ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Lucid Air ได้ปล่อยภาพถ่ายในห้องปฏิบัติการทดสอบระบบแอโร่ไดนามิคของรถยนต์ออกมาให้ชาวโลกได้ชมนะครับ
Lucid Air คันนี้สามารถทำ Cd หรือ drag coefficient (สัมประสิทธิ์ต้านทานการเคลื่อนที่) ได้ต่ำกว่า Tesla Model S อีกนะครับ โดย Tesla Model S รุ่นปัจจุบันนั้นสามารถทำ Cd ได้ 0.24 แต่ Lucid Air กลับทำ Cd หรือ drag coefficient (สัมประสิทธิ์ต้านทานการเคลื่อนที่)เพียง 0.21 เท่านั้นเองครับ
ยิ่งตัวเลขยิ่งน้อยก็แสดงว่าตัวรถลู่ลมได้ดีหรือเรียกว่าต้านลมได้น้อย รถก็จะประหยัดพลังงานมากขึ้นเวลาวิ่งด้วยความเร็วสูงหรือทางไกลนะครับ
Peter Rawlinson (ซีอีโอ Lucid Air) ได้ออกมากล่าวว่า หลักการแอโร่ไดนามิคนั้นเป็นสิ่งที่ Lucid คำนึงมากที่สุดเลยเพราะว่ามันจะสามารถทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้วิ่งได้ไกลกว่าคู่แข่งด้วยความจุแบตที่เท่ากันนะครับ(ยิ่งระบบแอโร่ไดนามิคดีก็จะสามารถลดแรงปะทะของลมได้ดี และผลที่ตามมาก็คือประหยัดพลังงานในการเดินทางมากยิ่งขึ้นครับ)
สำนัก Roadshow ได้เคยเขียนเกี่ยวกับ Lucid Air ว่าสามารถขับได้ไกลถึง 400 ไมล์(640 km)ต่อการชาร์จ 1 ครั้งเลยทีเดียว โดย Lucid จะเน้นเรื่องการประหยัดพลังงานควบคู่กันกับความหรูหราของตัวรถนะครับ
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้า Lucid Air คันนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ(มาพร้อมวันจำหน่ายและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ) อีกครั้ง ณ วันที่ 9 กันยายน 2563 ซึ่ง cnet ได้รายงานว่าราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้จะอยู่แถวๆ 1.8 ล้านบาท($60,000) ไปจนถึง 3 ล้านบาท ($100,000)ครับ
ที่มา : cnet
BLINK DRIVE TAKE
เร็วดีนะครับกับการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Lucid ผมได้ติดตามข่าว Lucid มาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว และต้นปีที่ผ่านมานี้ผมก็ได้ข่าว บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Lucid Motor ได้รับเงิน 3 หมื่นล้านบาทจากซาอุฯ พร้อมลุยสร้างโรงงานและจ้างคนเพิ่ม 745 คนภายในปีนี้ ซึ่งเป็นการยืนยันได้อย่างดีว่า Lucid Motor จะเอาจริงในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าแหละครับ
แถมพี่แกยังส่ง กองทัพรถยนต์ไฟฟ้า Lucid Air รุ่น Beta เตรียมบุกแคลิฟอร์เนีย วิ่งทดสอบเพื่อเตรียมขายปลายปี 2020 นี้ อีก ทำให้ผมมองว่า ค่ายนี้น่ากลัวไม่แพ้ Tesla เลยนะครับ ไม่ต้องห่วงว่าเค้าจะมาแย่งตลาดรถพี่โตแหละครับ เพราะรถที่เค้าทำนั้นเป็นรถหรูดังนั้นตลาดที่เค้าจะลงไปเล่นก็เป็นตลาดรถหรูอย่าง Benz และ BMW กันแหละครับ
คาดว่าปีหน้าค่ายรถยนต์น้ำมันคงต้องรีบปรับตัวกันแล้วล่ะครับ ไม่งั้นคงปวดหัวไม่น้อยที่จะให้รถหรูไฟฟ้าคันล่ะ 2-3 ล้านบาทมาวิ่งเล่นบนถนนยุโรปและอเมริกาครับ
