สาวฝรั่งคนนี้ชื่อว่า Shelby Church นะครับ ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามาครบ 1 ปีหรือ 16,000 km ครับผม
ผมจะขอสรุปให้อ่านคร่าวๆ นะครับ เชลบี้(ชื่อสาวฝรั่งท่านนี้)บอกว่า ตอนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้มานั้น Application ต่างๆ ในรถนั้นน้อยมากๆ เรียกว่าเหมือนซื้อรถทั่วไป แต่พอนานวันเข้า Tesla ก็ส่ง software update มาให้ update บ่อยๆ รถก็เริ่มจะมี app ให้เล่นมากขึ้นเช่น App วาดรูป, app เล่นเปียโน, และก็มีเกมส์เพิ่มขึ้นเยอะมากๆ โดยเชลบี้ก็ยังเล่นไม่หมดเลย
ตั้งแต่ซื้อมานั้น เธอไม่ได้นำรถคันนี้เข้าศูนย์แม้แต่ครั้งเดียวครับ (ไม่มีของเหลวอะไรให้เปลี่ยนถ่าย) และไม่ต้องบำรุงรักษาอะไรทั้งนั้นครับ
เชลบี้ซื้อระบบ Autopilot มาใช้งานด้วยนะครับ ตอนเค้าซื้อมาใช้ช่วงแรกนั้น ระบบ autopilot หรือช่วยขับนั้นห่วยมากๆ คือ เหมือนระบบ ACC (Adaptive Cruise Control) ในพวกรถญี่ปุ่นแหละครับ ทำได้เพียงขับตามรถคันข้างหน้าหรือชะลอความเร็วตามรถคันข้างหน้า แต่พอนานวันเข้าปรากฏว่ารถสามารถจอดตรงสี่แยกไฟแดงได้เอง, รถยนต์สามารถเข้าโค้งได้เอง, หยุดรถเมื่อถึง Stop Sign(ป้ายหยุดรถ : ที่อเมริกาถ้าเราไปแยกไหนแล้วเจอ stop sign แล้วเราไม่หยุดรถ ก็โดนใบสั่งประมาณ 7,500 บาท($250) ครับ)หรือแม้กระทั่งสามารถตรวจเจอวัตถุรอบรถ เช่น ถังขยะ, กรวยถนน, หรือแม้กระทั่งคนเดินผ่านรถครับ
อีก software update อีกอันที่เค้าชอบมากๆ คือ Sentry Mode ที่พัฒนามาจากแค่กล้องวงจรปิดรอบรถจนกลายมาเป็นการเปิดดูวิดีโอย้อนหลังภายในรถกันทีเดียว (ผมเพิ่งทราบว่า BMW กำลังพัฒนาระบบ Sentry Mode ของตนเองนะครับ เชื่อว่า ปีหน้าระบบนี้จะเป็นมาตราฐานกับรถหรูทุกคันในยุโรปและอเมริกาครับ)
อีกฟังชั่นหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การได้ดู streaming ผ่านจอรถยนต์ระหว่างรอชาร์จแบตหรือรอรับคนขึ้นรถนะครับ เชลบี้บอกว่า ชอบฟังชั่นนี้มากๆ แต่เสียดายที่ Tesla นั้นให้ internet มาใช้ฟรีเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น ส่วนใครอยากใช้งานต่อต้องเสียเงิน $10 หรือ 300 บาทต่อเดือนเพื่อใช้งาน internet ในรถครับ ส่วนเรื่อง software OTA นั้นไม่นับใน internet package ครับ รถสามารถ update ได้ตลอดเวลาแม้กระทั่ง internet package หมดไปแล้ว
ส่วนที่เชลบี้เสียใจกับรถคันนี้คือ เค้าไม่ได้เคลือบสีรถ เพราะไม่ได้คิดว่าจะใช้งานได้คุ้มค่าขนาดนี้ แถมเค้าบอกว่า ไม่คิดจะกลับไปใช้รถยนต์น้ำมันอีกแล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะทำสองอย่างคือ รีบสั่งจองรถคันนี้ตั้งแต่วันที่ Tesla ปล่อยออกมาขายและทำการเคลือบรถทันทีที่รับรถเพื่อให้สีรถอยู่กับเราไปอีกนานนะครับ
เชลบี้ยังบอกอีกว่า ตั้งแต่ได้รถคันนี้มา เธอประหยัดค่าน้ำมันไปเยอะมาก โดยเธอได้วัดการชาร์จไฟ 1 ครั้งจะเสียเงินประมาณ $8.5 หรือ 260 บาทซึ่งจะใช้งานได้ประมาณ 500 km หรือตก 1 km / 55 สตางค์ครับ
BLINK DRIVE TAKE
ผมมองว่า ถ้าราคารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 คันนี้เข้าไทยแค่ 2 ล้านบาท (เอาแค่นี้พอครับ ไม่หวังให้ขายถูกเท่าประเทศอเมริกา) ผมจะยอมกัดฟันซื้อและทะนุทะนอมมันเพราะการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้านั้นมันประหยัดเงินกว่าการใช้งานรถยนต์น้ำมันเป็นอย่างมาก
ส่วนฟีเจอร์ต่างๆ ที่ Tesla แถมมานั้นถือเป็นกำไรในการลงทุนซื้อรถยนต์คันนี้ครับ