Canada is the latest country to announce an upcoming ban on new gas-powered car sales. Canada has set the target of 2035 in a move to accelerate electric vehicle adoption.
แคนาดาไม่ใช่ประเทศแรกที่ทำการคว่ำบาตรการขายรถยนต์น้ำมัน(มือหนึ่ง)นะครับ แต่การออกมาตั้งเป้าหมายการคว่ำบาตรการขายรถยนต์น้ำมันแบบนี้ก็เหมือนจะเป็นการบอกทางอ้อมแล้วว่าแคนาดานั้นจะเตรียมตัวเร่งส่งตัวเองเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าเป็นอันดับต้นๆ ของโลกครับ
คว่ำบาตร”การขายรถยนต์น้ำมัน”ไม่ใช่”ห้ามใช้รถยนต์น้ำมัน”
ต้องขอบอกเอาไว้ก่อนว่า ทุกประเทศพยายามตีกรอบอ้อมๆ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกใจกับการซื้อรถยนต์น้ำมันมาใช้ภายใน 5-10 ปีนี้ครับ โดยการออกมาบอกว่าจะทำการคว่ำบาตร”การขายรถยนต์น้ำมัน”ไม่ใช่”ห้ามใช้รถยนต์น้ำมัน” มันจะเหมือนการตะล่อมให้ประชาชนยอมรับว่าอนาคตจะไปในทิศทางไหนและเปิดโอกาสและให้เวลาประชาชนในการเลือกซื้อรถนะครับ
รัฐบาลไม่ได้คว่ำบาตรรถยนต์น้ำมันนิครับ แต่พวกเค้าเพียงบอกว่าห้ามขายรถยนต์น้ำมัน(มือหนึ่ง)หลังปี 2035 ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือ อะไหล่รถยนต์จะหายากขึ้น, ปั้มน้ำมันจะน้อยลง, และราคารถยนต์น้ำมันมือสองจะถูกลงอย่างมากเพราะคนก็ไม่อยากซื้อรถที่ไม่มีอะไหล่ให้ซ่อมมาขับครับ
อารมณ์เหมือนว่า ผม(รัฐบาล)ไม่มีสิทธิ์ห้ามคุณใช้รถยนต์น้ำมันเพราะประเทศของผมเป็นประเทศประชาธิปไตย คุณอยากซื้อรถยนต์น้ำมันมาใช้ก็แล้วแต่คุณ แต่อย่าลืมว่าหลังปี 2035 ไป อะไหล่, น้ำมันเครื่อง, หรือการขายต่อ จะเป็นเรื่องยุ่งยากยิ่งกว่าการสร้างเหมืองขุดบิทคอยแน่นอนครับ ดังนั้น เค้าสร้างปัญหาให้กับประชาชนที่อยากใช้รถยนต์น้ำมันต่อไปเท่านั้นเองครับ อยากใช้หรอ? ใช้ไปสิ แต่ผมจะทำให้ทุกอย่างมันเข้าถึงยากขึ้นนะ อะไรประมาณนี้ครับ
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอุตสาหกรรมรถยนต์?
การจะหักดิบเพื่อเปลี่ยนอะไรไปเลย มันจะเหมือนคอมมิวนิสต์ครับ ซึ่งทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคจะมองรัฐบาลเป็นวายร้ายแต่การที่รัฐบาลออกนโยบายห้ามขายรถอีก 13 ปีข้างหน้านี้เหมือนเป็นการเตือนค่ายรถให้วางแผนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเสียทีนะครับ
คือว่าเวลาที่เราพยายามเปลี่ยนแปลงอะไรทีล่ะนิดโดยไม่ให้เค้ารู้ตัวหรือบอกให้รู้ตัวแล้วนะ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนก็ตามใจ แบบนี้รัฐบาลไม่ผิดครับ ยังไงก็รู้สึกดีใจกับชาวแคนาดาทุกคนด้วยที่มีรัฐบาลบริหารงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พวกเค้าพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับประชาชนของพวกเค้า
สุดท้ายแล้วประชาชนที่อยากใช้งานรถยนต์จริงๆ โดยไม่ได้เกี่ยงว่าจะใช้น้ำมันหรือไฟฟ้าก็จะเทคะแนนมาที่รถยนต์ไฟฟ้าเพราะขายต่อได้ราคา, ไม่ต้องมีอะไหล่อะไรให้เปลี่ยนและค่าใช้จ่ายในการเติมไฟฟ้าก็ถูกกว่าน้ำมันครับ
เอาล่ะครับเราลองมาดูกันว่ามีประเทศไหนในโลกบ้างที่ได้วางแผนเตรียมการคว่ำบาตรการขายรถยนต์น้ำมัน
ประเทศที่พร้อมคว่ำบาตรการขายรถยนต์น้ำมัน
- ประเทศนอร์เวย์ คว่ำบาตรปี 2025
- ประเทศอังกฤษ คว่ำบาตรปี 2030
- ประเทศฝรั่งเศส คว่ำบาตรปี 2040
- ประเทศเยอรมัน คว่ำบาตรปี 2030
- ประเทศอินเดีย คว่ำบาตรปี 2030
- ประเทศไอร์แลนด์ คว่ำบาตรปี 2030
- ประเทศอิสราเอล คว่ำบาตรปี 2030
- ประเทศเนเธอร์แลนด์ คว่ำบาตรปี 2030
- ประเทศสกอตต์แลนด์ คว่ำบาตรปี 2032
ที่มา : electrek
BLINK DRIVE TAKE
แล้วไทยล่ะ?
