จริงๆ ข้อมูลที่ผมได้รับมาจากสำนักข่าวๆ ในฝั่งอเมริกานั้นเยอะมากๆ ครับ เรียกได้ว่าไม่รู้จะเขียนหัวข้อข่าวแบบไหนจริงๆ เพราะทุกเรื่องมันเด่นไปหมดเลย ยังไงผมจะสรุปเป็นข้อๆ ด้านล่างนี้เลยล่ะกันครับ ผมจะเขียนหัวข้อและรายละเอียดกำกับเอาไว้ เผื่อใครสนใจเรื่องไหนก็สามารถอ่านแบบเจาะลึกลงไปได้นะครับ
เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ของ GM
ผมจะขอแจกแจงคุณสมบัตของแบตเตอรี่รุ่นใหม่ของ GM เป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ
1. ใช้แร่โคบอล์ทน้อยลงเพื่อทำให้ต้นทุนถูกลง
เนื่องจากแร่โคโบล์ทนั้นมีราคาแพงและเสาะหายาก ทำให้ GM ออกแบบแบตลูกใหม่ทั้งหมดที่ใช้โคโบล์ทในการผลิตน้อยลงและพวกเค้ายังได้วางแผนหาแร่อื่น เช่น นิกเกอร์มาทดแทนอีกด้วยครับ โดยวิศวกรของ GM ได้ออกมากล่าวว่า “เรากำลังจะหาสร้างแบตที่ไม่พึ่งพาการใช้งานแร่โคโบล์ท(cobolt)เลยเพื่อทำให้ราคาแบตต่ำลงไปกว่า $100 ต่อ kWh อย่างแน่นอน” และเมื่อใดก็ตามที่เราประสบความสำเร็จในการวิจัยเรื่องนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาต้นทุนถูกกว่ารถยนต์น้ำมันอย่างแน่นอน
ลองคิดเล่นๆ นะครับ แบตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่น long range นั้นมีขนาด 75 kWh (วิ่งได้ไกลถึง 515 km) ถ้ามีใครซักคนที่สามารถคิดค้นแบตที่ไม่พึ่งพาสารประกอบอย่างโคโบล์ทได้แล้วต้นทุนแบตจะเหลือเพียง $7,500 หรือ 232,500 บาทเท่านั้น !! หรือถูกลงไปกว่าเท่าตัวเลยครับ
ส่วนการออกแบบแบตของ GM นั้นยังใช้รูปแบบเหมือนเดิมคือ pouch bag หรือเป็นถุงสี่เหลี่ยม
2. เอาเธี่ยม(ultium)
เป็นชื่อเทคโนโลยีของแบตเตอรีรุ่นใหม่ของ GM ที่ได้พัฒนาร่วมกันกับ LG Chem ซึ่งเป็น vendor เจ้าเดียวกันกับที่ป้อนแบตให้แก่โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Gigafactory 3 ที่จีนนะครับ
โดยเทคโนโลยีเอาเธี่ยมตัวนี้จะถูกผลิตเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานลูกๆของ GM ทั้งหมด เช่น คาดิแล๊ค(Cadillac), เชฟโรเล็ต(Chevrolet), จีเอ็มซี(GMC), บูอิก(Buick), และค่ายอื่นๆในเครือตามประเทศต่างๆครับ
3.ความจุตั้งแต่ 50-200 kWh
รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นของ GM หลังปี 2021 เป็นต้นไปจะมีความจุแบตต่ำสุดที่ 50 kWh และสูงสุดที่ 200 kWh(หรือมากกว่า Tesla Model S รุ่น performance[100 kWh] และ porsche Taycan [93.4 kWh] ถึง 2 เท่า)
4. 400 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของเครือ GM (หลังปี 2021 ไปแล้ว) นั้นจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 ไมล์(640 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง หรือเรียกได้ว่าขับจาก กทม. ไปยังลำพูนภายในการชาร์จ 1 ครั้งแน่นอน และที่สำคัญรถนั้นรองรับระบบชาร์จเร็วที่ผมกำลังจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป ซึ่ง GM แง้มมาแล้วว่าจะสามารถชาร์จได้เร็วถึง 100 ไมล์ต่อ 10 นาที หรือจะเรียกอีกอย่างว่า เสียบหัวชาร์จไฟเข้าไปเพียง 10 นาทีก็ได้ range (ระยะทาง)มาใช้ถึง 160 km ครับ แบบนี้ขับไปเชียงใหม่สบายๆ เลยนะครับ เพราะจอดเติมพลังงานเพียง 10 นาทีก็สามารถขับได้ไกลรวมกันถึง 800 km แล้วครับ
