สวัสดีครับ ส่วนใหญ่ผมจะเขียนกระทู้ข่าวสารเทคโนโลยีเป็นหลักนะครับ นี่เป็นครั้งแรกๆ เลยที่ผมหันมาเขียนชีวประวัติของบุคคลแถมเป็นคนที่อยู่ในสายการเงิน (ไม่ใช่สายเทคโนโลยีด้วย) เพราะว่ามีหลายคนแชร์ข้อมูลกันเข้ามาว่านายคนนี้พูด short Tesla เอาไว้โดยไม่ได้ศึกษาเลยว่านายคนนี้เป็นใคร, หรือเรื่องที่แชร์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือป่าว ทำให้ Blink Drive ต้องแวะมาเล่าความจริงเกี่ยวกับนายกอร์ดอนคนนี้ให้ทุกท่านได้อ่านกันนะครับ
ผมจะนำเอาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ในอเมริกามารวบรวมและฝัง citation เอาไว้เพื่อให้ทุกท่านสามารถเข้าไปเชคข้อมูลได้ทุกย่อหน้า
ประวัติกอร์ดอน จอห์นสัน
กอร์ดอน จอห์นสันเป็นนักวิเคราะห์หุ้นคนนึงที่อยู่ในวอร์สตีทซึ่งเค้าเป็นผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท GLJ Research ซึ่งเป็นบริษัทแนะนำการลงทุนแห่งหนึ่งในอเมริกา ซึ่งหุ้นที่เค้าได้ monitor นั้นจะเกี่ยวกับ เหล็ก, แร่โลหะ, กราไฟต์, อีเล็กโทรด, รถยนต์ไฟฟ้า, แผงรับแสงอาทิตย์ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นในปี 2008 หรือ 2551
โดยเค้าได้เริ่มวิเคราะห์หุ้น Tesla อย่างจริงจังในสาย Bear โดยไม่ได้เอาหลักความรู้อะไรมาพูดเลยในปี 2018 และเปิดบริษัท GLJ Research ของตนเองในปี 2019 ครับ
– ที่มา : cleantechinca
ผมพยายามจะเชคข้อมูลเรื่องสถานที่ตั้งของบริษัท GLJ Research นั้นไม่เจอจริงๆครับ ดังนั้นผมก็พยายามเจาะลึกลงไปอีกว่าบริษัทจดทะเบียนที่ไหนและปัจจุบันใช้สถานที่ไหนในการทำงาน ปรากฏว่ามไปเจอในเว็บ OPENGOVNY ซึ่งเป็นเว็บจดทะเบียนบริษัทในรัฐ New York นะครับ
GLJ RESEARCH LLC is a business entity registered with New York State Department of State (NYSDOS). The DOS entity number is #5600679. The office address is located at 3500 S Dupont Hwy, Dover, Delaware 19901. The business is initally filed on August 7, 2019.
แปลสั้นๆ คือ GLJ Research LLC นั้นเป็นธุจกิจที่จดทะเบียนกับ New York State Department of State (NYSDOS) หมายเลขทะเบียนการค้า #5600679 สถานที่ตั้งของบริษัท 3500 ถนน S Dupont Hwy เมือง Dover รัฐ Delaware 19901
เว็บ OPENGOVNY
ทุกท่านอยากเห็นหน้าตาบริษัท GLJ Research ที่คนไทยหลายท่านนับถือกันไหมครับ? Blink Drive พาทัวร์ครับ
นี่คือ โฉมหน้าบริษัทนักวิเคราะห์หุ้นสาย Bear ของ Tesla ครับ
ถ้าทุกท่านสังเกตุชื่ออาคารนี้ดีๆ จะเห็นได้ว่าชื่อ inc Serv ไม่ใช่ GLJ Research ครับ เพราะว่ามันคือสำนักงานแบ่งเช่า (Share office) ครับ หรือเรียกอีกอย่างว่า Dummy office (สำนักงานหุ่นเชิด)ครับ คุณกอร์ดอนไม่ได้ทำงานที่นี่ครับ แต่เป็นที่บ้านแล้วใช้อาคารนี้เป็นหุ่นเชิดในการจดทะเบียนครับ เพราะว่าผมไปเชคข้อมูลใน google ดู ปรากฏไม่พบ physical address หรือที่อยู่สำนักงานเลยครับ
ลองดูบรรยากาศรอบๆ อาคารหน่อยไหมครับ?
