รัฐโอคลาโฮมาเป็นรัฐผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติและ น้ำมันปิโตรเลียมรายใหญ่ของอเมริกานะครับ ที่่ผ่านมานั้นกำลังผลิตของรัฐนี้ถือว่าเป็นรองรัฐ Texas เท่านั้นเองครับ
มาปีนี้ผู้ว่าการรัฐเปลี่ยนนโยบายหลายอย่างเพื่อเอื้ออำนวยให้แก่ธุรกิจรถยนต์รถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีอากรต่างๆ เพื่อเชื้อเชิญนักลงทุนอย่าง Tesla มาเปิดโรงงานในรัฐ หรือจะเป็นการไล่ติดตั้งสถานีชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าทั่วรัฐเพื่อเตรียมพร้อมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าภายใน 1-2 ปีนี้ทั่วประเทศอเมริกา
รัฐโอคลาโฮมา
รัฐโอคลาโฮมา (อังกฤษ: Oklahoma, เสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˌoʊkləˈhoʊmə/[2]โอวเคฺลอะโฮ้วเม่อะ) เป็นรัฐหนึ่งใน 50 รัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา มีประชากรประมาณ 3.64 ล้านคนในปี พ.ศ. 2551 มีพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 177,847 ตารางกิโลเมตร (68,667 ตารางไมล์) [3] ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 28 ของประเทศ และมีพื้นที่เป็นอันดับ 20 ของประเทศ ชื่อของรัฐนี้มาจากภาษาชอคทอว์ คือ okla และ humma มีความหมายว่า Red People หรือ ชาวอเมริกันอินเดียน (อินเดียนแดง) [4] และมีชื่อเล่นที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ The Sooner State การก่อตั้งมาจากภูมิภาคอินเดียน ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) เป็นเป็นรัฐก่อตั้งลำดับที่ 46 ของประเทศสหรัฐ ประชาชนที่อาศัยในรัฐเรียกว่า ชาวโอคลาโฮมัน (Oklahomans) มีเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐคือ เมืองโอคลาโฮมาซิตี
รัฐโอคลาโฮมาเป็นรัฐผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมและอาหารรายใหญ่ มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในเรื่องการบิน พลังงาน โทรคมนาคมและเทคโนโลยีชีวภาพ[5] โอคลาโฮมาเป็นรัฐหนึ่งในประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยระหว่างปี ค.ศ. 2005 ถึง 2006 เป็นรัฐที่มีการเจริญเติบโตของรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 และมีอัตราเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสูงที่สุด [6][7] มีเมืองโอคลาโฮมาซิตีและทัลซาเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของรัฐ เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งรัฐอาศัยอยู่ในเขตสองเมืองนี้[8] รัฐโอคลาโฮมามีแนวภูเขาขนาดเล็ก ทุ่งหญ้าแพร์รี่ และป่าไม้ทางตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐอยู่ในเกรตเพลนส์ (ที่ราบอันกว้างใหญ่) ซึ่งมักจะเกิดสภาพอากาศแปรปรวนอยู่เสมอ[9]
ที่มา : wikipedia
รัฐโอกลาโฮมามีพื้นที่ประมาณ 177,847 ตารางกิโลเมตรหรือเล็กกว่าประเทศไทยเพียง 4 เท่าเท่านั้น หรือใหญ่กว่าภาคอีสาน(พื้นที่ 160,000 ตารางกิโลเมตร)เราหน่อยๆ นะครับ
ติดตั้งสถานีชาร์จไฟทุก ๆ 80 km (50 ไมล์)
รัฐโอกลาโฮมาจับมือกับบริษัทเอกชนFrancis Energy เพื่อติดตั้งสถานีชาร์จไฟเร็ว (DC charging station, Supercharger station) ทั่วรัฐโอกลาโฮมาซึ่งตอนนี้ได้ติดตั้งไป 225 แท่นชาร์จในบริเวณ 191 แห่งทั่วรัฐ
ณ ปัจจุบันนี้รัฐโอคลาโฮมานั้นครองแชมป์อันดับ 3 ของประเทศในตำแหน่งรัฐที่มีสถานีชาร์จไฟด่วน(supercharger station) เยอะที่สุดในประเทศครับ
สถานีชาร์จไฟเร็ว Supercharger Station นี้จะรองรับได้ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า Tesla, รถกระบะไฟฟ้า Ford F-150, และรถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อในอเมริกาครับ
