บริษัท Volkswagen เริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า ID.3 ก่อนกำหนดการส่งมอบจริงๆ ที่จะเริ่มต้นในเดือนกันยายน โดยได้ส่งมอบชุดแรกให้แก่พนักงานในเครือบริษัทเท่านั้นเพื่อให้พวกเค้าเอารถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้ไปทดสอบขับจริงบนท้องถนนและค่อยทำการส่ง Feed Back กลับมาเพื่อปรับปรุงในรุ่นขายจริงซึ่งจะเริ่มขายในอีก 2 เดือนข้างหน้า
หลังจากนี้ไป เราจะให้พนักงานบางส่วนในบริษัทเราขับรถยนต์ Volkswagen ID.3 ในการใช้งานชีวิตประจำวันของพวกเค้าเพื่อทดสอบการใช้งานรถต่างๆ และเราจะเอา Feed Back (ผลตอบรับ)เหล่านั้นกลับมาปรับปรุงรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อวันที่ขายจริง(ในเดือนกันยายน) ลูกค้าที่มาซื้อไปใช้งานจะไม่พบเจอกับปัญหาเหล่านี้ ซึ่งตอนนี้เราได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Volkswagen ID.3 จากโรงงานในเมือง Zwickau มากถึง 150 คันเป็นที่เรียบร้อยแล้วและพนักงานในโรงงาน 3 แห่งในเมือง Saxony จะใช้รถยนต์ไฟฟ้า ID.3 คันนี้ในการเดินทางไปกลับระหว่างบ้าน, ที่ทำงาน, สถานที่ท่องเที่ยว,และสถานที่ต่างๆ เหมือนการใช้งานรถยนต์จริงๆ ซึ่งเราจะมี A.I. เพื่อเก็บค่าข้อมูลการขับขี่ต่างๆ เช่น พฤติกรรมการขับรถในถนนแต่ล่ะเส้นทาง, พื้นผิวถนน, และรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย เพราะเราเชื่อมั่นว่าการที่เราได้ข้อมูลการขับขี่จริงมาก่อนการวางขายรถยนต์นั้นจะทำให้เราสามารถออกแบบและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของเราได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน โดยเราหวังว่าการปล่อยรถชุดแรกให้พนักงานออกไปใช้งานก่อนวันเปิดตัวจริงนั้นเราจะสามารถเก็บข้อมูลบนท้องถนนรวมๆ กันได้มากกว่า 100,000 km ภายในระยะเวลา 2 เดือนนี้อย่างแน่นอน
บริษัท Volkswagen ได้กล่าวเอาไว้ในเว็บ electrek
การส่งมอบล่าช้าเพื่อปัญหาเรื่อง Software
จริงๆ ชาวฝรั่งรู้กันดีว่าที่ Volkswagen ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าได้นั่นก็คือปัญหาด้าน Software ของตัวรถซึ่ง Thomas Ulbrich หนึ่งในผู้บริหารสูงสุด(Board member) ของบริษัท Volkswagen ได้ออกมากล่าวดังนี้
The comprehensive driving profiles in the run-up to the European market launch of the ID.3 are extremely valuable to us and open up further potential for optimization. Added to this is the very personal feedback from our employees. That means our team in Zwickau is not only building the ID.3 to the highest quality standards, it is also actively assisting in the further development of the technology and electric cars.
