Blink Blink
TeslaUSA

Tesla เปิดตัว Model S โฉมใหม่แล้ว, งานนี้ค่ายรถหรูอื่นๆ เหนื่อยแน่นอน

Tesla ปล่อยภาพภายใน Tesla Model S โฉมใหม่ทั้งหมด งานนี้ค่ายรถหรูอื่นๆ เช่น BMW, Benz มีเหนื่อยแน่นอนครับเพราะ Tesla เปลี่ยนโฉมภายในเกือบทั้งหมดและระบบที่ให้มานั้นมาเหนือเมฆเกือบทั้งหมดจริงๆ

เดี๋ยว Blink Drive จะเล่าให้ฟังเป็นจุดๆ นะครับ

หลังคาแก้ว

อย่างแรกก็คือหลังคากระจกแบบ Tesla Model 3 ครับ โดยมารอบนี้ Model S จัดเต็มไม่มีเสาตรงกลางหลังคาให้เกะกะอีกต่อไปครับ

จอตรงกลางรถ

นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ Tesla ตั้งแต่ปี 2012 เลยนะครับ Tesla Model S นั้นถุกผลิตครั้งแรกในปี 2012 และจอตรงกลางนั้นเป็นแบบแนวตั้งมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ Tesla เปลี่ยนจอตรงกลางให้กลายเป็นแนวนอนแบบ Tesla Model 3 และ Model Y แล้วครับ ซึ่งแน่นอนครับว่า Tesla Model X รุ่นเปลี่ยนโฉมก็จะมีจอแนวนอนแบบนี้ด้วยเช่นกัน

ข้อดีของการใช้จอแนวนอนแบบนี้คือดูหนังมันส์มากและง่ายต่อการออกแบบ software ครับ คิดดูว่าถ้าใช้จอแนวนอนและแนวตั้งก็ต้องออกแบบ UI (User Interface) ถึง 2 ครั้งแต่ถ้าใช้จอเหมือนๆกันนั้นก็ออกแบบโปรแกรมการใช้งานครั้งเดียวแล้วใช้งานได้เกือบทุกคันครับ

ส่วนสเปคของจอตรงกลางรถนั้นคือ จอตรงกลางขนาด 17 นิ้ว, ความละเอียด 2200 x 1300 พิกเซล เป็นจอแบบ ultra-bright color ซึ่งการออกแบบจอมาเป็นแนวนอนแบบนี้คือง่ายต่อการดูหนังและเล่นเกมส์โดยเฉพาะเลยครับ

หมายเหตุ : ตอนนี้มีรถคันเดียวในบริษัทที่เป็นจอแนวตั้งนั่นก็คือ Tesla Roadster ที่กำลังจะวางขายปีหน้าครับ

จอสำหรับคนนั่งหลัง

จอตรงกลางแถวหลังขนาด 8 นิ้วเป็น highlight ของ Tesla Model S และ Model X เลยครับ เป็นฟีเจอร์เอาใจคนนั่งหลังแบบสุดๆ ครับ โดย Tesla ให้จอนี้มาเพื่อให้เด็กๆ ที่อยู่ด้านหลังรถเล่นเกมส์หรือดูหนังระหว่างที่คุณพ่อ, คุณแม่กำลังขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนครับ โดยจอนี้จะสามารถใช้งานได้ปกติไม่เหมือนจอด้านหน้าที่จะสามารถดูหนังได้เฉพาะตอนจอดสนิทเท่านั้นครับ

พวงมาลัยตัด

อันนี้ผมบอกตรงๆ ว่าไม่เคยขับรถที่มีพวงมาลัยหน้าตาแบบนี้เลยครับ เลยไม่รู้จะให้ความคิดเห็นว่าดีหรือไม่ดีนะครับ แต่ว่าพวงมาลัยนี้จะเป็นพวงมาลัยชนิดเดียวกันกับ Tesla Roadster ที่จะวางขายปีหน้าครับ

สาเหตุหลักที่ Tesla ทำพวงมาลัยตัดแบบนี้ ก็เพื่อให้คนขับได้มองจอด้านหน้าคนขับขนาด 12.3 นิ้วได้สะดวกขึ้น และอีกสิ่งที่ผมกำลังสงสัยคือ Tesla Model S จะมาพร้อมระบบ autopilot Level 3 หรือ 4 ทั้งหมด(เป็น package ที่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม) ดังนั้นพวงมาลัยนี้มีสิทธิ์จะพับลงไปหรือไม่จำเป็นต้องใส่ใจในการใช้งานก็เป็นได้ครับ

สเปค Model S เฉพาะระบบภายในรถ

ระบบเครื่องเสียงและมีเดียต่างๆ(เกมส์ในรถ)

  • ลำโพง Premium จำนวน 22 ตัวมาพร้อมระบบ active noise cancelling(ระบบขจัดเสียงรบกวนที่อยู่ในลำโพง hi-end ระดับโลกอย่าง Bose เป็นต้น)
  • Bluetooth 5.0 – ระบบเชื่อมต่อมือถือหรือ tablet หลายเครื่องภายในระยะเวลาเดียวกัน (Multi-device music and media bluetooth)
  • จอตรงกลางขนาด 17 นิ้ว, จอฝั่งคนขับขนาด 12.3 นิ้ว, และจอตรงกลางแถวหลังขนาด 8 นิ้ว
  • CPU ประมวลผลแบบใหม่ความเร็ว 10 teraflops สำหรับเล่นเกมส์โดยเฉพาะ
  • ระบบ Wireless รอบคันเพื่อใช้ควบคุมรถจากทางใกล้และทางไกล

