค้าหน้า SPH News Centre ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา

อ้างอิงจากข้อมูลเว็บ Tesmanian แล้วนั้น Tesla ได้เริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model 3 คันแรกให้กับลูกค้าของพวกเค้าที่ประเทศสิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา

โดยการส่งมอบครั้งนี้เกิดขึ้นที่โชว์รูมรถยนต์ Tesla ณ เมือง Toa Toa Payoh บนเกาะสิงคโปร์ ซึ่งเวลาในการจัดส่งมอบรถคันนี้อยู่ที่ 10 โมงเช้า ณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม 2564 ครับ นี่เป็นการประกาศศักดาครั้งใหญ่ของเทสล่าในการลุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือเรียกสั้นๆ ว่า อาเซียน ซึ่งหนึ่งในประเทศที่อยู่ในโซนนี้คือ ประเทศไทยครับ

Tesla Model 3 สิงคโปร์ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท

ตอนนี้ สิงคโปร์ได้ Tesla ไปเปิดศูนย์ให้บริการและสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ส่วนราคารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่นเริ่มต้นในประเทศสิงคโปร์นั้นอยู่ที่ 2.5 ล้านบาทหรือ112,845 สิงคโปร์ดอลลาห์ (ราคารวมภาษีทั้งหมดแล้ว) [ที่มา : Tesla] อย่างไรก็ตาม Tesla ขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 เพียง 2 รุ่นเท่านั้นคือ SR+(Standard Range Plus) กับ Performance (รุ่นแพงที่สุด) ซึ่งราคารุ่น Performance อยู่ที่ 112,845 สิงคโปร์ดอลลาห์หรือ 3.5 ล้านบาท

ในขณะที่ประเทศไทยนั้น Grey Market ส่วนใหญ่นำเข้า Tesla Model 3 รุ่นเริ่มต้น (SR+) มาขายกันที่ราคา 2.99 ล้านบาท และรุ่น Performance อยู่ที่ราคา 4.19 ล้านบาทซึ่งผมมองว่าไม่ได้ห่างจากไทยเยอะเลย แต่ยังไงก็ตามเดี๋ยวผมจะเอาราคารถยนต์น้ำมันบ้านเค้ามาเปรียบเทียบกันกับไทยหน่อยนะครับว่า คิดกันโหดแค่ไหน

Toyota Altis Hybrid ราคาเริ่มต้นที่ 3.3 ล้านบาท

อ้างอิงข้อมูลจาก Toyota Singapore นั้น ราคารถยนต์น้ำมัน Toyota Altis Hybrid บ้านเค้าจะอยู่ที่ 3.3 ล้านบาทหรือ 139,888 สิงคโปร์ดอลลาห์ เรียกได้ว่าแพงกว่า Tesla Model 3 รุ่น SR+ ที่เข้าไปขายอย่างเป็นทางการถึง 8 แสนบาทครับ

ทำไมรถยนต์ในสิงคโปร์ถึงมีราคาแพง?

 อย่างที่รู้กันดีกว่าประเทศสิงคโปร์มีลักษณะเป็นเกาะขนาดเล็ก ดังนั้นทางการจึงเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากเพื่อป้องกันไม่ให้คนซื้อรถได้ง่าย แต่ก่อนที่คุณจะซื้อรถได้ คุณจะต้องต่อคิวเข้าประมูล Certificate of Entitlement (COE) เสียก่อน ซึ่งต้องจ่ายประมาณปีละ 1,230,000 – 1,720,000 บาท จึงจะสามารถเป็นเจ้าของรถได้ – ที่มา sanook

BLINK DRIVE TAKE

แล้วมันจะมีผลกระทบยังไงกับไทยในอนาคต?