ส่วนกรณีมีข่าวบอร์ดอนุมัติให้ไทยใช้อีวี 100% ในปี 2578 หรือปี 2035 นั้นยังไม่ได้สรุป ต้องไปศึกษาก่อน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มา : มติชน
ผมชอบคำกริยาของประเทศไทยจริงๆครับ
- ศึกษา
- วางแผน
- เตรียม
- จ่อ
- ชง
- รอ
- พิจารณา
- มอง
- เรียนรู้
Verb ทุกอย่างที่ทุกท่านเห็นนั้นเหมือนเป็น verb ช่อง to-be(กำลังจะ) 555+
อารมณ์เหมือนถ้าจะจีบสาวคนนึง อังกฤษ,นอร์เวย์, แคนาดา, อินเดีย, หรือประเทศอื่นๆอีก 5-10 ประเทศก็เข้าไปขอเบอร์เลย ถ้าเป็นพี่ไทยก็ขอดูเชิงก่อนนะ (กล้าๆ กลัวอยู่แบบนี้มา 5 ปีแล้วครับ) หมาคาบไปรับประทานพอดีสิครับ
ถ้าไทยยัง “ชิว” กับการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์แบบนี้อยู่ล่ะก็ ผมเกรงว่าแรงงานมากกว่า 800,000 คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์จะตกงานกันหมดนะครับ เพราะลูกค้าเราๆ อย่างประเทศที่ผมกล่าวมาเตรียมเลิกซื้อรถยนต์น้ำมันกันแล้ว แล้วเราจะผลิตรถยนต์น้ำมันไปขายใครครับ? ผมเชื่อว่าถ้าประเทศผู้นำเลิกใช้กันแบบนี้ ประเทศผู้ตามที่ไม่ได้ผลิตรถยนต์เป็นของตนเองแบบไทยๆ ก็เลิกใช้ตามเป็นกระแสนิยมหรือป่าวครับ? ลองดูปลายปีนี้เนอะว่าจะมีประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมมาไหมครับ Blink Drive เตรียม update อีกรอบปลายปีนี้แน่นอนครับ
ปล. อย่าบอกว่าค่ายรถยนต์ไฟฟ้าไม่สนใจไทยครับ ผมมองว่าไทยต้องเริ่มสนใจพัฒนาตัวเองแล้วครับ ไม่มีทางที่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจะสนใจไทยในเวลานี้อีกแล้วครับ เพราะจีนให้โปรไม่หยุดกับค่ายรถยนต์ทั่วโลกให้หันไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จีน ถ้าไทยอยากได้ demand หรือ know-how การผลิต ต้องเอาโปรโมชั่นเทียบเท่าจีนหรือไม่ก็ดีกว่าจีนเพื่อดึงผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเข้าประเทศครับ ไม่ใช่ให้เค้าบินมาจับมือกับลุงแล้วบินไปเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จีนต่อซะงั้นครับ
ส่วนตัวแล้วผมไม่เชื่อว่านายกเราจะไม่ฉลาดขนาดที่ว่ามีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของโลกมายืนอยู่ระยะเผาขนขนาดนี้แล้ว ยังไม่เปิดปากชวนเค้ามาลงทุนในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมรถยนต์เป็น GDP ส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศครับ
ผมไม่เชื่อจริงๆ ว่าลุงเค้าจะไร้ความสามารถที่จะเปิดปากชวนอีลอนมาลงทุนในประเทศครับ ผมเชียร์ลุงอยู่ครับ ผมอยากให้ลุงออกมาชี้แจงเรื่องนี้ครับว่าลุงถามเค้าเรื่องให้เทสล่ามาลงทุนที่ไทยหรือป่าว? หรือดันหน้าด้านไปปฏิเสธ deal ที่เค้าขอมาครับ (น่าจะไม่น่าใช่อย่างหลังนะครับ เพราะผมไม่เชื่อว่าลุงจะทำให้เรื่องทุกอย่างยุ่งยากกว่านั้นครับ จริงไหมครับ?) ผมอยากเห็นคำตอบของลุงครับว่า ทำไมเค้าถึงไม่ยอมมาลงทุนในประเทศ ผู้นำประเทศอื่นบินไปจีบอีลอนให้มาลงทุนในประเทศของตน แต่ผมไม่เชื่อว่าผู้นำประเทศเราจะไร้ความสามารถในการชักชวนอีลอนให้มาลงทุนในไทยครับ ขณะที่อีลอนบินมาลงเชียงรายตัวเป็นๆ แบบนี้ ลุงออกมาชี้แจงเรื่องนี้ด้วยครับ ผมเป็นกำลังใจให้ลุงครับ