แม้กระทั่ง website GLJ Reserach website นั้นมีที่อยู่สำนักงานครับ แต่ผมไปเชคดูแล้วปรากฏว่าเป็นตึกเช่าสำหรับขาย Mcdonald ครับ
หมายเหตุ : ถ้า GLJ Research เช่าสำนักงานอยู่จริงๆ มันจะต้องมี Suite Number (เบอร์ห้องหรือ office) สำหรับส่ง mail ครับ แต่ในเว็บไซต์เค้าปรากฏเพียงแค่ที่อยู่โดดๆ มาเลย นั่นก็แปลว่าถ้าคุณส่ง Mail ไปหากอร์ดอน มันจะไปโผล่ร้าน Mcdonald แทนครับ (เค้าเป็นอะไรกับ Mcdonald สาขานี้ครับเนี่ย ??)
เห็นที่อยู่บริษัทแบบนี้แล้วรู้สึกกาวหรือยังครับ? ถ้ายังเดี๋ยวผมมีข้อมูลเพิ่มเติมมาให้อ่านต่อด้านล่างนี้ครับ
ประวัติกอร์ดอนในตลาดวอลสตรีท (Wall Street)
- ตำแหน่งความเก่งในชมรมนักวิเคราะห์หุ้น : อันดับที่ 7,244 จากนักวิเคราะห์หุ้นทั้งหมด 7,489 คน – ถ้าเปรียบเทียบเป็นเกรดการเรียนก็ F ไปแล้วครับ
- ตำแหน่งความน่าเชื่อถือในตลาดหุ้นอันดับที่ 13163 จากคนที่มีประสบการณ์การเทรดหุ้นทั้งหมด 14496 คน
- อัตราความสำเร็จ 53% และภายใน 53 % นี้เป็นหุ้น noname(ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อ) และคำสั่ง Buy มากกว่า 90% ครับ
- อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากสำนัก GLJ : -7.4%
ที่มา : tipranks
กอร์ดอนบอกให้ Short หุ้น Tesla ตั้งแต่ปี 2561
เค้าบอกให้นักลงทุนขายหุ้น Tesla มาตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2561 ซึ่งตอนนั้นหุ้น Tesla ราคาเพียง $74 หรือ 2,200 บาท และก็บอกเรื่อยมาเป็นสิบๆ รอบให้นักลงทุนทั้งขายหุ้นและ short หุ้น Tesla ครับ
ถ้าดูดีๆแล้ว พี่แกคงแค้นอะไรเทสล่าหรือมีคนจ้างให้แกพูดอะไรซักอย่างโดยไม่มี fact เลยครับ เพราะนายคนนี้เหมือนเกลียด Tesla เข้าไส้จริงๆ เล่นบอกให้ sell ตลอดเวลาไม่เคยบอกให้ Buy เลยครับ แล้วจะเห็นได้ว่าคนที่มาลงทุนกับกอร์ดอนนั้นขาดทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 95% หรือเรียกง่ายๆ ว่าคุณเอาเงิน 100 บาทไปให้กอร์ดอนคุณจะได้เงิน 5 บาทกลับมาครับ
พ.ศ. 2561 – หุ้น Tesla มีค่าแค่ $109 ในสายตากอร์ดอนเท่านั้น
กอร์ดอนได้พูดกับ CBNC ในปี 2561 ว่าหุ้น Tesla นั้นแพงไปอย่างมาก(ตอนนั้นหุ้น Tesla ราคาเพียง $300 เท่านั้น) โดยเค้าให้ค่าหุ้น Tesla เหลือเพียง $109 หรือ 64 % จากราคาหุ้น ในตอนนั้น
โดยแกบอกเหตุผลที่ให้ขายหุ้น Tesla ครั้งนั้นว่า Tesla Model 3 จะผลิตไม่ได้ถึง 5,000 คันต่อสัปดาห์หรอก(ไม่มีทาง) แต่ต่อให้ผลิตได้บริษัทก็ไม่มีทางกลับมาทำกำไร เพราะค่ายรถยนต์อื่นๆ ต่างหันมาเล่นตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นโดยเค้ายังบอกอีกว่า GM ส่ง Chevrolet Bolt(รถที่ผมขับด้วยครับ)มาลงตลาดแข่งกับ Tesla Model 3 และดูเหมือนยอดขายจะไปด้วยดีด้วย แถมตอนนี้มี Porsche Mission E (คือ Taycan ในปัจจุบัน)มาลงตลาดด้วย Tesla ไม่สามารถยืนอยู่ในตลาดได้อีกแล้วแน่นอน
Blink Drive Mini Take – คือพี่แกเอาความมั่นใจเบอร์ไหนมาพูดก็รู้จริงๆครับเพราะรถ Porsche Mission E หรือ Taycan นั้นแพงกว่า Model S อีก คนทั่วไปอย่างพวกเราคงไม่ได้ไปซื้อมาขับแน่นอนครับ ส่วน Chevrolet Bolt นั้นยอดขายสู้ Tesla Model 3 ไม่ได้เลยครับ