อ้างอิงจากข้อมูลของ toyota global นั้นไทยผลิตรถยนต์ Toyota Altis พวงมาลัยขวาเพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงประเทศสิงคโปร์ด้วยนะครับ จริงๆ แล้ว เรื่องราคารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ที่ดูเหมือนว่าจะราคาเท่าไทยนั้นผมก็ไม่แปลกใจเพราะอย่างที่เว็บ sanook เขียนเอาไว้คือว่า ทางรัฐบาลต้องการเก็บภาษีรถยนต์สูงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนซื้อรถได้ง่าย แถมยังมีเรื่อง COE อีกที่ต้องมาประมูลก่อนซื้อรถครับ

นั่นก็แปลว่า Tesla Model 3 ในตลาดของสิงคโปร์นั้นจะมีคู่แข่งเป็น Toyota Altis หรือเรียกอีกอย่างว่า Tesla ขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 เท่ากับรถยนต์น้ำมัน Toyota Altis ในประเทศสิงคโปร์ที่เป็นประเทศลูกค้าเรายังไงล่ะครับ

คราวนี้สิ่งที่จะตามมาเป็น domino effect (ผลกระทบที่ตามมา)คือ ยอด demand(ความต้องการ)รถยนต์ที่ผลิตในไทยหรือประเทศอื่นๆในอาเซียนด้วยกันก็จะลดน้อยลงตามไปด้วยครับ คราวนี้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับแรงงานไทยและลูกหลานเราในอนาคตอีก 1-2 ปีข้างหน้าคือเราจะผลิตรถยนต์น้ำมันไปขายใครครับ

อย่างที่ทราบกันดีกว่า เวลา Tesla ไปเหยียบประเทศไหนในโลกนั้น ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศนั้นกระโดด 200-300 % ทันทีครับ ก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินแหละครับว่า อุตสาหกรรมไทยเราจะ “เฉย” ต่อไปแบบนี้หรือจะรีบปรับตัวสำหรับคลื่นซึนามิลูกใหม่นี้กันนะครับ

จริงๆ แล้วประเทศต่อไปที่จะได้ Tesla Official จาก Tesla น่าจะเป็นประเทศมาเลเซียแหละครับ เพราะอยู่ใกล้สิงคโปร์แล้วดูเหมือนรัฐบาลพวกเค้าค่อนข้างสนใจเทสล่าอย่างมาก จากนั้นก็อาจจะเป็นลาวหรือกัมพูชาเพราะสองประเทศนี้นำเข้ารถยนต์เป็นอย่างเดียว ถ้าจะเปลี่ยนจากการนำเข้ารถยนต์น้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นจีน(Tesla เซี่ยงไฮ้ หรือจะเป็นค่าย Geely (ค่ายแม่ของ Volvo) ) ก็คงไม่แปลกอะไรแหละครับ

คราวนี้ไทยเราคงจะได้โดนป่าล้อมเมืองจริงๆครับ เอาจริงๆนะครับ ผมคิดว่า ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยยังส่งเสริมแบบ “ผลักดึง”(Push and Pull คือการชัก คะเยิกนั่นเอง) อยู่อย่างนี้ เศษรฐกิจไทยเราคงจะได้ไปแข่งกับเกาหลีเหนือหรือพม่าภายในปี 2025 ครับเพราะถ้าแบต 4680 ออกมาวางในรถ Tesla จริงๆ แล้ว Disruption ของจริงจะมาแบบหายนะทั่วโลกพร้อมๆ กันแน่นอนครับ

ศึกษาเรื่องราวในอนาคตไปพร้อมๆ กันตรงนี้นะครับ

หมายเหตุ : ผมใช้ Keyboard ยี่ห้อ Keychron ในการเขียนกระทู้นี้นะครับ(จริงๆ เขียนมานานแล้วครับ) ยังไงก็แวะมาดูรีวิวกันในวิดีโอด้านล่างนี้นะครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

ส่งข้อมูลที่น่าสนใจและอยากให้แปลมาได้ที่ THE FORTRESS

Follow by Email