มีหลายคนถามผมมาเกี่ยวกับ Battery Day น่ะครับว่าเมื่อไหร่ Tesla จะประกาศซักที
มาวันนี้ CATL หรือย่อมาจาก Contemporary Amperex Technology Co Ltd ซึ่งเป็น supplier(ซัพพายเออร์)ของ Tesla ที่ประเทศจีนได้ทำการวิจัยแบตเตอรี่รุ่นใหม่เสร็จแล้วและได้รับการยืนยันมาแล้วว่าจะนำไปใส่ Tesla Model 3 รุ่นผลิตจีนตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป
Tesla Model 3 รุ่นผลิตจีนจะได้ใช้แบตรุ่นใหม่ก่อนใครบนโลก
รู้อยู่แล้วว่า หลังๆ มานี้ R&D ของประเทศจีนไม่แพ้ชาติใดบนโลกเลย ขอแค่ know how เล็กๆ จากต่างประเทศที่เหลือพี่จีนแก copy ไปและทำให้ดีกว่าหมดได้เลยครับ
CATL ประกาศแล้วว่า พร้อมผลิตแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีความทนทานในการใช้งานได้มากถึง 2 ล้านกิโลเมตรหรือ 16 ปีต่อแบตเตอรี่รถยนต์ 1 แพ๊คและโรงงาน Gigafactory 3 ที่ตั้งอยู่เมืองเซี่ยงไฮ้, ประเทศจีนนั้นจะได้รับแบตรุ่นนี้ไปใช้ก่อนใครเพื่อนครับ
โปรเจคลับ Roadrunner
อ้างอิงจากข้อมูลฝั่งอเมริกาจากเว็บ electrek นั้น Tesla นั้นแอบซุ่มทำโปรเจคลับสุดยอดอยู่นั่นก็คือ Roadrunner ซึ่งวางแผนจะผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ในราคาที่ถูกกว่า $100 ต่อ 1 kWh (ณ ปัจจุบันราคาแบตอยู่แถวๆ $200 ต่อ 1 kWh น่ะครับ
หมายเหตุ : ราคาปัจจุบัน 6,000 บาท/kWh, ราคาเป้าหมายของโปรเจค Roadrunner อยู่ที่ 3,000 บาทต่อ 1 kWh
ลองคิดเล่นๆน่ะครับว่ารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 คันนึงมีแบต 75 kWh หรือคิดเป็นเงิน 450,000 บาทครับ แต่ถ้าโปรเจค Roadrunner สำเร็จแบต 75 kWh จะเหลือเพียง 225,000 บาทเองครับ
ไม่เพียงทำให้ราคาแบตถูกลงเท่านั้น แต่พวกเค้าวางแผนให้แบตมีน้ำหนักที่เบาลงอีกด้วยครับ โดยปัจจุบันนั้นแบตเตอรี่ lithium-ion น้ำหนัก 1 กิโลกรัมจะมีค่าประจุอยู่แถวๆ 300 Wh ต่อกิโลกรัม ลองคิดดูว่าถ้าโปรเจค Roadrunner สำเร็จ แบตเตอรี่จะมีค่าประจุอยู่ที่ 500 Wh ต่อกิโลกรัม
พูดไปแล้วทุกท่านยังไม่เห็นภาพใช่ไหมครับ เอางี้ครับผมจะอธิบายให้ฟัง
แล้วมันต่างกันยังไง?
- ในขณะที่แบตของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 นั้นมีความจุอยู่ที่ 250 Wh(Watt hour) ต่อกิโลกรัม ที่มา : แบต tesla model 3
- แบต Hybrid (ชนิด Ni-MH)บ้านเรามีความจุอยู่ที่ 90 Wh ต่อกิโลกรัม ที่มาแบต hybrid ของ toyota prius
- แบตกรดบ้านเราก็อยู่แถวๆ 35-40 Wh/kg ที่มา แบตกรด
- แบตจาก โปรเจค Roadrunner อยู่แถว 400 – 500 Wh/kg
ลองคิดกันเล่นๆ นะครับว่า ถ้าต้องการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความจุแบตเดียวกันกับ Tesla Model 3 รุ่น long range คือ 75 kWh(ที่มา : tesla wiki) นั้น แบต Ni-MH อย่างเดียวต้องมีน้ำหนักมากกว่า 833 kg ส่วนแบตกรด(lead-acid) นั้นจะต้องใช้แบตหนักถึง 1,875 กิโลกรัม และแบต lithium-ion ใน Tesla Model 3 รุ่น 75 kWh หรือ long range นั้นจะหนักอยู่ที่ 478 kg
แต่ถ้า Tesla ทำโปรเจค Roadrunner สำเร็จ แบตของรถจะลดลงเหลือ 150 kg หรือเกือบเท่าตัวนะครับ แบบนี้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตนั้นจะมีน้ำหนักเบาพอๆกับรถยนต์น้ำมันแน่นอน
ถ้าจะต้องการสร้างแบตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 แล้ว จะต้องใช้แบตตามน้ำหนักดังนี้ครับ
- แบตกรด (Lead-acid) : 1,875 กิโลกรัม
- แบตเตอรี่นิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์ (Ni-MH) : 833 กิโลกรัม
- แบตลิเธียม ไอออน (Lithium-ion ) : 478 กิโลกรัม