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเหตุการณ์ที่แกแทงผิดและทำให้นักลงทุนหลายรายที่ฟังแกต้องเจ๊งกันเป็นแถวเลยครับเพราะว่าหุ้น Tesla ไม่ใช่ไม่ลงไปต่ำกว่า $300 เท่านั้นแต่ยังพุ่งทะลุกำแพง $1,000 หลังจากนั้นอีก 2 ปีถัดมา(เดือนมิถุนายน 2563) และ ณ ปัจจุบันนั้นหุ้น Tesla (มูลค่าก่อนแตกพาร์)อยู่ที่ $3,500 ต่อหุ้น หรือ $700 หลังแตกพาร์ไปแล้ว(อ้างอิงราคาหุ้น ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2564)
กอร์ดอนสร้างข้อมูลบิดเบือนเอาไว้ในปี 2563 จำนวนมาก
ผมจะไล่เป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้นะครับ
TESLA IS “NOT GROWING. THEIR SALES ARE ACTUALLY DECLINING”
แปล – เทสล่าไปต่อไม่ได้หรอก ทุกวันนี้ยอดขายเค้ามีแต่ลดลง
อันนี้เหมือนพูดฆ่าตัวตายมากๆครับเพราะยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla จริงๆ นั้นมันเป็นแบบนี้ครับ
คือถ้าดูจากกราฟจริงๆ นั้นมีแต่ขึ้นครับและสิ่งที่กอร์ดอนพูดเอาไว้นั้นคือตอนไตรมาส 3 หรือ Q3 2020 ดังนั้นเค้ากำลังบอกว่า Q4 2020 ต้องต่ำกว่าแต่จริงๆ สูงกว่า(อย่างที่เห็นในภาพด้านบน)ครับ
“TESLA DID BATTERY DAY, AND THERE WAS NO BATTERY INTRODUCED”
แปล – เทสล่าเปิดตัวแบตในงาน Battery Day แต่ไม่เอาแบตออกมาโชว์
อันนี้เหมือนกับแกไม่ได้ดูวิดีโอ live ในงานเลยนะครับ เพราะอีลอนนั้นเอาวิดีโอขั้นตอนการผลิตแบบถึงพริกถึงขิงมาให้ชมกันเลยครับ
ปล.ผมเคยทำวิดีโอ live เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของ Tesla Battery Day เอาไว้ตรงนี้นะครับ ทุกท่านสามารถเปิดเพื่อเชคข้อมูลทั้งหมดได้จากตรงนี้ครับ
ถ้าดูวิดีโอจนจบจะเห็นว่าอีลอนนั้นโชว์ขั้นตอนการผลิตแบตในโรงงานให้ดูจริงๆครับ ไม่ใช่ CG (Computer Graphic นะครับ)
“CHINA SALES HAVE DECLINED IN EACH OF THE PAST THREE MONTHS”
แปล – ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในจีนนั้นตกลงไปในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
อันนี้ลุงแกเมากาวแล้วล่ะครับเพราะกราฟก็มีให้เห็นกันอยู่ว่าช่วงไตรมาสสามปี 2020 นั้นยอดขายไม่ได้ลดลงเลยครับ
“TESLA STOCK GONNA COLLAPSE LIKE NIKOLA”
แปล หุ้นเทสล่ากำลังจะพินาศเหมือนหุ้นนิโคล่า(กล่าวในเดือนกันยายน 2563)
กอร์ดอนบอกว่า “หุ้นเทสล่าจะพังพินาศเหมือน Blackberry หรือ AOL เพราะเทสล่านั้นไม่รู้ว่าตัวเองมีคู่แข่งเป็นบริษัทรถยนตืน้ำมันมากกว่า 46 บริษัท และผมบอกเอาไว้เลยว่า ในปี 2022 นั้นรถยนต์ไฟฟ้าจะออกมาไม่ต่ำกว่า 100 รุ่น ดังนั้น Tesla ไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งในปี 2022 เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอน”
