BMW Series 7 ทุกรุ่นจะใช้โครงสร้างเหมือนๆกันทั้งหมดคือ มีมอเตอร์กับแบตมาให้ทุกรุ่น ส่วนตัว Top นั้นจะเป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนอย่างแน่นอน
Oliver Zipse(ประธานผู้บริหารบริษัท BMW)
ข่าวนี้เรียกเสียงฮือฮาแก่วงการรถยนต์เยอรมันเป็นอย่างมาก เพราะ BMW Series 7 นั้นถือว่าเป็น product(ผลิตภัณฑ์)เรือธงของบริษัท BMW เลย แถมยังเป็นสินค้ายอดฮิตในบริษัทอีกด้วย การที่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์จากเครื่องยนต์ 6.6 ลิตร V12 ไปเป็นไฟฟ้าล้วนๆ แบบนี้แล้ว ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่หักดิบพอสมควรเพราะเครื่องยนต์เหล่านี้นั้นใช้เงินและเวลาอันมากมายมหาศาลในการพัฒนา จู่ๆ BMW หันไปหาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า อย่าง PHEV(Plug-in Hybrid) และ BEV(ไฟฟ้าล้วน 100%) แบบนี้แล้ว ถือว่าเด็ดเดี่ยวมากๆเลยครับ
โดย BMW ตั้งใจปล่อย series 7 ตัวใหม่นี้ภายในปี 2022 นี้อีกด้วย แถมยังบอกอีกว่ารถยนต์รุ่น Series 7 ทุกรุ่นจะไม่มีเครื่องยนต์เบนซินเพียวๆ ให้เลือกซื้ออีกแล้ว เพราะทุกรุ่นนั้นจะมีแบตและมอเตอร์แถมมาให้ หรือแปลอีกอย่างว่า BMW หันไปพัฒนาระบบไฟฟ้าเต็มกำลังแล้วครับ
นอกจากนี้ BMW ยังแง้มบอกอีกว่า ภายในปี 2021 นั้น บริษัทจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 1/4 ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมดออกมาขายในตลาด และจะเพิ่มไปเป็นหนึ่งในสามภายในปี 2025, และภายในปี 2030 นั้น BMW จะมีสัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50% (ครึ่งนึง)อย่างแน่นอนครับ
ที่มา : autocaruk
BMW Series 7 ไฟฟ้ามี 2 รุ่น
อ้างอิงจาก Carscoops โดยพวกเค้าได้ข่าววงในมาว่า “BMW series 7 รุ่นไฟฟ้านั้นจะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นหลักๆ ดังนี้
- BMW รุ่น i7
- ความแรง : 400–550 แรงม้า
- แบตเตอรี่ : 80–100 kWh
- ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง : 600 km
- BMW i7S (i7 M)
- ความแรง : 650-670 แรงม้า หรือมากกว่านั้น
- แบตเตอรี่ : 120 kWh
- ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง : 600 km
ที่มา : engnews24h
BLINK DRIVE TAKE
ตอนนี้ข่าวการระบาดเรื่อง Covid-19 ในต่างประเทศนั้นดังมากๆ นะครับ โดย BMW ออกมายอมรับว่า จะทำการปิดโรงงานผลิตในทวีปยุโรปและแอฟริกาใต้ภายในอาทิตย์นี้ครับ และจะหยุดการผลิตออกไปถึงวันที่ 19 เมษายนนี้อีกด้วย (คาดการณ์ว่า มีโอกาสที่จะยืดเวลาการปิดโรงงานยาวไปอีกนะครับ)
วันนี้(20/3/20) เป็นวันที่อเมริกามีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 มากถึง 18,000 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ(เพิ่มจากเมื่อวาน 6,000 คนภายใน 1 วัน) ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้ผมแนะนำให้อยู่แต่ในบ้านนะครับ
ส่วนเรื่องซื้อรถใหม่นั้นลืมไปก่อนเถอะครับ น้ำมันก็ลง และราคารถยนต์ก็กำลังจะลงเช่นกันเพราะเศษรฐกิจทั้งโลกพังหยับแบบนี้ ไม่มีใครมีกระจิตกระใจออกไปซื้อรถยนต์ใหม่มาขับเลยครับ อย่างอเมริกาตอนนี้นั้น 80-90% ของธุรกิจถูกสั่งให้ทำงานที่บ้านหมดแล้ว (ที่เหลือ 10 -20 % นั้นคือธุรกิจอาหารและห้างขายของกินที่ยังอนุญาตให้เปิดกิจการได้) อาทิตย์หน้าคาดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้นะครับ
ยังไงผมก็มองว่า หลังจากสถานการณ์ COVID-19 หมดไปแล้ว(ซึ่งน่าจะประมาณปลายปีนี้ครับ) รถยนต์ไฟฟ้าจะกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมเพราะแนวทางของแต่ล่ะบริษัทนั้นวางแผนปล่อยรถยนต์ไฟฟ้าภายในปีหน้ากันทั้งนั้น ดังนั้นหลังจากปลายปีนี้ไปแล้วคุณอาจจะได้ซื้อรถยนต์น้ำมันในราคาลด 30-50 % อีกระลอกนะครับ เพราะของที่ต่างประเทศเค้าไม่ใช้แล้ว เค้าก็โละมาประเทศพัฒนาเป็นธรรมดาแหละครับ(ยกตัวอย่างเช่น chevrolet เป็นต้น) บริษัท GM หรือ chevrolet ในอเมริกานั้นยังคงดำเนินกิจการอยู่เหมือนเดิมนะครับ แต่แนวทางและนโยบายของบริษัทนั้นเข้มข้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นหลักครับ ส่วนเครื่องยนต์น้ำมันนั้น GM เปิดไลน์การพัฒนาไปหมดแล้วครับ