ระบบอำนวยความสบายภายในรถ

  • Heat seat(อุ่นเบาะ) – ทุกตำแหน่ง, มาพร้อมระบบอุ่นพวงมาลัยและอุ่นกระจกหน้ารถ (ปล.ระบบนี้ไม่ค่อยจำเป็นกับประเทศไทยเท่าไหร่ แต่สำหรับอเมริกานี่เรียกว่า จำเป็นมากๆ)
  • Ventilated front seating – เบาะระบายอากาศคู่หน้า , เป็นเบาะที่มีพัดลมด้านในเป่าออกมาเพื่อระบายความร้อนของเบาะ เหมาะกับเมืองร้อนอย่างประเทศไทย
  • Tri-zone Airwave – แอร์แบ่งความเย็นได้ออกเป็น 3 โซน(คนขับ, คนนั่งข้าง, คนนั่งหลัง)
  • ระบบกรองอากาศ HEPA filter
  • Custom profile entry-exit – โปรไฟล์รถสำหรับแต่ล่ะบุคคล ส่วนใหญ่รถหรูเช่น porsche จะมีระบบนี้คือ ถ้าคุณพ่อมาขับรถ, ภายในรถจะเปลี่ยนรูปแบบรองรับคุณพ่อ เช่น ตำแหน่งเบาะ, ตำแหน่งกระจกมองข้าง, ตำแหน่งกระจกมองหลัง, ความสว่างของจอรถ, และรูปแบบการขับขี่
  • Ambient lighting – ระบบไฟหรี่ในห้องโดยสาร
  • Tinted glass roof – ติดฟิล์มกระจกด้านบนให้แล้ว(อย่าทะลึ่งไปติดฟิล์มกระจกหลังคาเองนะครับ ถ้าทำแล้วกระจกร้าวเพราะความร้อนสะสม Tesla ไม่เคลมให้ครับ)
  • เคลือบกระจกรอบคันให้เป็นแบบกันแสง UV ทั้งหมด

ระบบอำนวยความสะดวกภายในรถ

  • Front center console – คอนโซลด้านหน้าแบบใหม่มาพร้อมฝาเลื่อนปิด-เปิดสำหรับใส่ที่วางแก้วและเก็บของ
  • Second row stowable – ที่วางแขนด้านลงแบบพับลงมาได้, มีที่เก็บของเพิ่มและระบบ wireless charging เพิ่มมาให้
  • ประตูหลังแบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ
  • พื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลังขนาด 28 ลุกบาศฟุต
  • ระบบชาร์จมือถือไร้สายด้านหน้าและด้านหลังรถ
  • USB Type C Highpower : หน้า 2 port, หลัง 2 port ใช้ชาร์จ macbook pro ได้เลย
  • Phone Key – ใช้มือถือเป็นกุญแจรถแทนกุญแจรถจริงๆ
  • garage door opener – ระบบเปิด-ปิดประตูโรงจอดรถอัตโนมัติ เชื่อมต่อกับ GPS รถ

Premium Connectivity(ระบบเชื่อมต่อระบบ Tesla แบบ Premium ให้ใช้ฟรี 1 ปีเต็มๆ)

  • Live traffic visualization – ดูการจราจรแบบ realtime
  • Satellite-View Maps – แผนที่จากดาวเทียม
  • ดูวิดีโอและ streaming จาก Netflix, Hulu, Youtube, Twitch และอื่นๆ
  • Caraoke – ระบบคาราโอเกะในรถ
  • Music Streaming -ระบบฟังเพลง streaming
  • Internet Browser – ใช้งาน internet ในรถได้
    *New features that become available after delivery may be subject to additional charges. หมายเหตุ : ฟีเจอร์ต่างๆ บางอันต้องจ่ายเพิ่มเองเช่น Netflix, hulu หรือ spotify

ราคา

ตอนนี้เว็บ Tesla ตัดรุ่น Performance ออกไปแล้วนะครับ แต่ให้รุ่นใหม่มาถึง 2 รุ่นคือ Plaid กับ Plaid+

  • Long Range : $79,990 (2.4 ล้านบาท)
  • Plaid : $119,990 (3.6 ล้านบาท)
  • Plaid+ : $139,990 (4.2 ล้านบาท)

อัตราเร่ง 0-100 km/h

  • Long Range : 3.1 วินาที
  • Plaid : 1.99 วินาที
  • Plaid+ : ต่ำกว่า 1.99 วินาที

Range (ระยะทางที่วิ่งได้)

  • Long Range : 659 km
  • Plaid : 624 km
  • Plaid+ : 832 km

Topspeed (ความเร็วสูงสุด)

  • Long Range : 248 km/h
  • Plaid : 320 km/h
  • Plaid+ : 320 km/h
หมายเหตุ : รุ่น Plaid และ Plaid+ จะเป็นรุ่นมอเตอร์ 3 ตัว (Trimotor)

ที่มา : Tesla , electrek

BLINK DRIVE TAKE

ภายนอกของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model S นั้นยังเป็นโฉมเก่าอยู่นะครับ แต่ภายในเปลี่ยนใหม่หมดครับ

สิ่งที่ผมยังไม่คุ้นเคย(และไม่ชอบ)อาจจะเป็นแค่พวงมาลัยรถครับ ที่เหลือนั้นเห็นแล้วเกิดกิเลสอย่างมาก

ส่วนที่ทำให้ผม surprise (ประหลาดใจ)ก็คือจอด้านหลังรถและ plaid+ ครับ ซึ่งไม่มีสำนักข่าวค่ายไหนรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยว่า Elon จะสร้างรุ่น Plaid Plus ขึ้นมา

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email