Blink Drive mini-Take : แกเมากาวหรอครับ? แกพูดในปี 2020 ว่าเทสล่ากำลังมีคู่แข่งมากถึง 46 บริษัท แต่เค้ากลับไม่รู้เลยว่า 46 บริษัทผู้ผลิตรถยนต์นั้นยังไม่ลงมาลุยรถยนต์ไฟฟ้าแบบจริงจังซักบริษัทเลย เอาง่ายๆ ครับอย่างไทยนั้นมีแค่ 1 บริษัทถ้วนที่ขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้ FTA 0% ซึ่งก็คือ MG และลองดูดีๆคือที่ไทยนั้น ต่อให้เป็นปีหน้า(2022) ก็ยังไม่มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หน้าไหนหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบจริงจังเหมือนเทสล่าหรือผลิต scale ใหญ่เพื่อขายเหมือนรถยนต์น้ำมัน eco car บนท้องตลาดครับ
คุณกอร์ดอนได้กล่าวอีกว่า “คุณลองดูหุ้นนิโคล่าสิครับ หุ้น Nikola ร่วงลงมาจาก $90 ถึง $20 และเทสล่ากำลังจะเป็นอย่างนั้นในไม่ช้า” – กอร์ดอนกล่าวเอาไว้ ณ วันที่ 22 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นวันที่หุ้น Tesla มีราคา $500 หรือ $2,500 (ก่อนแตกพาร์)
ผมขอเล่าเรื่องบริษัท Nikola แบบคร่าวๆ ให้อ่านตรงนี้นะครับ
สถาบันนักลงทุนแนวหน้าของประเทศอเมริกา hindenburg research เท่าที่อ่านข้อความจากสถานบันการเงินนี้ดูแล้ว เหมือนเค้าโกรธเอามากๆ ที่ Nikola สร้างข้อมูลเท็จต่างๆ มาเพื่อเอาตัวเองเข้าตลาดหุ้นของอเมริกาแถมยังมีข้อหาอีกมากมายที่ Nikola สร้างเอาไว้ให้กับชาวอเมริกา เดี๋ยวผมจะสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ
- ทางสถาบัน Hindenburg Research ได้บันทึกข้อมูลต่างๆ ของ Nikola เอาไว้เป็นหลักฐานทั้งหมดและนำเอามาแฉในโพสนี้ด้วยโดยหลักฐานต่างๆ ได้แก่ การบันทึกเสียง(voice record), ข้อความมือถือ, อีเมลส่วนตัว, และแม้กระทั่งรูปถ่าย(แอบถ่าย)ของ Trevor Milton ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Nikola นะครับ นี่ถือว่าเป็นการฉ้อโกงที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของประวัติศาสตร์อเมริกาเลยก็ว่าได้ครับ
- Trevor ใช้กระแส EV Wave ที่ Tesla สร้างเอาไว้ ผนวกกับการตั้งชื่อ Nikola ซึ่งเป็นชื่อนำหน้าของ Tesla ทำให้บริษัทนั้นเป็นที่น่าเชื่อถือทางสังคมอเมริกาเป็นอย่างมาก จึงสามารถดึงดูดนักลงทุนและผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า(EV part) เข้ามาลงทุนในบริษัทของตนเองได้มากถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัญหรือประมาณ 600,000 ล้านบาท
- Nikola One in Motion ซึ่งเป็นวิดีโอ Viral ตอนนี้ในโลกอินเตอร์เน็ต โดยวิดีโอนี้จะโชว์ให้เห็นศักยภาพของรถบรรทุก Nikola ที่อ้างว่าเป็นรถบรรทุกที่ใช้ fuel cell(เชื้อเพลิงจาก Hydrogen) ในการขับเคลื่อน แต่ปรากฏว่ามีพนักงานในบริษัทออกมาแฉว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวไม่สามารถบรรทุกของหรือมีกำลังขับขนาดนั้น ซึ่งวันที่ถ่ายทำนั้น เค้าได้จ้างรถบรรทุกดีเซลมาลากรถบรรทุก Nikola ขึ้นไปยังบนจุดสูงสุดของภูเขาแล้วจากนั้นได้ทำการถ่ายวิดีโอตอนวิ่งลงมาจากภูเขาครับ(down hill trip) หรือแปลความหมายว่า รถบรรทุกคันนี้ไม่สามารถวิ่งได้แม้กระทั่งแค่ระยะทาง 1 เมตรครับ ในวิดีโอจะเห็นว่าเป็นการไถลลงจากที่ราบสูงมากกว่าการวิ่งลงมาครับ
ที่มา : Nikola ออกมายอมรับว่า ปั้นน้ำเป็นตัวกับโปรเจครถบรรทุก Hydrogen ที่ไม่เคยสร้างรถซักคันมาโชว์
ฝรั่งคิดเห็นอย่างไรกับกอร์ดอนกันบ้าง?