- แบต จาก โปรเจค Roadrunner : 150 กิโลกรัม
ถ้าเราสามารถลดน้ำหนักแบตลงได้ สิ่งที่เราทำได้ก็คือใส่แบตเพิ่มยังไงล่ะครับ จะเป็นอย่างไรครับถ้า Tesla Model 3 มีแบต 200 kWh แต่น้ำหนักเท่ากับตัวปี 2019 ที่มีแบต 75 kWh ครับ? ต่อให้ราคาแพงกว่าแค่ 100,000 บาท ผมก็มองว่าขายดีกว่ารถยนต์น้ำมันแน่นอนครับ
คำพูดจากซีอีโอ CATL กับซีอีโอ Tesla
Contemporary Amperex Technology Co Ltd (CATL) นั้นมีความพร้อมในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้ถึง 16 ปีหรือ 2 ล้านกิโลเมตร และเราพร้อมที่จะส่งมอบแบตเตอรี่ให้แก่โรงงานผลิตรถยนต์ต่างๆ ในจีนแล้ว
ผมได้คุยกับอีลอน มัคส์เกี่ยวกับเรื่องแบตเตอรี่ 2 ล้าน km แล้ว , ผมว่าเค้าเป็นกันเองกับผมมากๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่เค้าเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องต้นทุนการผลิต ซึ่งบริษัท CATL กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะลดต้นทุนการผลิตลงไปให้เยอะกว่าเดิม
ท่านประธาน Zeng Yuqun ได้กล่าวเอาไว้ที่ Headquarter ของบริษัท ณ เมือง Ningde มณฑล ฟู๋เจี้ยน
ที่มา : electrek
BLINK DRIVE TAKE
ตอนผมเริ่มทำเพจรถยนต์ไฟฟ้านั้น ผมโดนคำพูดเหน็บแนมบ่อยมากๆ เกี่ยวกับแบตเสื่อมๆ ผมก็พยายามบอกว่าแบต Tesla นั้นวิ่งได้ถึง 500,000 km ก่อนจะเสื่อมแต่ทุกคนก็พยายามมาพูดกับผมว่าค่าเปลี่ยนแบตมันแพงน่ะ
ผมยอมรับว่าจริงครับมันแพงแต่แบตมันไม่ได้เสื่อมทุก module พร้อมๆ กันครับ แบตรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla Model 3 นั้นแบ่งออกเป็น 4 modules ซึ่งจะมีโมดูลใหญ่ 2 ก้อนและโมดูลเล็ก 2 ก้อน(อย่างภาพด้านล่างนี้)
โดยโมดูลใหญ่จะมีราคาโมดูลล่ะ $7,000 หรือ 210,000 บาท และโมดูลเล็กจะมีราคาประมาณ $4,000 หรือ 120,000 บาท โดยพอครบ 500,000 km แล้วศูนย์จะทำการเปลี่ยนแค่ 1 โมดูลเท่านั้นครับ
ที่มา : Evannex
จริงๆ ถ้าเราศึกษารถยนต์ไฟฟ้ากันแบบจริงจังเหมือนฝรั่ง เราจะรู้เลยว่า ค่าซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้านั้นถูกกว่ารถยนต์น้ำมันอย่างมากน่ะครับ
มารอบนี้ CATL ซึ่งเป็น supplier ของ Tesla บอกเองว่าสามารถสร้างแบตที่มีอายุการใช้งานมากกว่าแบต Tesla ปัจจุบันถึง 4 เท่า(2,000,000 km) หรือ 16 ปี ดังนั้นผมมองว่าการที่บอกว่า ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วแบตเสื่อมนั้นคือข้ออ้างของบริษัทบางบริษัทที่พยายาม buff รถยนต์ไฟฟ้าโดยไม่มีหลักฐานมาโชว์กันเลยว่า Tesla คันไหนที่วิ่งแล้วต้องเปลี่ยนแบตกันบ้าง
เพราะที่ผ่านมา ผู้ใช้งาน Tesla Model 3 นั้นยังไม่เคยบ่นเรื่องแบตเสียกันเลย ทั้งๆ ที่พวกเค้าใช้รถกันไปถึง 160,000 km กันแล้วครับ
ผมอยากให้โพสนี้เปิดโลกทัศน์คนไทยอีกหลายคนที่มองเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าน่ะครับ ถ้าเป็นรถยนต์น้ำมัน hybrid ผมฟันธงและมั่นใจเลยว่า แบตกาก และเสียง่ายแน่นอน ผมกล้าฟันธงเลยว่าไม่มี hybrid คันไหนสามารถวิ่งโดยใช้แบตเดิมเกิน 200,000 km โดยไม่ต้องเข้าศูนย์เพื่อซ่อมครับ แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ผมกล้าการันตีเลยว่า เราสามารถใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า Tesla มากกว่า 400,000 km โดยศูนย์หรือผู้ใช้งานไม่ต้องไปแตะแบตเตอรี่เลย
ปล. พวกรถยนต์ไฟฟ้าก่อน Model 3 หลายรุ่นนั้นใช้แบตที่ไม่มี TMS (Thermal Management System) กันน่ะครับ ดังนั้นแบตเหล่านี้เปราะบางกว่า Tesla ครับ แต่ผมมั่นใจว่าดีกว่า Hybrid แน่นอน