Blink Blink
EV Carsvolk swagen

รีวิวรถยนต์ไฟฟ้าโฟคสวาเกน e-up ราคาเริ่มต้น 6.5 แสนบาท(2 แสนโครน)โดยคุณตาม [Bjørn Nyland]

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปดูรีวิวรถยนต์ไฟฟ้าโฟคสวาเกน e-up โดยคุณตามครับ โดยผมจะคัดเฉพาะ high-light (จุดสำคัญ)จากคลิปมาเผยแพร่นะครับ

คันเล็กแต่ที่เก็บของเยอะ

คุณตามได้บอกว่า รถคันนี้เล็กมากๆ เหมาะสำหรับใช้งานในเมือง แต่ภายในนั้นมีที่เก็บของใหญ่มากๆครับ

ใช้มือถือเป็นหน้าจอรถ

รถยนต์ไฟฟ้า e-up คันนี้นั้นถูกสร้างขึ้นมาจาก concept ประหยัดต้นทุนมากๆ ครับ รถคันนี้จะมี usb port อันเดียว ซึ่งอยู่ด้านหลัง console

หลังจากเราเชื่อมต่อ usb port เข้ากับมือถือเราแล้ว มือถือของเราก็จะกลายร่างเป็นหน้าจอ digital แถมการสั่งการต่างๆ นั้นสามารถสั่งได้จากปุ่มต่างๆ ในรถและมือถือจะเปลี่ยนหน้าจอหรือหน้าตาไปเรื่อยๆ จากการควบคุมผ่านปุ่มเหล่านั้นครับ

ชาร์จช้ามากๆ

ถ้าเทียบรถคันนี้กับ e-tron นะคันนี้ชาร์จช้าเอามากๆ คิดดูว่า ชาร์จจาก 85 % ไปเป็น 100 % นั้นใช้เวลาประมาณ 60 นาที( 1 ชั่วโมง) ซึ่งถ้าเอาเทสล่า โมเดล 3 มาชาร์จจาก 85 % ไปเป็น 100% นั้นก็ใช้เวลาไม่เกิน 25 นาทีเองครับ

เอาเป็นว่า คุณตามต้องติดอยุ่ที่นี่ประมาณ 95 นาทีเพื่อชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าคันจิ๋วนี้

บอกเลยว่า รถคันนี้ไม่เหมาะกับการเดินทางไกล(road trip) เลย เพราะระบบนั้นไม่ได้ออกแบบให้รองรับระบบชาร์จไฟเร็วมาเลยครับ

บังคับเป็น eco mode ตอนแบตเหลือ 10 %

สิ่งหนึ่งที่คุณตามสังเกตุได้คือ หลังจากแบตลดลงเหลือเพียง 10 % นั้น รถก็จะเปลี่ยนเป็น eco mode ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือ ห้องโดยสารนั้นเย็นขึ้นทันทีครับ เพราะ eco mode นั้นจะลดการใช้พลังงานภายในรถรวมไปถึง heater(เครื่องให้ความร้อน)ภายในห้องโดยสารด้วยครับ

เหมือนเป็นการบังคับทางอ้อมว่า ถ้าอยากใช้ heater ก็ต้องแวะจอดชาร์จนะจ๊ะ ฮ่าๆ

รูปภาพ : อุณหภูมิภายในนอก 2.5 องศาเซลเซียส, แบตเหลือประมาณ 10 % , หน้าปัดเป็นแบบ analog เหมือนรถยนต์ทั่วไป (คุณตามให้เหตุผลว่า รถคันนี้ทำมาแบบประหยัดต้นทุนในการผลิตสุดๆ ทำให้ของทุกอย่างในรถนั้นถูกออกแบบเหมือนรถยนต์น้ำมัน)

สรุปการขับขี่

คุณตามได้บอกว่า “ตอนทดสอบตอนนี้เป็นหน้าหนาวทำให้ range ที่ได้ออกมานั้นน้อยกว่าที่บริษัทบอกเอาไว้ โดยจาก 100 % ถึง 0 % นั้นจะขับได้ประมาณ 198 km”

แบตบอกว่ามีพลังงานที่สามารถใช้ได้ 32 kWh แต่เอาเข้าจริงๆสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตได้เพียง 29 kWh เท่านั้น คุณตามได้ให้เหตุผลที่ทำให้แบตหายไป 3 kWh นั้นมาจากอากาศหนาว ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าได้นำพลังงานบางส่วนไปอุ่นให้แบตมีอุณหภูมิคงที่และพลังงานบางส่วนก็ถูกส่งมาในห้องโดยสารเพื่อทำให้ห้องโดยสารนั้นมีอุณหภูมิที่พอเหมาะ(อุ่นขึ้นกว่าข้างนอกรถ)