รองรับระบบชาร์จเร็ว
ณ ปัจจุบันนั้น รถยนต์ไฟฟ้าของค่ายลูกของ GM ยี่ห้อ เชฟโรเล๊ท โบล์ท(chevrolet Bolt) นั้นสามารถรองรับการชาร์จสูงสุดได้เพียง 7.4 kW เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ เพราะแบตของรถคันนี้มีมากถึง 66 kWh ลองคิดดูว่าถ้านำรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ไป Roadtrip(เดินทางไกลข้ามเมือง) เชื่อกว่าการชาร์จไฟนั้นจะเป็นปัญหาใหญ่ของการเดินทางเลย เพราะกว่าจะชาร์จเต็ม 80 % นั้นต้องใช้เวลามากถึง 7 ชั่วโมง แตกต่างจาก Tesla Model 3 ซึ่งสามารถทำความเร็วในการชาร์จจาก 0-80 % ได้ภายใน 30-40 นาทีเอง หมายเหตุ : Tesla Model 3 นั้นสามารถรับแรงไฟได้มากถึง 250 kW นะครับ
มาปีนี้ GM เล็งเห็นถึงปัญหาสำหรับคนที่ต้องการใช้เดินทางแบบระยะทางไกล (long distance) จึงออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถชาร์จได้รวดเร็วพอๆ กับเทสล่าขึ้นมายังไงละครับโดยมีการออกแบบระบบชาร์จไฟเร็วแบ่งเป็นออกเป็น 2 ระบบ ดังนี้
- ระบบชาร์จเร็วถึง 200 kW สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป – GM ได้กล่าวว่ารถยนต์ไฟฟ้าปี 2021 เป็นต้นไปต้องมีระบบชาร์จเร็วขั้นต่ำที่ 200 kW ทุกคัน
- ระบบชาร์จเร็วถึง 350 kW สำหรับรถกระบะไฟฟ้า – โดยรถกระบะไฟฟ้าทุกคันของ GM นั้นมีแบตประเภท 800 Volt มาให้อยู่แล้ว ดังนั้นเค้าจึงติดตั้งระบบชาร์จเร็ว 350 kW มาจากโรงงานไปเลยครับ
0-100 km/h ภายใน 3 วินาที
0-100 km/h ภายใน 3 วินาที – GM สร้างมาตราฐานใหม่สำหรับรถรุ่น performace(รุ่น topของรถเครือ GM ซึ่งรวมไปถึง รถกระบะ, รถSUV, รถเก๋งทั่วไป, และรถตู้) ต้องทำอัตราเร่งจาก 0-100 km/h ได้ต่ำกว่า 3 วินาทีทุกคัน
22 รุ่นภายในพ.ศ. 2566(ค.ศ. 2023)
GM เตรียมวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 22 รุ่นภายในปี 2566 หรืออีก 3 ปีข้างนี้ โดยรถทุกคันนั้นจะใช้ Platform เดียวกันทั้งหมด(อ้างอิงจากวิดีโอด้านล่างนี้)
ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งไฟฟ้า, รถ CUV อย่าง Bolt หรือรถ SUV ไฟฟ้าแบบสะเทือนน้ำสะเทือนบกอย่าง Hummer EV นั้นก็จะใช้แบตประเภทเดียวกัน, มอเตอร์ประเภทเดียวกัน, และโครงสร้างแบตที่เหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ง่ายต่อการซ่อมบำรุงรักษาและการ stock อะไหล่(ที่จะน้อยลงไปอย่างมาก)
Super Cruise ใน Chevrolet Bolt
Super Cruise ใน Chevrolet Bolt – ระบบช่วยขับอัตโนมัติจะถูกติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Bolt รุ่นปี 2020(ปลายปีนี้) ซึ่งระบบนี้แต่เดิมเป็นของค่ายลูกรถหรูอย่างคาดิแลค(Cadiliac) แต่เพียงผู้เดียว
ALL-ELECTRIC FUTURE
อย่างที่เล่าไปด้านบนคือ GM นั้นเป็นเครือที่ใหญ่มากๆ มีทั้ง Chevrolet, Cadillac, Buick , Hummer และ GMC เป็นต้น เค้าได้ให้สัญญาในเว็บของเค้าเลยว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป ทั้งบริษัทจะหันทิศทางการผลิตและวิจัยไปยังรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด (ALL-ELECTRIC FUTURE)
concept(คอนเซปท์) ที่เขียนว่า “Our electric future is now” ของเค้านั้นชัดเจนมากๆ ว่าไม่เอาเครื่องยนต์สันดาบแล้วครับ
