Blink Blink
ChevroletUSA

Chevrolet เปิดตัว Bolt EUV และ EV รุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้น 990,000 บาท

หลังจากที่ Chevrolet (อ่านว่า เชฟโรเลต)เคยเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EV ในปี 2017 ในราคา $37,495 หรือ 1.12 ล้านบาทและมีผลตอบรับออกมาดีเสียด้วย มาปีนี้(2021)ก็ได้ฤกธิ์ในการสังคายนารถยนต์ไฟฟ้าในค่ายของตนเองเสีย

มาคราวนี้ Chevrolet นั้นเอารถยนต์ไฟฟ้ามาเปิดตัวถึงสองรุ่นด้วยกันนะครับซึ่งก็คือ

  • รถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EV เริ่มต้นที่ $31,995 หรือ 960,000 บาท
  • รถยนต์ SUV ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EUV เริ่มต้นที่ $33,995 หรือ 1 ล้านบาท

เท่าที่ดูคือ Chevrolet เล่นเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าถึง 2 รุ่นเลยทีเดียวครับ แถมลดราคา Bolt EV ที่เคยเปิดตัวที่ $37,495 หรือ 1.12 ล้านบาทลงมาเหลือเพียง $31,995 หรือ 960,000 บาทอีกด้วย มารอบนี้ก็แถมรุ่น EUV เข้ามาซึ่งมีตัวถังที่ใหญ่กว่า Bolt EV เล็กน้อย แต่ยังใช้แบตและมอเตอร์แบบเดียวกันกับ Bolt EV อยู่นะครับ

พัฒนาอะไรบ้างจากรุ่นแรก?

ก่อนอื่นเลย ผมจะทยอยเล่ารายละเอียดของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้โดยละเอียด เพราะตัวผมเองขับรุ่นแรกอยู่นะครับ ฮ่าๆ

  • AC Charging rate : 11 kW : ซึ่งรุ่นเก่าเป็น 7.68 kW อย่างช้าเลยครับ เวลาผมไปชาร์จหัวจ่ายนอกบ้านนั้นรู้สึกเลยว่าตันที่ 7 kW รุ่นใหม่นั้นให้มา 11 kW ถือว่าดีอย่างมาก
  • แถมที่ชาร์จ Level 2 มาให้ : รุ่นแรกนั้นแถมที่ชาร์จ level 1 ซึ่งเป็นที่ชาร์จ 120 volts กับ 12 amp เรียกว่าปล่อยไฟได้เพียง 1.44 kW เท่านั้นเองครับ แต่ level 2 ที่ให้มานั้นเป็นแบบ 7.2 kW (ถ้าซื้อกันตาม amazon ก็ประมาณ $300 – $500 เป็นได้ครับ) ถือว่าใจปล้ำอย่างมากครับ
  • ติดตั้งที่ชาร์จที่บ้านให้ฟรี : อันนี้ผมเห็นที่ไทยก็ทำให้ฟรีนะครับ แต่ของอเมริกานั้นไม่เคยมีโปรนี้เลยครับ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ GM รุกหนักเรื่องการติดตั้งที่ชาร์จที่บ้านให้นะครับ แม้กระทั่ง Tesla ยังไม่มีโปรนี้เช่นกันครับ

อะไรที่ยังเหมือนเดิม?

  • แบตเตอรี่ยังใช้ขนาด 66 kWhเหมือน Bolt EV รุ่น 2019 และใช้ software ล๊อคเอาไว้ใช้ได้เพียง 65 kWh
  • DC fast charging ให้มาแค่ 55 kW เหมือนเดิม ซึ่งถือว่าปวดใจมากๆ ที่ให้การความเร็วในการชาร์จด่วนเพียงเท่านี้ครับ
  • ระบบขับเคลื่อน : มอเตอร์ไฟฟ้า 200 แรงม้า(ตัวเดิม)
รูปภาพ : เปรียบเทียบ Chevrolet Bolt EV ปี 2017 กับ Chevrolet Bolt EV ปี 2022

Bolt EV ต่างจาก Bolt EUV ยังไง?

