หน่วยงานดับเพลิงหรือกู้ภัยของเมืองแอลเอ, ประเทศอเมริกา หรือเรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Los Angeles City Fire Department (LAFD) ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “แอลเอ(ลอสแอนเจลิส)จะเป็นเมืองแรกของอเมริกาที่ใช้จะเริ่มใช้งานรถดับเพลิงไฟฟ้า”
นาย Ralph Terrazas ผู้บัญชา LAFD
ผมตื่นเต้นมากที่จะประกาศตรงนี้เลยว่าเราเป็นหน่วยงานแรกของประเทศอเมริกาที่สั่งรถดับเพลิงไฟฟ้าเข้ามาใช้งานบริการประชาชน รถดับเพลิงไฟฟ้านั้นจะช่วยลดมลพิษทางอากาศ(ควันดำ, ฝุ่นละออง PM 2.5 จากเครื่องยนต์ดีเซล)และยังสามารถลดมลภาวะทางเสียงที่เกิดจากเครื่องยนต์ดีเซลเวลาที่รถต้องจอดเพื่อปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย พวกเราภูมิใจอย่างยิ่งที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมบริเวณถนน Hollywood นั้นปราศจากควันดำในเวลาที่พวกเราเข้าไปปฏิบัติงาน
ที่มา : electrek
ทำไมรถดับเพลิงถึงก่อมลพิษทางอากาศเยอะ?
คุณ Brian Marshall ผู้บังคับบัญชาการ Cal OES Fire and Rescue หรือชื่อเต็มคือ California Governor’s Office of Emergency Services เป็นหน่วยงานใหญ่ที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ดูแลเกี่ยวกับการกู้ภัยและความปลอดภัยจากอัคคีภัย
คุณ Brian ได้กล่าวว่า “ณ ปัจจุบันนั้น เวลารถดับเพลิงออกปฏิบัติการในแต่ล่ะครั้งนั้นต้องเผาไหม้น้ำมันดีเซลเป็นจำนวนมากระหว่างที่จอดปฏิบัติการ เช่น การใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟจ่ายให้ปั้มน้ำสำหรับฉีดน้ำดับเพลิง ซึ่งกิจกรรมนี้เทียบเท่ากับการขับรถดับเพลิงด้วยความเร็ว 50 mph (80 km/h) ตลอดเวลาที่เครื่องยนต์ทำหน้าที่เหล่านั้น”
ราคารถดับเพลิงไฟฟ้า Vs ดีเซล
อ้างอิงราคาจาก business insider รถดับเพลิงไฟฟ้าคันนี้จะราคาอยู่ที่ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 33 ล้านบาท ซึ่งรถคันนี้จะมาพร้อมอุปกรณ์ครบครันไม่ว่าจะเป็นเลื่อยไฟฟ้า, ปั้มน้ำแรงดันสูง, พลั่ว, โซ่ลาก, อุปกรณ์ช่วยชีวิตคน(เครื่องปั้มหัวใจ)และอุปกรณ์ต่างๆ ตามมาตราฐานรถดับเพลิงทั่วไป
แต่ที่แตกต่างออกไปคือ รถคันนี้มีระบบช่วยขับเหมือนรถยนต์ไฟฟ้า Tesla คือสามารถกะระยะห่างจากคันหน้าและคันหลังได้เอง, รถปรับระดับความสูงเองได้(hydrolic shock suspension), และระบบเชื่อมต่อ internet ตลอดเวลาโดยระบบนี้จะเหมือน OTA (Over the air update) ของ tesla คือสามารถ update รถเหมือนเป็น hardware ตัวนึงไปเลย แถมระบบ wifi ของรถคันนี้จะสามารถยิงสัญญาณระยะไกลเพื่อควบคุมโดรนหรือทำตัวรถเป็นห้องกระจายสัญญาณสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานอีกด้วย
ส่วนรถดับเพลิงดีเซลในอเมริกานั้นมีราคาอยู่แถวๆ $500,000 – $1,000,000 ครับซึ่งราคาถูกกว่ากันอยู่เยอะครับ โดยรถคันล่ะเกือบล้านเหรียญนั้นก็จะมีอุปกรณ์ต่างๆ ดังรูปด้านล่างนี้ครับ
สเปคของรถดับเพลิงไฟฟ้า
- มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด : 350 kW
- ยาว 300 นิ้ว, กว้าง 92.5 นิ้ว, สูง 121 นิ้ว
- ฐานล้อ 150 นิ้ว
- น้ำหนักเฉพาะรถ : 23,150 ปอนด์(10,500 kg)
- แบตเตอรี่ : N/A (โดยบริษัทแจ้งว่าสามารถใช้งานได้ 30 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง)
CFT Datasheet en Imperial U… by Fred Lamert on Scribd
ที่มา : electrek , motorauthority, businessinsider
BLINK DRIVE TAKE
วันนี้ผมจะขอ comment เป็นภาษาอังกฤษนะครับเพราะต้องแชร์โพสนี้ให้ฝรั่งที่นี่อ่านด้วยครับ
California has the most strictly rule on air pollution in the States. Therefore, the local government want to role out their model to the public which will force the people to accept in the long term.
Not only the fire truck will be an electric vehicle in the California state, but also other public service vehicle will transform to electric fleet soon.
Only one disadvantage of the electric fire truck is the price. Furthermore, this electric fire truck is really expensive ($1.1 millions) than the diesel fire truck which starting price around $500,000.
In addition, the fire department has to put a big investment in the first year which is purchasing cost. However, in the long term, there are serveral advantages of the electric fire truck which are better than a diesel truck such as low maintenance cost , zero emission ,and high energy efficiency. Additionally, the diesel fire truck has to do a monthly maintenance and the engine must be replace every 50,000 miles.
On the other hand, the electric car has very less parts and it’s really robust. For example, Tesla Model S can run for 194,000 miles without doing any maintenance. Plus, the fuel efficiency would be around $0.03 per mile. Moreover, the car never pullute the air while driving or parking like any gasoline cars in the market.
I think that LAFD took a smart move on a sustainability in this time, and other states will follow LAFD soon in the following year.