ผมจะพยายามเอา top comment ในแต่ล่ะ source มาแปลให้อ่านกันนะครับ อย่างคลิปด้านล่างนี้
$109 price target, wow that was a close call, only 600% off (แปล) ตั้งเป้าราคาหุ้นเทสล่าที่ $109 ว้าว นั่นมันใกล้กับราคานั้นมาก แค่ติดลบไป 600 % เนอะ
If you ever feel low and stupid, come on over and watch Gordon.. You can thank him later! (แปล) ถ้าวันใดคุณรู้สึกตัวเองไม่มีค่าหรือโง่เง่า ให้คุณย้อนกลับมาดูคลิป(กอร์ดอน)นี้ และคุณจะรู้สึกอยากจะขอบคุณกอร์ดอนอย่างมาก [อันนี้เป็นการประชดแบบว่าถ้าวันไหนคุณคิดว่าคุณเป็นคนไม่ฉลาดก็ให้คุณหันมาดูกอร์ดอนซะเพราะมีคนที่โง่กว่าคุณอยู่ตรงนี้]
Who’s here after he got fired and TSLA is above $900? 😃 (แปล) ใครกลับมาดูคลิปนี้หลังจากหุ้นเทสล่าพุ่งทะลุ $900 (ราคาก่อนแตกพาร์)กันบ้างน้าาา?
How does this person end up on the air? He’s always spectacularly wrong on Tesla. (แปล) ทำไมสำนักข่าวถึงเอากอร์ดอนมาออกรายการทีวีได้นะ คนๆ นี้เค้าเดาทางเกี่ยวกับเทสล่าผิดหมดเลย
คลิปล่าสุด(เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว)นั้นก็มี comment ต่างๆ กรูกันเข้ามา แต่ผมจะยกเอาแต่ comment ที่มียอด like สูงสุดเท่านั้นมาแปลนะครับ
He cant afford a good connection anymore. 🥲 i feel sorry for him… (แปล) เขาไม่สามารถจะมี connection กับนักธุรกิจหรือคนทั่วไปได้อีกแล้ว , ผมรู้สึกแย่แทนเค้ามากๆ
His audio equipment can’t handle the BS anymore….. (แปล) อุปกรณ์รับส่งเสียง(ไมค์)ไม่สามารถรับ BS(Buy Stop) ของเค้าได้มากกว่านี้แล้ว
Gordon “The Clown” Johnson embarrass himself once again. Even his microphone not liking him now. (แปล) กอร์ดอน (ตัวตลก) จอห์นสันขายขี้หน้าตัวเองอีกแล้ว แม้กระทั่งไมค์โครโฟนก็ยังไม่ชอบขี้หน้าเค้าเลย
even the microphone is not supporting his point… (แปล) แม้กระทั่งไมค์โครโฟนยังไม่สนับสนุนกอร์ดอนเลย(ถ้าลองเปิดคลิปฟังดูจะรู้เลยว่ากอร์ดอนมีปัญหาเรื่องเสียงนะครับ อุปกรณ์รับเสียง(ไมค์)ของเค้านั้นน่าจะมีปัญหาหนักมากๆ)
อันสุดท้ายนี่ฮาที่สุดแล้วครับ
Gordon Johnson makes me feel like I’m gonna do alright in life
แปล – กอร์ดอน จอห์นสันทำให้ฉันรู้ว่า ชีวิตชั้นก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนิ
คำพูดนี้ต้องอธิบายหน่อยว่า ผู้พูดกำลังสื่อว่าชีวิตของเค้าตอนนี้กำลังแย่ แต่พอมาดูคลิปนี้แล้ว เค้ามองว่าชีวิตที่แย่ๆ ของเค้าตอนนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย เพราะเค้าได้เห็นคนที่แย่กว่าเค้าซึ่งนั่นก็คือ กอร์ดอน จอห์นสัน
มาวันนี้แกไม่รู้พีคอะไรหรือน่าจะมึนๆ ทำให้แกออกมาพูดว่า
ยิ่งส่งรถมากเท่าไหร่, ยิ่งขาดทุนมากเท่านั้น
กอร์ดอน จอห์นสัน ผู้ก่อตั้ง GLJ Research ให้สัมภาษณ์ เบ็คกี้ ควิก พิธีกรสาวในรายการ Squawk Box ช่อง CNBC ถึง Tesla บอกว่า
“They are losing money the more cars they deliver”
แปลเป็นไทยว่า “ยิ่งนำส่งรถได้มากเท่าไร ยิ่งขาดทุนมากเท่านั้น”
ดังนั้น คนที่บอกว่า Tesla กำไรตั้งเยอะ มาบอกว่าขาดทุนได้ยังไง? ต้องดูให้ลึกลงไปอีกขั้นหนึ่ง จึงจะเห็นภาพที่แม่นยำขึ้น
ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร ก็ทำได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดด้วยซ้ำไป ราคาหุ้นน่าจะวิ่งกระฉูดไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงลงล่ะ?
