Blink Blink
BMWEV Cars

ยกเลิกการผลิต BMW i8 ภายในเดือนนี้ (เมษา 63) พร้อมลุยสร้างรถยนต์ไฟฟ้า BMW i4 มาขายแข่ง Tesla Model 3 ภายในกลางปีหน้าแทน(2021)

ประวัติ BMW i8 คร่าวๆ

BMW i8 เปิดตัวครั้งแรก ณ ปี 2009 ในงาน 2009 Frankfurt motor และได้วางขายในปี 2014 พร้อมกับ BMW i3 (รถยนต์ไฟฟ้าล้วน 100%) โดย BMW i8 นั้นเป็น Plug-in Hybrid ที่แรงที่สุดในท้องตลาดในสมัยนั้น

ปัจจุบัน i8 ของ BMW ก็จำหน่ายไปกว่า 20,000 คันทั่วโลก ถือเป็นรถสปอร์ตแบบ Plug-in Hybrid ที่จำหน่ายได้มากที่สุดในโลกและเป็นรถยนต์ที่ทำให้ BMW เดินหน้าทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามภาพตลาดที่เปลี่ยนไป และมีรถสปอร์ตแบบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนมากขึ้น ก็ไม่แปลกที่ i8 จะค่อยๆ หายไปจากตัวเลือกของผู้ซื้อที่อยากได้รถแรงๆ แต่ประหยัดน้ำมัน และปล่อยมลพิษน้อย จนที่สุดแล้ว BMW ก็เลือกที่จะปิดไลน์ผลิตรถสปอร์ต Plug-in Hybrid รุ่น i8

ที่มา brand inside

หยุดผลิตในเดือนนี้(เมษายน 2563)

BMW เตรียมแผนการณ์หยุดผลิตรถยนต์ Plug-in Hybrid รุ่น i8 คันนี้มานานมากแล้วครับ(ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563) โดยตั้งเป้าว่าจะโฟกัสไปที่รถยนต์ไฟฟ้าเพียงแต่อย่างเดียว

หลังจากที่มีแผนการณ์หยุดผลิตรถยนต์น้ำมัน plug-in hybrid ออกมาแล้ว BMW ก็ได้ยืนยันแผนการณ์ electrified สั้นๆว่า จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่มากกว่า 25 รุ่นภายในปี 2023 นี้

รถยนต์ไฟฟ้า 25 รุ่นภายในปี 2023

โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ BMW จะเริ่มผลิตเพื่อวางขายนั้นก็คือ BMW iNext เป็นรถ SUV ไฟฟ้าเตรียมวางขายกลางปีหน้า(2021)

ส่วนอีกคันที่ BMW บอกว่าจะสร้างให้เป็น Tesla Model 3 killer ก็คือ BMW i4 ที่จะมาทดแทนไลน์ผลิตของ BMW i8 ในปัจจุบัน

แถม BMW ยังจะส่งรถ SUV ไฟฟ้า iX3 ซึ่งจะมาแทนไลน์ผลิต BMW X3 เร็วๆ นี้เข้าขายในอเมริกาปีหน้าอีกด้วยครับ

หมายเหตุ : BMW i4 และ iNext นั้นมี range (ระยะทางที่วิ่งได้)อยู่ที่ 370 ไมล์(592 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ส่วน BMW iX3 นั้นมี Range เพียง 436 km (273 ไมล์)เพียงเท่านั้น

ที่มา : autonews

BLINK DRIVE TAKE

ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับที่ BMW นั้นตัดสินใจไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าถึง 25 รุ่นภายในปี 2023 แทนที่จะเสียเวลาไปพัฒนาเครื่องยนต์สันดาบต่อครับ

เพราะ regulation (กฏข้อบังคับ)ของ EU นั้นบีบเข้ามาในทุกๆ วันให้รถยนต์ต่างๆ นั้นปล่อยมลพิษในปริมาณที่น้อยลงไปเรื่อยๆ

เหมือนตอนนี้ BMW มาถึงจุดที่ต้องเลือกเดินเลยครับ ถ้าอยากขายรถในยุโรปและจีนต่อก็ต้องทำตามกฏข้อบังคับและดูเหมือนว่ากฏเหล่านี้จะเข้มขึ้นในทุกๆ ปี ดังนั้นถ้าเปลี่ยนไปขายรถยนต์ไฟฟ้าก่อนเลยก็จะได้เปรียบครับเพราะว่าไม่ต้องสร้างไส้กรองไอเสียรุ่นใหม่ๆ เพื่อให้เปลืองทั้งเงินและเวลาในการพัฒนาครับ

ยินดีกับ BMW ด้วยครับที่ได้ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการตัดสินใจก้าวข้ามความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ครับ

แล้วพวกเราล่ะ? ยังจะกล้าซื้อรถยนต์น้ำมันมาใช้ในวันที่ฝั่งยุโรป, จีน, อินเดีย, อเมริกา, และแคนาดาเอาจริงกันแบบนี้อีกหรอครับ?

STAY TUNE, STAY WITH BLINK DRIVE

Follow by Email