Xpeng (อ่านว่า เอ็กซ์-เผิง) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดาวรุ่งพุ่งแรงจากจีนได้ยื่นเอกสารบริษัทให้ New York Stock Exchange(ตลาดหุ้นนิวยอร์ค)ในวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมาเพื่อเตรียมเปิด IPO ในประเทศอเมริกา
หุ้น Xpeng
ตามรายงานของ CBNC นั้น SEC หรือ กลต. ของอเมริกานั้นได้แจ้งมาว่า Xpeng Motor เตรียมขายหุ้น Class B ordinary shares ประมาณ 429,846,136 หุ้น แต่ยังไม่มีการยืนยันจำนวนหุ้นที่จะเตรียมขายใน Class A ordinary shares
ทั้งนี้ บริษัท Xpeng เตรียมจดชื่อหุ้นตัวเองลงในสัญลักษณ์ XPEV และบริษัทตั้งเป้าในการระดมทุนครั้งนี้เพียง 100 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 3,000 ล้านบาท หุ้น XPEV นั้นจะเป็นหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าตัวที่ 3 ในตลาดหุ้นของอเมริกา รองลงมาจาก Tesla, และ Nio นะครับ
เดี๋ยวผมขอเอาข้อมูลจากเว็บ hakwamroo มาอธิบายเกี่ยวกับหุ้น Class A และหุ้น Class B ตรงนี้นะครับ ส่วนใครที่ต้องการอ่านข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Xpeng อย่างเดียวข้าม paragraph (ย่อหน้า)นี้ไปได้เลยนะครับ ^^
Dual class stock
Dual class stock คือการออกหุ้นของบริษัทใดบริษัทนึง (และบริษัทเดียว) แต่ออกหุ้นมาหลายแบบ ตัวอย่างเช่น มีการแบ่งเป็น Class A และ Class B โดยสองคลาสนี้อาจจะแตกต่างกันในเรื่องของสิทธิในการออกเสียง (voting rights) และสิทธิในการได้รับเงินปันผล (dividend) เป็นต้น
เมื่อมีการออกหุ้นในหลายๆคลาสแบบนี้ โดยปกติแล้วคลาสนึงก็จะขายให้กับคนทั่วไป แต่อีกคลาสนึงก็มักจะเสนอขายหรือให้กับผู้ก่อตั้ง ผู้บริษัท หรือครอบครัวของคนในบริษัทเอง โดยที่หุ้นที่ออกขายให้กับคนทั่วไปนั้นมักจะมีสิทธิจำกัดหรือไม่มีสิทธิอันใดในการออกเสียง ในขณะที่หุ้นที่ออกให้กับผู้ก่อตั้งหรือผู้บริหารในบริษัทนั้นก็จะมีสิทธิและอำนาจในการออกเสียงและเป็นผู้คุมอำนาจเสียงส่วนใหญ่ในบริษัท (ยังไงก็ยังเป็นบริษัทเขาอ่ะเนาะ)
บริษัทที่เรารู้จักกันดีอย่าง Ford และ Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett นั้นก็มีโครงสร้างการถือหุ้นแบบ dual class เช่นกัน ซึ่งก็จะมอบอำนาจการบริหารและการออกเสียงให้กับผู้ก่อตั้ง ผู้บริหาร และครอบครัวของคนในบริษัทเพื่อควบคุมเสียงส่วนใหญ่ แต่ว่าจะเป็นสัดส่วนการถือหุ้นที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมด (มีสิทธิออกเสียงมาก แต่อาจจะถือหุ้นน้อย) ตัวอย่างเช่นของ Ford ที่ครอบครัวของ Ford นั้นมีสิทธิอำนาจในการออกเสียงถึง 40% แต่ว่ากลับถือหุ้นของบริษัทแค่ 4% เท่านั้นจากหุ้นทั้งหมดของบริษัท ตัวอย่างสุดโต่งอีกอันก็คือ Echostar Communications ที่ CEO อย่าง Charlie Ergen นั้นถือหุ้นบริษัทเพียงแค่ 5% จากหุ้นทั้งหมด แต่มีสิทธิออกเสียงถึง 90% เนื่องจากการถือครองหุ้น Class A นั่นเอง
ที่มา : hakwamroo