สาเหตุอยู่ตรงนี้ครับ …
กำไรสุทธิไตรมาสนี้ ที่ออกมา 438 ล้านเหรียญนั้น เป็นกำไรแบบ GAAP คือรวม “รายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว” ด้วย
รายการที่ว่านั้น ได้แก่ ยอดขายที่เป็นเครดิต (sales of regulatory credits) จำนวน “518 ล้านเหรียญ” และ bitcoin ที่ขายทิ้งไปเป็นเงิน “101 ล้านเหรียญ”
หากตัดสองรายการนี้ออก กำไรของบริษัทในไตรมาสล่าสุดของ Tesla จะติดลบ “181 ล้านเหรียญ” (438 ล้าน – 518 ล้าน – 101 ล้าน)
อ้างอิงข้อมูลจากเพจ Club VI
BLINK DRIVE TAKE
อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเค้าเอาข้อมูลนี้มาฝั่งเดียวแบบนี้ได้อย่างไรเพราะ Tesla ลงทุนกับ R&D ไปเยอะมากๆ และทุกครั้งที่ได้เงินจากการขายรถเค้าจะนำเงินนั้นเข้า R&D ทันที
Source รายรับ Vs. รายจ่ายของเทสล่า
Posted by Blink Drive on Friday, April 30, 2021
ทำไมทางเพจ Club VI ไม่เอา Gigapress หรือระบบ Autonomous driving academy อย่าง Tesla dojo เข้าไปในสมการการคิดคำนวณกำไรที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าด้วยล่ะครับ?
หมายเหตุ : ถ้าเพจ Club VI อยากสนทนาเพื่อชี้แจงเรื่องนี้กับ Blink Drive และคนไทยทุกคนผ่าน Facebook live หรือ Clubhouse เพื่อทำความเข้าใจกับคนไทยที่สนใจการลงทุน Tesla อยู่ก็สามารถติดต่อ Blink Drive ได้ที่ Facebook Blink Drive ตลอดเวลานะครับ ผมอยากสอบถามหลายเรื่องเกี่ยวกับโพสเทสล่าด้านล่างนี้ครับ
ปล. ผมบอกก่อนว่าผมไม่เก่งเรื่องการดูกราฟหรือหุ้นทั้งนั้นครับ ดังนั้นถ้าจะคุยเรื่องนี้ยังไงผมไม่มีทางเข้าใจแน่นอนครับ
แต่ผมอยากสอบถามว่าทำไมถึงคิดว่ายิ่งขายรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นยิ่งขาดทุนครับ เอา fact หรือ data sheet ต้นทุนการผลิตและกำไรจากการขายต่อคันมาคุยกันได้ครับ และอยากทราบแนวทางการ short หุ้น Tesla ด้วยครับว่าควรเข้าราคาไหนดี
ถ้าเป็นอย่างที่ทางเพจ Club VI แจ้งมาจริงๆ ผมมองว่า Tesla ก็ scam ไม่ต่างจากพวก Nikola เลยนะครับ ผมอยากทราบข้อมูลเพื่อนำมาศึกษาต่อนะครับ