อ้างอิงจากข่าว Reuter, Apple อยู่ระหว่างการเจรจาขั้นต้นกับ CATL และ BYD เกี่ยวกับการจัดหาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ Apple ที่ได้วางแผนไว้
ก่อนจะเข้าเรื่อง “Apple กำลังเจรจาการลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในอเมริกากับผู้ผลิตแบตฯที่จีน” ผมขอเสริมเกร็ดข้อมูลเกี่ยวกับวงการรถยนต์ไฟฟ้าของจีนซักหน่อยนะครับ
CATL คือใคร?
CATL ชื่อเต็มคือ Contemporary Amperex Technology Ltd. เป็นผู้ผลิตและพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน สำหรับรถยนต์และการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงการจัดการแบตเตอรี่เช่น รีไซเคิล และ รียูส(ฟื้นฟูเพื่อนำมาใช้ใหม่) นอกจากนี้ยังเป็นผู้วิจัยและผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ล้านกิโลให้ Tesla ด้วย
BYD คือใคร?
BYD ย่อมาจาก Build Your Dream เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆของจีน ปัจจุบันมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงด้วย แถมผู้ถือหุ้นใน BYD นั้นก็มีวอร์เรน บัพเฟตอยู่ด้วยครับ
Apple เริ่มเจรจากับผู้ผลิตแบตฯ ในจีน
การเจรจาของ Apple ยังไม่แน่นอนว่าจะบรรลุข้อตกลงกับ CATL หรือ BYD หรือไม่ โดยทาง Apple ได้ยื่นเงื่อนไขว่าต้องมีการสร้างโรงงานในสหรัฐอเมริกาด้วยซึ่งทางเจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะทำงานของประธานาธิบดี Joe Biden ก็ได้ยืนยันเกี่ยวกับเงื่อนไขนี้เช่นกัน
Jared Bernstein ที่ปรึกษาอาวุโสด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาว บอกทางรอยเตอร์ว่า เขาเข้าใจว่า Apple กำลังเจรจาเกี่ยวกับการลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในอเมริกาซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวไว้ เกี่ยวกับการความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ทางอเมริกาจะสามารถเข้าไปคว้าส่วนแบ่งการตลาดได้
แต่ CATL ไม่อยากสร้างโรงงานในสหรัฐอเมริกา เพราะปัญหาความตึงเครียดทางการเมืองระหว่าง สหรัฐอเมริกา และจีน รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการตั้งโรงงานด้วย ไม่แน่ว่าทาง Apple ก็อาจจะคุยกับผู้ผลิตรายอื่นอยู่ด้วยก็เป็นได้
Apple ยังไม่ยอมออกมาประกาศเรื่อง EV สู่สาธารณะ
Apple ไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะเกี่ยวกับแผนด้านรถยนต์ของตนเอง และปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ทั้งนี้ CATL และ BYD ก็ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นด้วยเช่นกัน
Apple สนับสนุนให้ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต เพราะมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า อันเนื่องจากการใช้ธาตุเหล็กแทนนิกเกิล และ โคบอลต์ ซึ่งมีราคาแพง นอกจากนี้ทาง Apple กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ โดยตั้งเป้าผลิตรถยนต์จริงไว้ในปี 2024 ซึ่งแผนพัฒนาเทคโนโลยีและแบตเตอรี่ของรถยนต์ Apple อาจจะเกี่ยวข้องในข่าวการเจรจากับ CATL และ BYD ก็เป็นได้
นโยบายลุงโจ : พยายามดึงผู้ผลิต EV เข้ามาลงทุนในอเมริกา