สรุปก็คือ การถือหุ้น Class A นั้นจะทำให้ผู้ถือหุ้นมีผลกับการโหวตต่างๆ ภายในบริษัทนะครับ สำหรับใครต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หุ้น Class A และหุ้น Class B ก็สามารถอ่านเพิ่มเติมใน link ด้านล่างนี้นะครับ
โดย CBNC แจ้งว่า หุ้น Class A จำนวน 1 หุ้นนั้นเท่ากับการโหวตจากหุ้น Class B มากถึง 10 หุ้นนะครับ
Alibaba ถือหุ้นบริษัทมากถึง 14 %
Xpeng Motor นั้นได้แบ่งสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างๆ ออกเป็นดังนี้ครับ
- ซีอีโอ He Xiaopeng : 31 %
- อาลีบาบา : 14 %
- IDG : 4 %
- GGV fund : 8 %
โดยทาง Forbes ได้รายงานเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นรายย่อยของ Xpeng ในจีนว่า มี Xiaomi , Aspex, Coatue, Hillhouse Capital, Sequoia Capital China, the Qatar Investment Authority, และ Mubadala, an Abu Dhabi sovereign wealth fund.(สถาบันการเงินจากเมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
พออาลีบาบารู้ว่า Xpeng จะเข้าไปยังตลาดหุ้นของอเมริกานั้น เค้าก็ได้ทำการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปยังบริษัท Xpeng ตัดหน้าราคา IPO ทันทีถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 12,000 ล้านบาททำให้เงินทุนของ Xpeng นั้นสูงขึ้นมากถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 15,000 ล้านบาทภายในเดือนที่แล้ว – CBNC
ที่สำคัญกว่านั้นคือ Xiaomi นั้นเข้ามาถือหุ้นในบริษัทนี้ด้วยนะครับ ส่วนสาเหตุที่ Alibaba มาลงทุนในตัวบริษัท Xpeng Motor ก็เพราะซีอีโอ Xiaopeng(เซี่ยวเผิง)นี่แหละครับ เดี๋ยว Blink Drive จะเล่าให้ฟัง
CEO เซี่ยวเผิง
ซีอีโอ Xiaopeng(เซี่ยวเผิง)นั้นเคยเป็นประธาน Alibaba Mobile Business Group และเจ้าของ UCWeb นะครับ แล้วเค้าทำการลาออกในวัน 22 สิงหาคม 2017 เพื่ออกมาก่อตั้งบริษัท Xpeng Motor ในวันที่ 29 สิงหาคม 2017
Xiaopeng(เซี่ยวเผิง)เริ่มเป็นที่รู้จักกันในวงการอุตสาหกรรมด้านไอที ตอนเค้าเปิดบริษัท UCWeb ในปี 2004 ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการ internet มือถือของประเทศจีน หลังจากนั้นในปี 2014 กลุ่ม Alibaba ก็ได้เข้ามาซื้อกิจการพร้อมเอาตัวซีอีโอไปด้วย ในเดือนมิถุนายน 2014 ทำให้คุณเซี่ยวเผิงดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Alibaba Mobile Business Group และต่อมาก็ดำรงตำแหน่ง Tudou & Ali Games
ถัดมาในปี 2017 นั้น คุณเซี่ยวเผิงได้ทำการก้าวลงจากเก้าอี้(ตำแหน่ง)ทุกตัวในบริษัทอาลีบาบาและทำการเปิดบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Xpeng
สิ่งที่ทำให้อาลีบาบาเชื่อมั่นในบริษัท Xpeng นั้นมาจากตัวซีอีโอล้วนๆเพราะเค้าเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกลคนนึงที่ Jack Ma หมายปองเลยทีเดียวครับ เรียกว่าไม่ปล่อยให้หลุดไปง่ายๆ แน่นอน
(ที่มา : wikipedia)
สำนักงานใหญ่ Xpeng (Headquarter)นั้นตั้งอยู่ในเมืองกวางโจวทางใต้ของประเทศจีนครับ
Xpeng แตกต่างจาก Nio อย่างไร?