เค้ามองว่าถ้ารัฐมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเยอะๆ ก็จะเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นครับ แถมสถานีชาร์จไฟที่อเมริกาทุกแห่งนั้นรัฐสนับสนุนเต็มที่ไม่เพียงไม่เก็บค่า demand charge เท่านั้นแต่ยังลดภาษีรายได้ให้อีกด้วยครับ เรียกว่ามีแต่วินกับวินครับ
รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกลงเรื่อยๆ
คุณ Jankowsky ซีอีโอบริษัท Francis Energy ได้กล่าวว่า “หัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ซึ่งมีราคามากกว่า 80 % ของราคารถเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมาและเมื่อปีที่แล้วราคาแบตนั้นเหลือเพียง 20 % ของราคารถเท่านั้น ผมเชื่อว่าส่วนต่างราคาแบตนั้นจะถูกลงเรื่อยๆ ภายใน 2-3 ปีนี้เพราะเทคโนโลยีการสร้างแบตนั้นพัฒนาไปอย่างมาก ดังนั้นราคารถยนต์ไฟฟ้าภายใน 2-3 ปีนี้จะอยู่เพียงแค่ 30,000 – 45,000 เหรียญสหรัฐหรือ 900,000 – 1.3 ล้านบาทเท่านั้น และรถทุกคันจะวิ่งได้ 300 ไมล์ หรือ 480 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้งอย่างแน่นอน
Tesla มาเมืองเทาซ่าแน่นอน
อย่างที่รู้ๆ กันคือตอนนี้ทางรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐโอกาโฮม่าได้ทำการทาสีโลโก้ Tesla ที่จุด landmark(แปล -สถานที่ที่เป็น สัญญลักษณ์ ประจำพื้นที่หรือเมืองหนึ่งๆ) ของรัฐตัวเอง ซึ่งหุ่นตัวนี้คือตัวแทนของ oil worker (คนงานขุดเจาะน้ำมัน)
ซึ่งนั่นก็แปลว่ารัฐโอกาโฮม่าเตรียมต้อนรับเทคโนโลยีพลังงานสะอาด(Green energy) แทนที่เทคโนโลยีทำลายโลกอย่างการขุดน้ำมันนะครับ
ดูเหมือน Tesla ก็สนใจรัฐโอคลาโฮมาไม่น้อยเพราะว่ารัฐนี้ไม่เพียงลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 0 % ให้แก่ Tesla เท่านั้น ยังบอกว่าจะให้ Incentive (เงินสนับสนุน)ก้อนโตเพิ่มอีกถ้า Tesla เลือกที่จะมาลงทุนในรัฐนี้
เรียกได้ว่า Tesla มีแต่ได้กับได้ครับ
รัฐมองว่าถ้าค่ายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla มาเปิดโรงงานผลิตรถกระบะไฟฟ้าในเมืองนี้แล้ว รัฐมีแต่ได้กับได้เช่นกันครับ
ได้อย่างแรกคือ ระยะสั้น : Tesla จ้างงานคนในชุมชน ดังนั้นรัฐก็ไม่ต้องกลัวเรื่องคนตกงาน
ได้อย่างที่สอง ระยะยาว : คู่แข่งของ Tesla ที่ต้องการ knowhow หรือทีมผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็ต้องมาเปิดในเมืองนี้เพื่อดึงคนไปทำงานบริษัทพวกเค้า
สุดท้ายแล้ว รัฐโอกลาโฮมาจะกลายเป็นรัฐที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเยอะที่สุดในอเมริกาครับ เค้ามองว่ารถยนต์น้ำมันนั้นสุดทางแล้วจริงๆ ไปต่อไม่ได้ (ยอดขายมาได้เพียงเท่านี้ จะสูงกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว) ทำให้เค้ารีบดึงคนเก่งมาทำงานในเมืองแหละครับ
ที่มา : tulsaworld
BLINK DRIVE TAKE
น่าสงสารที่ประเทศไทยนั้นไม่ได้สนับสนุนการเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนต่างประเทศนะครับ ไม่งั้นเราได้เห็นสถานีชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าเต็มประเทศเหมือนรัฐโอกลาโฮมาแล้วครับ
สถานีชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้นต้องจ่ายค่าหม้อแปลงหรือเรียกว่า demand charge ให้แก่รัฐเดือนล่ะ 21,000 บาทแหละครับ ดังนั้นถ้าไม่มีใครใช้บริการก็ต้องจ่ายฟรีๆ ทุกเดือนครับ เว้นแต่ว่าเปิดให้ใช้งานชาร์จฟรีไม่เก็บเงินค่าบริการ
ทำแบบนี้ผู้ประกอบการที่มาลงทุนสถานีชาร์จไฟก็เหนื่อยหน่อยแหละครับ เพราะเหมือนเปิดเพื่อการกุศลมากกว่าเชิงพาณิชย์ครับ