สเปครถยนต์ไฟฟ้าโฟคสวาเกน e-up

  • แบตขนาด : 36.8 kWh
  • ระยะทางที่วิ่งได้ (Range) : 250 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
  • ระบบขับเคลื่อน : มอเตอร์ขนาด 60 kW
  • ราคา : 650,000 บาทหรือ 211,700 โครน (ไม่รวมภาษีหน้าเลือดของประเทศที่กำลังพัฒนา)
  • หน้ายาง : 165/70 R14
  • ขนาดของรถ
    • กว้าง : 1,645 มม.
    • ยาว : 3,600 มม.
    • ฐานล้อ : 2,417 มม.
    • สูง : 1,492 มม.

ที่มา : volkswagen

รับชมคลิปเต็มๆ ได้ด้านล่างนี้เลยครับ

BLINK DRIVE TAKE

วันนี้ผมไม่ขอคอมเม้นท์(ให้ความคิดเห็น)อะไรเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้หรอกนะครับ แต่จะเอาความในใจของคุณตาม [Bjørn Nyland] มาฝากบอกทุกคนครับ

It would be good if the government could make an exception and allow 0 % import tax for EVs

Otherwise Thailand will be more or less stuck with EVs from China or Thai made.

However, there are so many good EVs out there, especially from Korea and Europe, and of course Tesla .

คุณตาม [Bjørn Nyland]

[แปล]จริงๆ รัฐบาลควรจะเลิกขึ้นกำแพงภาษีใส่รถยนต์ไฟฟ้าได้แล้ว ไม่งั้นรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้นจะไม่ก้าวหน้าไปกว่าประเทศอื่นๆเลย กลายเป็นว่า ตัวเลือกของคนไทยนั้นมีแค่รถยนต์จากจีนหรือผลิตในไทย เอาจริงๆ แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าดีๆ นั้นมีอยู่ทั่วโลก เช่น รถยนต์ไฟฟ้าจากยุโรป, รถยนต์ไฟฟ้าจากเกาหลี, และแน่นอนล่ะ จากเทสล่านั่นเอง

ผมตีความหมายของคุณตามว่า เค้าอยากเห็นคนไทยนั้นมีโอกาสได้ขับรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนชาวยุโรปขับกันบ้างนะครับ เพราะเท่าที่ผ่านมานั้นชาวยุโรปได้หันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้าและทำการยกเลิกกำแพงภาษีรถยนต์ไฟฟ้า แถมยังให้ incentive อัดเข้าไปอีก

หันกลับมาดูไทยแล้ว incentive นั้นแทบไม่มีให้เห็นไม่พอ ดันไปเจอกำแพงภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากกรมสรรพสามิต ซึ่งไม่เคยมีใครสามารถบอกได้เลยว่า จะเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าไปเพื่ออะไร ถ้าเก็บภาษีการนำเข้ารถยนต์น้ำมันนั้นผมพอเข้าใจได้ว่า เก็บไปเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของไทย อาจจะเอาเงินนั้นไปปลูกต้นไม้ในกรุงเทพ หรือเก็บเพื่อป้องกันพวกรถ super car เครื่องยนต์ 6-8 ลิตรเข้ามาวิ่งเล่นในเมือง ถ้ารถเหล่านี้เข้ามาวิ่งกันเต็มถนน บ้านเมืองก็เต็มไปด้วยฝุ่นควันกันพอดีครับ

แต่นี่เก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าไปทำอะไรก็ยังไม่มีใครทราบได้ครับ บางคนก็มาบอกผมว่า เห้ยถ้าปล่อยเข้ามาแล้ว รถยนต์ที่ผลิตในประเทศก็ขายไม่ออกพอดี

ผมก็สงสัยว่า แล้วทำไมบริษัทผลิตรถยนต์ในประเทศของเราถึงไม่หันไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแข่งกับเทสล่าล่ะครับ เพราะตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้าเทสล่าผลิตไม่ทันส่งมอบนะครับ ไม่ใช่ขายไม่ดี คนไทยเห็นกันแบบนี้แล้ว ทำไมไม่ไปช่วยเค้าผลิตล่ะครับ แล้วถ้าคุณช่วยเทสล่าผลิตได้จริง คนไทยซื้อของคนไทยแน่นอนครับ เพราะเทสล่านั้นมันแบร์นดระดับโลกนะครับ ผลิตออกมาให้ได้ก่อนเถอะครับ พวกเราคนไทยช่วยกันอุดหนุนอยู่แล้วครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email