Xpeng นั้นแตกต่างจาก Nio อย่างสิ้นเชิงเลยครับเพราะตัว Product ของ Xpeng นั้นทำออกมาตีตลาดคนฐานะปานกลางไปถึงรวยและการพัฒนา product ของเค้านั้นจะลอกเลียนแบบ Tesla มาทั้งดุ้นเลยครับ มีหลายครั้งที่ Tesla ทำการฟ้องร้อง Xpeng ที่ copy ระบบต่างๆ ใน Tesla รวมถึงเอาคนของ Apple และ Tesla ไปทำงานในบริษัทของตนโดยจ่ายค่าตอบแทนให้มากกว่า (ดีสิครับ ได้ทั้งคนไปทำงานและยังได้งานที่คนเหล่านั้นเคยทำมาเป็นของตนเองอีก) แต่สุดท้าย Tesla ก็ทำอะไร Xpeng ไม่ได้เพราะ Xpeng เป็นบริษัทจีนครับ อยู่นอกเหนือกฏหมายของสหรัฐครับ
ส่วน Nio นั้นจะลอกแบบมาจาก Tesla เช่นกัน แต่ไม่ได้เอามาหมดเหมือน Xpeng ครับและ product ของ Nio จะเน้นคนรวยไปเลยครับ ทำให้ยอดขายของ Xpeng แซง Nio หน่อยๆ ทั้งๆ ที่ Xpeng มีรถยนต์ไฟฟ้าขายเพียง 1 รุ่นถ้วนเท่านั้นครับ ในขณะที่ Nio มีมากถึง 2 รุ่นด้วยกัน
ข้อแตกต่างระหว่าง Xpeng และ Nio อย่างที่สอง คือ ราคาขายครับ รถยนต์ไฟฟ้า Nio ES6 นั้นราคาประมาณ 1.5 ล้านบาท (358,000 หยวน) ส่วน Xpeng G3 นั้นอยู่แถว 1 – 1.14 ล้านบาท (227,300- 257,300 หยวน)
Xpeng นั้นได้รับความนิยมพอๆกับ Nio เลยครับ โดยที่ผ่านมานั้น Xpeng มีรถยนต์ขายเพียง 1 รุ่นเท่านั้นคือ Xpeng G3 ซึ่งเลียนแบบ Tesla Model X มาเกือบทั้งหมด(ยกเว้นประตู falcon wing)ครับ ส่วนนี่คือยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Xpeng ครับ
Year | Jan | Feb | Mar | Apr | May | Jun | Jul | Aug | Sep | Oct | Nov | Dec |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2018 | 39 | 9 | 30 | 29 | 77 | 146 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 41 |
2019 | 599 | 600 | 1,256 | 2,200 | 2,704 | 2,237 | 1,515 | 306 | 2,185 | 505 | 1,016 | 1,485 |
2020 | 630 | 0 | 789 | 1,008 | 1,146 | 1,123 |
ส่วนด้านล่างนี้คือยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Nio ครับ โดยยอดขายของ Nio นั้นรวมรุ่น ES6 (รุ่น 5 ที่นั่ง)กับรุ่น ES8 (รุ่น 7 ที่นั่ง)
Year | Jan | Feb | Mar | Apr | May | Jun | Jul | Aug | Sep | Oct | Nov | Dec |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2018 | 206 | 3,349 | 2,692 | |||||||||
2019 | 1,803 | 654 | 1,356 | 1,508 | 1,068 | 1,092 | 1,502 | 2,796 | 2,478 | 2,019 | 15 | 317 |
2020 | 1,598 | 707 | 1,533 | 3,155 | 3,436 | 3,740 | ||||||
Avg = 1,133.67 | Avg = 453.67 | Avg = 963.00 | Avg = 1,554.33 | Avg = 1,501.33 | Avg = 1,610.67 | Avg = 500.67 | Avg = 932.00 | Avg = 826.00 | Avg = 741.67 | Avg = 1,121.33 | Avg = 1,003.00 |
หมายเหตุ : ยอดขาย Nio นั้นรวมกันระหว่าง Nio ES6 กับ ES8 ส่วนยอดขาย Xpeng นั้นมีเพียงรุ่นเดียวถ้วนคือ Xpeng G3
เตรียมวางขาย Xpeng P7 ที่ยุโรปปลายปีนี้
หลังจากที่ Xpeng ประสบความสำเร็จกับการขายรถยนต์ไฟฟ้า Xpeng G3 (ตัวก๊อป Model X) เค้าก็ได้ออกรถยนต์ไฟฟ้า Xpeng P7 มา ถ้าพวกเรามองผ่านนั้นๆมันจะเหมือน Lucid Air หรือ Porsche Taycan