การเจรจานี้เกิดขึ้นในขณะที่ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกากำลังหาวิธีดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาในสหรัฐให้มากขึ้น ด้วยการเสนอของประธานาธิบดี Joe Biden ได้เสนอแผนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ (53 ล้านล้านบาท) รวมถึงงบประมาณอีก 1.74 แสนล้านดอลลาร์ (5,582 ล้านบาท) ใช้ในการเครดิตภาษีเพื่อกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นเงินสนับสนุนสำหรับผู้ผลิตแบตเตอรี่
ผู้ผลิตแบตเตอรี่หลายรายกำลังเพิ่มการผลิตแบตเตอรี่ให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ที่สูงขึ้นทั่วโลก เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังเร่งการเปลี่ยนผ่านมาสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้สอดคล้องกับกฎการควบคุมการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้น
จีนมีอัตราการเติบโตเกี่ยวกับ EV มากที่สุดในโลก
SNE Research ระบุในรายงานว่า คาดการณ์ว่าผู้ผลิตแบตเตอรี่ในประเทศจีนจะมีการเติบโตเร็วกว่าในประเทศอื่น เพราะในจีนมีอัตราการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก
รอยเตอร์รายงานว่า CATL กำลังวางแผนสร้างโรงงานขนาดใหญ่เพื่อผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในเซี่ยงไฮ้ ผนวกกับอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว จะทำให้ CATL กลายเป็นผู้นำในฐานะซัพพลายเออร์อันดับ 1 ของโลก โดยโรงงานดังกล่าวจะตั้งอยู่ใกล้ๆกับโรงงานผลิตรถยนต์ Tesla อีกด้วย
ที่มา : รอยเตอร์
BLINK DRIVE TAKE by veexeezee
ตอนนี้หลายผู้ผลิตรถยนต์กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนผ่าน จากรถยนต์เครื่องสันดาป มาเป็น รถยนต์ไฟฟ้าและมีตัวเร่งคือกฎหมายควบคุมมลพิษ ที่เรารู้จักกันดีคือ EURO 4, 5, 6
ถ้า Euro7 เริ่มใช้จริงเมื่อไหร่ จะยากมากที่เครื่องยนต์สันดาปจะผ่านข้อกำหนดนี้ไปผลิตขายจริงได้ ทางเลือกของผู้ผลิตหลายๆแบรนด์จึงมุ่งมาที่รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ การชาร์จ การขับขี่อัตโนมัติ มีการพัฒนาไปด้วยอัตราเร่งที่สูงเช่นกัน
หันมามองที่บ้านเรา ตอนนี้เริ่มมีรายใหญ่ๆขยับตัวบ้างแล้ว เช่น PTT ที่เห็นมีข่าวว่าร่วมกับ Weltmeister (WM Motor) มาหลายปีแล้วแต่ไม่มีอะไรก้าวหน้าให้เห็นเป็นข่าว
สุดท้ายมาพัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ด้วยจุดเด่นคือการสลับแบตเตอรี่ที่น่าจะไปได้ดีกว่าในยุคต้นๆ EV ของไทย บริษัทพลังงานหลายบริษัทก็ลงมาสู่ตลาดการเติมพลังงานไฟฟ้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็น PEA ,MEA ,EA หากเปิดดูแผนที่ใน Plugshare จะเห็นว่าจุดชาร์จไฟในไทย มีมากกว่าประเทศรอบข้างเสียอีกมีทั้ง DC และ AC มากมาย ยังไม่รวมถึงหลายจุดที่จะขยายเพิ่มในอีก 2 ปีนี้
ตอนนี้ที่ทางผู้แปลรู้สึกจริงๆคือ การที่ไทยจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์เครื่องสันดาปแห่งสุดท้ายในอาเซียน อันเนื่องจากที่ผู้ผลิตหลายรายโดยเฉพาะญี่ปุ่น ได้วางโรงงานผลิตไว้และไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของเขาที่ยังส่งไปได้ในหลายประเทศที่ยังไม่พัฒนาเรื่อง EV
ทำให้แนวโน้มในการเป็นผู้ผลิต EV ของประเทศแถบนี้คงเป็นไปได้ยากมากๆ ประกอบกับการที่รัฐยังไม่ได้สนับสนุนให้ประชาชนมาใช้ EV เลย แม้ว่าหลายคนอยากใช้ แต่ข้อจำกัดของราคาเป็นปัจจัยหลักไปแล้วสำหรับ EV ในไทยตอนนี้ที่จำกัดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้าให้อยู่แค่กลุ่มคนมีกำลังทรัพย์สูงเท่านั้น