รูปภาพ : Chevrolet Bolt EUV

หลักๆ คือ Chevrolet Bolt EV นั้นจะยึดพื้นฐานอยู่กับรถยนต์ประเภท Hatchback เหมือนพวก Toyota Yaris หรือ Honda Jazz ครับ

ส่วน Chevrolet Bolt EUV (ย่อมาจาก Electric Utility Vehicle) จะมีขนาดใหญ่กว่า Bolt EV ซึ่งเป็น Hatchback และยืนอยู่บนพื้นฐาน Cross over หรือ CUV เหมือน Hyundai Kona หรือ Honda HRV ครับ

รูปภาพ : Chevrolet Bolt EUV

สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง Bolt EV กับ Bolt EUV อีกส่วนคือภายในรถครับ เบาะหลังภายในรถนั้นจะมีที่ว่างต่างกันเพียง 3 นิ้วครับ โดย Bolt EV จะมีพื้นที่เบาะอยู่ที่ 16.3 ลูกบาศฟุต ส่วน Bolt EUV จะมีพื้นที่เบาะอยู่ที่ 16.6 ลูกบาศฟุต เหลือจะเรียกว่า รถ EUV นี้เหมาะจะเป็นรถครอบครัวอย่างมากครับ ส่วน Bolt EV นั้นเหมาะสำหรับคนโสด, คนเพิ่งเริ่มทำงานครับ

โดยทั้งคู่จะใช้มอเตอร์และแบตรุ่นเดียวทั้งหมดครับ อีกส่วนที่จะเหมือนกันก็คือห้องโดยสารของรถคันนี้ครับ

ภายในแบบใหม่ทั้งหมด

ภาพจาก electrek

เรียกได้ว่าทีมงานออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าของ GM นั้นทำงานออกมาได้ดีมากๆ ครับ โดยรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EV รุ่นแรก(ปี 2017-2020)นั้นก็ออกแบบมาได้สวยงามและล้ำหน้าอยู่แล้วนะครับ บอกตรงๆว่าการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าของ GM นั้นจะฉีกแนวออกไปจากรถยนต์น้ำมันแบบสิ้นเชิงเลย

แต่พอมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EV ตัวใหม่ปี 2022 นั้นจะเห็นได้ว่าการออกแบบจะเน้นไปเป็นแบบ luxury (หรูหรา)มากยิ่งขึ้นแล้วนะครับ เรียกว่าออกแบบเป็นรถยนต์อนาคตไปกันเลยครับ

เริ่มแรกก็จะเป็นส่วนของหน้าจอรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt 2022 คันนี้ที่ออกแบบให้ตัวควบคุมอุณหภูมิรถนั้นแยกออกจากหน้าจอครับ ไม่ว่าจะเป็นระบบ heat seat (อุ่นเบาะ), เปิดแอร์รถ, หรือไล่ฝ้าก็สามารถสั่งการณ์ผ่านปุ่มกดธรรมดาได้แล้ว

(รุ่นแรกนั้นฝังอยู่ในหน้าจอเลยซึ่งตั้งแต่ผมขับรถคันนี้มา จอแฮงค์ไป 4 รอบแล้ว ผมก็ได้แต่นั่งรอระบบ reboot เพื่อจะได้ปรับแอร์ในรถได้ครับ ปวดใจมากๆ)

ผมคิดว่า เค้าคงมองว่าคนยังชอบระบบ analog กันอยู่บ้างนะครับ ส่วนตัวนั้นผมว่าจะออกแบบยังไงก็ได้นะ แต่ยังแฮงค์บ่อยเป็นพอ

[ประสบการณ์ส่วนตัว] ผมเคยถอยรถแล้วจอถอยหลังมันค้าง ค้างแบบไปไหนไม่ได้เลยครับ ปรับแอร์ก็ไม่ได้, ปิดวิทยุก็ไม่ได้เพราะระบบควบคุมสั่งการนั้นอยู่ที่จอตรงกลางรถหมดเลย กลายเป็นว่าผมขับรถด้วยความเร็ว 60 km/h ต่อชั่วโมงทั้งๆ ที่กล้องมองหลังยังทำงานอยู่และผมก็ปรับแอร์ไม่ได้ด้วย ค้างอยู่ประมาณ 10 นาทีจากนั้นระบบก็ restart ด้วยตัวของมันเอง ถือว่ารอบนี้ Chevrolet คงขจัดปัญหาเรื่องการปรับแอร์จากจอไปได้แล้วครับ