ก็แน่แหละครับเพราะรถคันนี้ได้รับความร่วมมือจากวิศวกรของบริษัท Porsche เกือบทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นตัวถัง, ระบบขับเคลื่อน, และที่สำคัญคือระบบช่วงล่าง(Suspension)ที่เอาวิศวกรของ Porsche มาออกแบบให้เลยครับ
Xpeng P7 นั้นเริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมาในประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้วและทางบริษัทกำลังจะปูทางเพื่อจะเข้าไปขายที่ยุโรปภายในปลายปีนี้อีกด้วย ส่วนราคาขายที่ยุโรปก็จะอยู่ที่ 1.3 ล้านบาทซึ่งจะไปชนกับ Tesla Model 3 ครับ
ส่วนใครอยากศึกษารถยนต์จีนคันนี้ก็สามารถรับชมคลิปด้านล่างนี้จะคุณตาม Bjorn Nyland ได้เลยนะครับ เพราะ Xpeng ได้ส่งรถยนต์ไฟฟ้า Xpeng P7 เข้ายุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เค้าได้ให้กูรูรถยนต์แต่ล่ะประเทศทำการทดสอบรถคันนี้และให้ Feed back กลับไปที่บริษัท Xpeng เพื่อทำการพัฒนาต่อยอดให้ดีกว่าเดิมครับ
สำหรับคนที่อยากเห็นว่า ภายในนั้นหรูหราแค่ไหนก็ลองดูคลิปด้านล่างนี้นะครับ คุณตามได้ทำการโชว์ภายในทุกซอกทุกมุมจริงๆ
BLINK DRIVE TAKE
ปีนี้มันเป็นปีทองของรถยนต์ไฟฟ้าจริงๆครับ อย่างมูลค่าของ Tesla ในตลาดหุ้นนั้นก็นำมูลค่าของ Toyota ไปเรียบร้อยแล้วครับ
ในความเห็นของ Blink Drive , ผมมองบริษัทรถยนต์ต่างๆ เป็นรูปแบบนี้นะครับ
- Tesla คือ Apple
- Nio คือ Xiaomi
- Xpeng คือ Huawei
- ______ คือ Nokia(ไม่ขอกล่าวนะครับ)
ถ้าดูกันจริงๆ นั้นจะเห็นได้ว่า Apple นั้นเอา iphone 3Gs และ iphone 4 บุกตลาดโลกจากนั้นก็ไปเปิดโรงงานผลิตมือถือที่จีน หลังจากนั้นก็โดนพี่จีน copy ไปหมดทุกอย่าง แต่ copy อย่างเดียวก็คงไม่เท่ห์ ก็เลยพัฒนาให้ดีกว่าไปเลย บริษัทที่ทำแบบนั้น คือ บริษัท Xiaomi, และ Huawei ไงครับ
Tesla Model S นั้นเปรียบเสมือน Iphone 3Gs ครับ เพราะช่วงแรกๆ Tesla ต้องการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาแพงเพื่อให้บริษัทอยู่รอดได้ พอบริษัทไปรอดก็ออกรุ่นราคาถูกลงมา(Tesla Model 3) เพื่อถล่มตลาดรถหรูในอเมริกา ซึ่งผมเปรียบ Tesla Model 3 เป็น iphone 4 ของวงการรถยนต์นะครับ
จากนั้น Tesla ก็ไปเปิดโรงงานที่จีน เพราะตัวเองออกมายอมรับว่าผลิตไม่ทันจริงๆ ช่วย copy ไปหน่อยเถอะ ถึงขั้นเปิดสิทธิบัตรให้ copy ฟรีๆ กันไปเลย(แต่สำหรับระบบ software พวก autopilot นั้น Tesla ไม่ให้นะครับ) ตอนนี้ พวกเราเริ่มเห็นเค้าลางกันแล้วใช่ไหมครับว่าใครจะได้เป็น Huawei และ Xiaomi แห่งวงการรถยนต์
ส่วนบริษัทรถยนต์ที่ทำตัวเหมือนโนเกียนั้นผมไม่ขอพูดถึงนะครับ แต่ที่รู้ๆ เราก็เห็นกันอยู่ว่าเทคโนโลยีมันไปต่อไม่ได้ แต่พี่แกก็ยังฝืนเอามาขายคนไทยและชาวโลกครับ คาดว่าปีหน้าเริ่มจะเห็นเค้าลางความพินาศของบริษัทรถยนต์ที่ทำตัวเหมือนโกดักและโนเกียแน่นอนครับ คือรู้ว่าผลิต(รถยนต์ไฟฟ้า)ได้แต่ทำเป็นเตะถ่วงเพื่อขายของเก่าให้นานที่สุด
จริงๆ ปีนี้ก็เริ่มเห็นแล้วนะครับว่า ยอดขายมันไปต่อไม่ได้ แต่ก็ยังฝืนกันอยู่ครับ
รอดูกันนะครับ