(แปล) โปรไฟล์การขับขี่รถยนต์ในตลาดรถยนต์ของยุโปรนั้นเป็นข้อมูลอันล้ำค่าที่เราจะนำมาใส่ในรถยนต์ไฟฟ้า ID.3 ของเรา ซึ่งถ้าได้ personal feedback (ข้อมูลการใช้งานจริงจากผู้ใช้งาน) อย่างพนักงานของพวกเรา เราก็จะสามารถพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ID.3 ให้อยู่ในมาตราฐานสูงสุดได้(โดยระบบเหล่านี้คือ เทคโนโลยีต่างๆ บนรถยนต์ไฟฟ้า)
Thomas Ulbrich หนึ่งในผู้บริหารสูงสุด(Board member) ของบริษัท Volkswagen
ผมเห็นด้วยนะครับว่า สิ่งที่ Volkswagen ขาดไปคือ ข้อมูลผู้ใช้งานจริง ซึ่งที่ผ่านมานั้นค่ายรถยนต์น้ำมันไม่เคยเก็บข้อมูลการใช้งานรถยนต์และส่งกลับไปยังศูนย์แม่เหมือนของค่าย Tesla เลย
ผมขอไม่พูดลึกเกี่ยวกับเรื่อง Personal Data feedback นะครับ แต่จะขออธิบายสั้นๆว่า การใช้งานรถยนต์ในแต่ล่ะวันนั้นจะมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหลายจุด เช่น การเบรคก่อนถึงไฟแดง, การขับด้วยความเร็ว 50- 60 km/h บนถนนแถวบ้าน, หรือการเร่งความเร็วเพื่อจะขึ้นถนน highway เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีค่ามากกว่าทองคำอีกครับ เพราะบริษัทผลิตรถยนต์จะนำข้อมูลเหล่านี้มาใส่ใน software และ upgrade มันลงไปบนตัวรถทุกคันในทุกคืนระหว่างที่รถทำการเสียบชาร์จไฟในบ้าน พอตื่นเช้ามารถยนต์ไฟฟ้าของเราจะฉลาดขึ้นกว่าเมื่อวาน โดยถ้าขับไปถนนเส้นเดิมที่มีหลุมอีก รถจะทำการชะลอให้หรือปรับโช๊คให้แข็งขึ้นก่อนจะวิ่งผ่านหลุมครับ(Tesla Model S ทำฟังชั่นนี้ได้)
อารมณ์เหมือน Machine Learning ครับ ที่จะเรียนรู้จากความล้มเหลวและจะเก่งขึ้นทุกครั้งที่เรากลับไปใช้งานมันครับ
ที่มา : electrek
BLINK DRIVE TAKE
รถยนต์ไฟฟ้านั้นทำงานสลับซับซ้อนก็แค่ระบบ auto-pilot (ระบบช่วยขับ)เท่านั้นครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องการขับเคลื่อนไปข้างหน้ายังไงก็ทำงาน simple(เรียบง่าย)กว่ารถยนต์น้ำมันเป็น 100 เท่าครับ แค่อะไหล่ก็เห็นแล้วว่าทำงานต่างกันแค่ไหน
ปล. รถยนต์น้ำมันมีอะไหล่มากกว่า 3,000 ชิ้นให้ซ่อมเล่น แต่รถยนต์ไฟฟ้ามีอะไหล่เพียง 80 ชิ้นเท่านั้น
สิ่งที่ Volkswagen ขาดแต่ Tesla มีก็คือข้อมูล Personal Data Feedback ที่ Tesla ได้ทำการเก็บมาตั้งแต่วางขาย Tesla Model S และ Model X นะครับ พอมาขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 เค้าก็แค่เอาข้อมูล Feedback จากรุ่น Model X , Model S มาใส่ใน Model 3 ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ถึงพบข้อบกพร่องน้อยกว่ารุ่นพี่ของเค้าครับ
ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ปีนี้เป็นปีที่เปลี่ยนถ่ายอย่างรุนแรงมากๆ ตั้งแต่พวกคุณเกิดมากัน เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์ในต่างประเทศเหมือนปีนี้ไหมครับ? เช่น
มูลค่าของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลก
ค่ายรถยนต์น้ำมันต่างๆ บนโลกหันไปขายรถยนต์ไฟฟ้า
จริงๆ ผมยังมีข่าวเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าอีกมากมายให้ติดตามกันนะครับ ยังไงถ้าใครอยากไปเที่ยวอาณาจักรรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศก็สามารถกดติดตามผมได้ที่ BLINK DRIVE FACEBOOK เลยนะครับ