อ้างอิงจากข้อมูลเว็บ cleantechnica Tesla สามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 และ Model Y ได้มากถึง 182,780 คันและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า Model S และ Model X ได้เพียง 2,020 คันในไตรมาสแรก(มกราคม – มีนาคม 2564)
Production | Deliveries | Subject to operating lease accounting | |
Model S/X | – | 2,020 | 6% |
Model 3/Y | 180,338 | 182,780 | 7% |
Total | 180,338 | 184,800 | 7% |
การส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในไตรมาสแรกของปีนี้ยังเป็นการตอกย้ำว่าคนหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ากันมากยิ่งขึ้นเพราะว่ายอดส่งมอบนั้นทำลายสถิติในทุกๆ ไตรมาสที่ผ่านมาและจะเห็นได้ว่าทุกๆ ไตรมาสแรกของปีนั้นยอดส่งมอบของ Tesla มักจะแผ่วลงแต่มาปีนี้กลับเยอะกว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ซึ่งนั่นก็แปลว่า Tesla หาทางผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ให้ทันส่งมอบลูกค้าต่างๆ ในจีนทำให้ยอดการส่งมอบนั้นสูงขึ้นมาอย่างสังเกตุได้ชัด
อย่างไรก็ตามถ้าดูจากกราฟด้านล่างจะเห็นได้ว่า ไตรมาสแรกของปี 2020 (2563) นั้น Tesla ส่งมอบรถได้เพียง 88,400 คันหรือน้อยกว่าปี 2021 (2564) อยู่เกือบ 1 แสนคันครับ เรียกได้ว่ายอดขายไตรมาสแรกของปี 2564 นั้นเติบโตขึ้นมาจากปี 2563 ถึง 109 % ครับ
ส่วนสาเหตุที่ยอดขาย Tesla Model S และ Model X นั้นน้อยมากๆ ก็เพราะ Tesla ได้ทำการปรับปรุงไลน์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S และ Model X โฉม Refresh model นะครับ ทำให้ยอดขายนั้นกระจุกตัวมากๆครับ
ถ้าปลายปีนี้ Tesla สามารถเริ่มส่งมอบ Tesla Model S และ Model X รุ่น Refresh (โฉมใหม่)ได้เมื่อไหร่ ผมมองว่าปีนี้ Tesla มีโอกาสทะลุเป้าส่งมอบที่เคยบอกเอาไว้ที่ 550,000 คันภายในปี 2564 ครับ
อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่า Tesla ไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มถึง 2 แห่งด้วยกันคือ Tesla Gigafactory Germany กับ Tesla Gigafactory Texas ดังนั้นปลายปีนี้หรือต้นปีนี้ มีสิทธิ์ว่า Tesla จะทำลายสถิติการผลิตเดิมที่เคยทำมาครับ
BLINK DRIVE TAKE
จริงๆแล้ว ถ้าเราดูกราฟจากเว็บ cleantechnica ดีๆ แล้วจะเห็นได้ว่ายอดการส่งมอบของ Tesla นั้นมีสะดุดไปบ้างบางคราวแต่เส้นกราฟนั้นขึ้นสูงทำ new high ทุก ๆ 2-3 ไตรมาสเสมอเลยครับ ถ้าแนวโน้มการผลิตและส่งมอบของ Tesla ยังเป็นอย่างนี้อยู่
ผมเป็นห่วงประเทศไทยนะครับว่าจะปรับตัวกันยังไงและเมื่อไหร่? เพราะเท่าที่ผมทราบมาก็คือ กรมอุตสาหกรรมรถยนต์น้ำมันของไทยพยายามเอา Hybrid ให้เกิดพร้อมๆ กับรถยนต์ไฟฟ้าแทนที่จะสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวเหมือนประเทศอื่นๆ บนโลก
เค้ามองว่า
สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสนับสนุนยานยนต์ทุกประเภท ทั้ง ICE และรถพลังงานไฟฟ้า แต่การเปลี่ยนผ่านนี้คงต้องใช้เวลา โดยมีเทคโนโลยีไฮบริดเป็นตัวเชื่อม โดยสมาคมฯ อยากให้อีวี เกิดเช่นกัน แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่ยั่งยืน และมีมูลค่าเพิ่มในประเทศ
“เราอยากให้รัฐบาลทบทวนในการส่งสัญญาณต่างๆออกไป (ประเด็นบังคับขาย EV ในปี 2578) เพราะอาจจะกระทบต่อฐานการผลิต หรือสะเทือนไปทั้ง ค่าย ญี่ปุ่น เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา”