ที่มา : GM
ที่มา : arstechnica
ที่มา : caranddriver
ที่มา : popularmechanics
ที่มา : TheVerge
BLINK DRIVE TAKE
ยังมีหลายคนที่คิดว่า “โลกหมุนรอบประเทศไทย” เพราะเท่าที่เห็นก็คือ สำนักข่าวหลายสำนักพยายามเขียนข่าวว่า “โลกกำลังหมุนไปตามไทย” โดยอ้างว่า ไทยเราเป็นฐานผลิตรถ ICE (เครื่องยนต์สันดาบ) ที่ใหญ่มากๆ ในเอเชีย จากนั้นก็ประโคมข่าวว่า GM ถอนตัวจากไทยเพราะพิษเศษรฐกิจ
ผมมองว่า เรากำลังหลอกกันเองหรือป่าวครับ เพราะบริษัทผลิตรถยนต์ระดับโลกอย่าง GM นั้นน่าจะมีคนเก่งๆ ที่จบ ป.เอก, ป. โท , หรือมีทีมนักวิจัยการตลาดเหนือกว่าประเทศเล็กๆ อย่างไทยเป็น 100 เท่านะครับ ดังนั้น ถ้าเศษรฐกิจไม่ดีจริงๆ เค้าต้องหาทางแก้เกมส์ครับ ไม่ใช่ย้ายโรงงานออกไปโดยไม่บอกสาเหตุอะไร
ส่วนสาเหตุที่เค้าย้ายออกไปนั้นเพราะเค้ามีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยจะโฟกัสที่ประเทศของตนเองเป็นที่แรกและจากนั้นค่อยโอนถ่ายเทคโนโลยีไปจีน(อ้างอิงจากข่าว : GM เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Menlo มาพร้อม Range มากถึง 410 km) ส่วนไทยเรานั้นก็เห็นอย่างได้ชัดว่ามีกำแพงภาษีแบตเพื่อป้องกันโรงงานผลิตรถยนต์สันดาบในไทยล้ม ในเมื่อความประสงค์(ใจ)ไม่ตรงกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ GM จะย้ายออกจากประเทศครับ
อ้างอิงจากข่าว GM ลงทุน 2.2 พันล้านเหรียญสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกา, จ้างงานเพิ่ม 2,200 คน
วันนี้ผมขอฝากโพสนี้เอาไว้ให้คิดนะครับว่า ยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ของโลกอย่าง GM ออกมาเปิดตัว product ตัวใหม่เช่น แบตเตอรีรุ่นใหม่(ultium) แบบนี้ ไทยเราควรจะหันไปมองได้หรือยังครับ?
Volkswagen group ก็หันไปลุยรถยนต์ไฟฟ้าเต็มกำลังที่อเมริกา, ยุโรป,และจีน
อ้างอิงข่าว : โฟคสวาเกนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ณ ประเทศจีน ตั้งเป้าผลิต 300,000 คันต่อปี
GM ก็หันไปสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ประเทศอเมริกาและจีน
อ้างอิงข่าว : GM ลงทุน 2.2 พันล้านเหรียญสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกา, จ้างงานเพิ่ม 2,200 คน
ส่วนพี่โต(Toyota) ก็ลุยสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งจีนและอินโดนีเซีย
อ้างอิงข่าว : โตโยต้าขนเงินลงทุน 6.4 หมื่นล้านบาท(2 พันล้านเหรียญ) ไปเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าณ ประเทศอินโดนีเซีย
ทำไมไทยเราถึงไม่เอะใจกันบ้างละครับ ?
ถ้าภาครัฐหรือเอกชนยังไม่เอะใจก็ไม่เป็นไรเนอะ อย่างน้อยประชาชนตัวเล็กๆ อย่างพวกเราก็ควรจะเริ่มเอะใจและชะลอการซื้อรถออกไปซัก 1-2 ปีได้แล้วมั้งครับ เพราะช่วงเปลี่ยนถ่ายนั้นกำลังเริ่มต้นนะครับ(GM ทิ้งกิจการรถในไทยนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เนอะ) หลังปีหน้าเป็นต้นไปก็จะเริ่มเห็นรูปร่างที่ GM, Volkswagen และ Tesla ได้ทำเอาไว้แล้วละครับ
อย่าเพิ่งเชื่อผมครับ ลอง save post นี้เอาไว้อ่านตอนปี 2021 กันดูสิว่า GM จะทำตามข่าวที่เว็บนี้เขียนเอาไว้ไหมครับ
ปล. แล้วถ้าเค้าทำจริง มีหรือ, เจ้าอื่นจะไม่ตามไปทำรถยนต์ไฟฟ้า