อีกอันนึงที่โดนใจผมมากๆ คือระบบเกียร์รถคันนี้ครับ รุ่นแรกนั้นเป็นคันโยกเหมือนพวกเกียร์ BMW เลย ใช้งานยากมากๆ ในอาทิตย์แรกที่ได้รถมา งงกับการเข้าเกียร์อย่างมาก แต่พอเป็นระบบเกียร์แบบกดอย่างนี้ ผมว่าใช้งานง่ายนะ อยากถอยหลังก็กด R , อยากเดินหน้าก็กด D หรืออยากจอดก็กด P ชิวเลยครับ

รูปภาพ เกียร์ PRND ของ Chevrolet Bolt EV รุ่นแรก

ส่วนการทำงานของเกียร์ Chevrolet Bolt EV นั้นจะมี P = จอด, R = ถอยหลัง, N = เกียร์ว่าง, D = เดินหน้า และ L คือ one pedal หรือระบบเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะที่เวลาเหยียบปุ๊บ รถก็จะเดินไปข้างหน้า แต่ถ้าถอนเท้าออกจากคันเร่งรถก็จะทำการเบรคให้ทันที เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองหลวงอย่างมากครับ

ผมลองใช้ระบบนี้ดูแล้ว แทบไม่ได้แตะเบรคในเมืองเลยครับ ใช้งานง่ายมากๆ เว้นแต่วิ่ง highway อันนี้ไม่แนะนำให้ใช้เพราะเวลายกเท้าออก รถเบรคแบบหน้าทิ่มเลยครับ อันตรายมากๆ สำหรับคนที่ยังไม่ชินกับระบบ one pedal

ส่วน Bolt EV รุ่นใหม่นั้นเปลี่ยนชื่อจากตัว L เป็น เครื่องหมาย S ในรูปแหละครับ

รูปภาพ เกียร์ PRND ของ Chevrolet Bolt EV รุ่นใหม่

การออกแบบปุ่มกดต่างๆ ตรงกลางรถนั้นทำออกมาโดนใจวัยรุ่นมากๆ ครับ สิ่งสำคัญที่แถมมาอีกอย่างคือ USB type C ครับ หรือ quick charge port เหมาะคือที่ชอบชาร์จมือถือในรถ และก็พอร์ท 12 Volt สำหรับต่ออุปกรณ์ใช้ไฟภายในรถครับ

อีกสิ่งนึงที่แถมมาให้คือระบบ wireless charging หรือระบบชาร์จมือถือแบบไร้สายครับ

พวงมาลัยรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EV ตัวใหม่นั้นน่าใช้อย่างมากๆครับ เรียกได้ว่าเอาตัวควบคุมสั่งการณ์รถเกือบทุกอย่างมาไว้ตรงนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบ auto , การตั้งค่า Cruise Control , หรือการตั้งค่าการทิ้งระยะห่างจากรถด้านหน้า, และอีกปุ่มคือ power gauges compressed (ยังไม่แน่ใจว่าปุ่มนี้เอาไว้ทำอะไรนะครับ แต่น่าจะเป็นการสลับเปลี่ยนวิธีดูแบตที่คงเหลือครับ)

Super Cruise Hand free!