นายองอาจ กล่าว – ฐานเศรษฐกิจ
MBA ขั้นพื้นฐาน : เวลาเราจะผลิตสินค้าขาย เราจำเป็นต้องถามหา demand จากลูกค้าไม่ใช่ผู้ผลิตครับ เป็นรัฐบาลที่ soft จริงๆ
Posted by Blink Drive on Friday, April 2, 2021
ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกหรือป่าวครับ? ที่ใช้ Hybrid เป็นตัวเชื่อมในการเปลี่ยนถ่าย เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างจีน, อเมริกา, แคนาดา, ยุโรปทุกประเทศ ต่างมองหาทางสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าแทน Hybrid ครับ
สังเกตุไหมครับว่าคนใช้งาน Hybrid ในไทย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน, พี่น้อง, หรือพ่อแม่ของคุณนั้น หลังจากใช้งานจนรถหมดประกันแล้วเริ่มเอารถเหล่านี้มาซ่อม เค้าก็หันกลับไปซื้อรถยนต์น้ำมันกันเกือบทุกคน มีแค่บางคนหันไปซื้อ Hybrid มาใช้ต่อเท่านั้นเอง
นั่นก็แสดงว่า Hybrid มันไม่ตอบโจทย์ครับ ถ้าตอบโจทย์จริงๆ เราควรจะเห็นเค้าซื้อ Hybrid คันใหม่แทนรถยนต์น้ำมันคันใหม่ครับ
ฝรั่งเค้าก็รู้เรื่องนี้ดีเหมือนกันครับ ถึงเป็นสาเหตุที่ผ่านมานั้นยอดขาย Hybrid ไม่เคยเอาชนะยอดขายรถยนต์น้ำมันได้เลย แถมยอดขายรถยนต์น้ำมัน Hybrid อย่าง Toyota Prius ซึ่งเป็นเจ้าพ่อ Hybrid ในอเมริกาก็หดตัวลงครับ
ผมอยากฝากโพสนี้ให้รัฐบาลอ่านและพิจารณาข้อมูลจากทุกประเทศทั่วโลกก่อนตัดสินใจสนับสนุนเทคโนโลยีอะไรก็ตามในประเทศครับ การเริ่มต้นและไปต่อของอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เหมือนการขายข้าวแกงครับ (ไม่ใช่ว่าวันนี้ลงทุนไป 20,000 ล้านบาทพรุ่งนี้จะเริ่มต้นใหม่ก็ได้) ผมอยากให้รัฐบาลศึกษาข้อมูลของทั่วโลกก่อนตัดสินใจสนับสนุนเทคโนโลยีต่างๆ ครับ เหมือนกันว่าโลกกำลังหมุนไปทางตลาดกล้องดิจิตอล , ถ้าเราไม่หันไปมองตลาดโลกและพยายามหนุนเรื่องกล้องฟิล์ม สุดท้ายไทยจะกลายเป็นโกดักหรือป่าวครับ?(อันนี้คำถามให้ไปคิดเพื่อศึกษาต่อครับ)
ถ้าเห็นยอดขาย Tesla เป็นแบบนี้แล้ว รัฐบาลไทยควรจะต้องพิจารณาเงื่อนไขการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นหรือป่าวครับ? (อันนี้เป็นคำถามครับ) ผมไม่มีปัญหากับการขายรถยนต์น้ำมัน Hybrid ครับ ผมเห็นด้วยที่จะสนับสนุน Hybrid ไปพร้อมๆ กับรถยนต์ไฟฟ้า(ถ้ารัฐศึกษาดีแล้วว่ามีประเทศอื่นๆบนโลกสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย)
แต่สิ่งที่ผมมีปัญหากับรัฐบาลคือ ราคารถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในไทยที่สูงเกินไปครับ อยากให้รัฐบาลมาช่วยลดกำแพงภาษี (FTA 0% )เหล่านี้เพื่อให้ Tesla มีที่ยืนในไทยครับและผู้เล่นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศอื่นๆ จะได้เห็นไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนอีกประเทศครับ
ประสบการณ์จริงจาก Blink Drive : ผมขับ Hybrid มาก่อนครับ ผมเข้าใจดีเลยว่ารถ Hybrid นั้นมันประหยัดน้ำมันจริงๆ แต่รถมันออกตัวอืดมากและไม่ได้ประหยัดค่าซ่อมเลย พอขับไปซักพัก ผมจึงเริ่มมีความคิดเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าและหลังจากใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ผมก็ไม่มีความคิดจะกลับไปขับรถยนต์น้ำมันอีกเลยเพราะประหยัดกว่า, สะดวกกว่า(ชาร์จไฟแถวบ้านได้), และเร็วกว่าเยอะ(อัตราเร่งแรงกว่ารถยนต์น้ำมันมากๆ)