นี่เป็นโหมดช่วยเหลือการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EV นะครับ ซึ่งระบบนี้จะเป็นโหมดที่จะช่วย ประคองพวงมาลัยตอนเข้าโค้งให้, เร่งรถ,และเบรคให้

โดยความแตกต่างของ Supercruise ของ GM กับระบบช่วยขับของยี่ห้ออื่นนั้นคือ GM จะมีตัวตรวจจับอีกตัวที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัย โดยเซนเซอร์ตัวนี้จะโฟกัสไปที่หน้าคนขับตลอดเวลาเพื่อตรวจจับว่าคนขับหลับในหรือไม่ได้มองทางหรือป่าว ถ้าคนขับไม่มองทางระบบจะแจ้งเตือนทันที

หมายเหตุ : ระบบ Supercruise นั้นจะมีมาให้กับรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EUV รุ่น Top คือ Premium Trim ทุกคันครับ ถ้าลูกค้าอยากขับรุ่น Top ก็จ่ายเพิ่งเพียง $2,200 หรือ 66,000 บาทก็จะได้ระบบ Supercruise แถมมาพร้อมกับเบาะหนังและฟีเจอร์อื่นๆ ในรถครับ

สิ่งที่แตกต่างระหว่าง Supercruise ใน Chevrolet Bolt EUV กับ Supercruise Enhance ใน Cadillac คือ ของ Cadillac ซึ่งเป็นแบรนด์ Top line ของ Chevrolet นั้นจะมีระบบ lane changing (เปลี่ยนเลน)ให้อัตโนมัติครับ

สรุป

Chevrolet ออกรถยนต์ไฟฟ้ามาทั้งหมด 2 รุ่นคือ Chevrolet Bolt EV กับ Chevrolet Bolt EUV ซึ่งสองรุ่นนี้จะแตกต่างกันที่ขนาดลำตัวรถ โดยเฉพาะที่นั่งแถวหลังจะได้พื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าในรุ่น EUV

ราคาขายทั้งสองรุ่นนั้นอยู่ที่

  • รถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EV เริ่มต้นที่ $31,995 หรือ 960,000 บาท
  • รถยนต์ SUV ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EUV เริ่มต้นที่ $33,995 หรือ 1 ล้านบาท

รถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EUV รุ่น Premium ซึ่งเพิ่มเงินอีก $2,200 หรือ 66,000 บาทก็จะได้ Supercruise มาใช้งาน

รถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่นนี้จะวางขายช่วงฤดูร้อนของอเมริกาหรือเดือนมิถุนายน 2564 นี้ครับ

ที่มา : electrek

BLINK DRIVE TAKE

วันนี้พิมพ์บรรยายเอาไว้เยอะแล้วครับ ยังไงก็ฝากรูปรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt EV รุ่นแรกซึ่งเป็นรถของผมเอาไว้ตรงนี้ด้วยแล้วกันนะครับ

ผมใช้งานมาเกือบ 3 เดือนแล้วไม่งอแงอะไรเลย นอกจากคานหลังมีเสียงเวลาขึ้นทางลาดชันซึ่งตอนนี้ส่งไปซ่อมที่ศูนย์ Chevrolet แถวๆบ้านแล้วครับ แล้วเค้าก็เอารถยนต์น้ำมันมาให้ขับแทน บอกเลยว่าปวดใจมากๆ เพราะเสียเงินค่าน้ำมัน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาไป $40 หรือ 1,200 บาทแล้ว รู้สึกเสียดายเงินมากๆ เนื่องจากตั้งแต่ผมซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้มา ผมยังไม่เคยมีค่าใช้จ่ายเรื่องเชื้อเพลิงเลย (ชาร์จไฟฟรี ที่คอนโดแถวบ้านนะครับ) มาคราวนี้เสียเงินค่าน้ำมันรู้สึกเจ็บใจแต่ก็ต้องอดทนต่อไปครับ

ปล. ผมเอาเงินส่วนต่างที่เคยใช้เติมน้ำมันมาผ่อนรถคันนี้ครับ สรุปว่าจากที่ผมเคยเสียเงินค่าน้ำมันเดือนล่ะ $250 (7,500 บาท)ก็กลายเป็นว่าเอาเงินนั้นมาผ่อนรถเดือนล่ะ $205 (6,150 บาท)เรียกได้ว่าผมมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นเดือนล่ะ $45 หรือ 1,350 บาทครับ

ก็คุ้มดีครับ ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวอะไรด้วยครับ

คิดว่าหลังจากคันนี้ก็คงหันไปเล่น Model 3 แล้วล่ะครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email