Blink Blink
News

เยอรมันมีวิธีรับมืออย่างไรกับสถานการณ์ “รถยนต์ไฟฟ้าบูม” ?

นายกฯเยอรมนีลุยสร้างที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 1 ล้านอัน ภายในปี 2030

นายกฯเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล (เยอรมัน: Angela Dorothea Merkel) ประกาศแล้วว่า ” ประเทศเยอรมันต้องมีหัวชาร์จไฟครบ 1 ล้านหัวชาร์จ ภายในปี 2030 (หรืออีก 10 ปีข้างหน้า)”

ซึ่งหมายความว่าหัวชาร์จไฟต้องกระจายไปทั่วประเทศบนถนนทุกสาย โดยตอนนี้ เยอรมันเริ่มติดตั้งหัวชาร์จไฟตามเสาไฟฟ้าต่างๆ ในเมืองหลวงแล้วนะครับ

โดยมีการคาดการณ์ว่า จะมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งบนถนนในประเทศเยอรมันถึง 10 ล้านคันภายในปี 2030 นี้อีกด้วย ดังนั้น รัฐบาลต้องรีบสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่สัญจรไป-มาบนท้องถนนแหละครับ

ตอนนี้ เยอรมันมีหัวชาร์จรถไฟฟ้ากี่หัว?

ภายในปี 2019 ที่ผ่านมานี้ ประเทศเยอรมันได้ถูกปกคลุมไปด้วยที่ชาร์จไฟมากกว่า 24,000 หัวที่กระจายไปอยู่ตามสถานที่สำคัญต่างๆ หรือจะเรียกได้ว่า เยอรมันมีหัวชาร์จไฟเพิ่มขึ้น 50 % จากปี 2018 เลย ถือว่า เป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ก้าวนึงของประเทศเยอรมัน

มีหัวชาร์จไฟ แบบ Quick charge ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์จาก 24,000 หัวชาร์จ ณ ปัจจุบัน เยอรมันมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งในประเทศมากถึง 220,000 คันไปแล้ว

เป้าหมายสูงสุดของเราคือ จะต้องไม่มีใครในประเทศเยอรมันมาบอกเราว่า ‘เราไม่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพราะเราไม่รู้จะหาที่ชาร์จให้แก่รถยนต์ไฟฟ้าได้ยังไง’

Peter Altmaier รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ

หรือเรียกอีกอย่างว่า เอาข้ออ้างเรื่องซื้อรถมาแล้วไม่มีที่ชาร์จออกไปเสียเถอะ

รูปภาพ : บริษัท ionity ติดตั้งหัวชาร์จไฟเร็ว(quick charge) ทั้งหมด 80 หัว ณ ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมัน

ที่มา : the local de

BMW ยืนยันผลิตรถยนต์น้ำมันต่ออีก 30 ปี

นาย Klaus Froehlich หัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ BMW ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ ถึงการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของทางค่าย พร้อมเปิดเผยว่าทาง BMW จะยังคงจำหน่ายเครื่องยนต์สันดาปภายในอีกอย่างน้อย 3 ทศวรรษ

โดยเครื่องยนต์ที่มีความยืดหยุ่นอย่างเครื่องยนต์ไฮบริด จะสามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่า ส่วนทางด้านเครื่องยนต์สันดาปนั้น ทาง BMW ได้มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับนโยบายสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง นั่นส่งผลให้เครื่องยนต์บางรุ่นอาจจะต้องยุติการผลิต

แต่บางรุ่นอย่างเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบและ 6 สูบจะยังคงทำตลาดต่อได้อีกอย่างน้อย 20 ปี ส่วนเครื่องยนต์เบนซินจะยังคงอยู่ได้อีกอย่างน้อย 30 ปี จากการให้สัมภาษณ์ เครื่องยนต์ดีเซลที่จะถูกยกเลิกการผลิตอย่างแน่นอนคือ เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร 3 สูบ และ 6 สูบ 400 แรงม้า Quad Tubro ส่วนเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ในตระกูลเบนซินอย่าง V-8 และ V-12 ก็อาจหมดอนาคตเช่นเดียวกัน

ที่มา : magcarzine

BLINK DRIVE TAKE

ขอชื่นชมทีมนายกรัฐมนตรีของเยอรมันที่คิดสร้างสรรสิ่งดีๆ ให้แก่ประเทศชาติของเค้า ณ ปัจจุบัน เทสล่าโมเดล 3 เพิ่งทำการบุกเยอรมันได้เพียง 6 เดือนกว่าๆ เอง ดังนั้น เรายังไม่สามารถสรุปได้ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของเยอรมันนั้นโตถึงที่สุดหรือยัง ผมมองว่า ต้องรอปลายปี 2020 นะครับ ถึงจะสรุปได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้าบูม ในประเทศเยอรมันหรือป่าว

แต่ที่แน่ๆ ประเทศเค้ามีหัวชาร์จให้บริการมากกว่า 24,000 หัวชาร์จและมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งเล่นอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 220,000 คัน เทียบอัตราส่วนกับประเทศพัฒนาอย่างประเทศไทยแล้ว อายเค้าจริงๆ แหละครับ

ส่วน BMW นั้นน่าจะโดนรัฐบาลทั้งเยอรมันและ EU เพ่งเล็งอยู่แหละครับ เพราะเท่าที่รู้มาว่า รายใหญ่ๆ ในยุโรปมีเพียง Diamler, Volkswagen, และ BMW ซึ่งเป็นทัพใหญ่ของยุโรป แต่ปรากฏว่า มีเพียงค่ายเดียวเท่านั้นที่ยืนกรานต่อต้านอำนาจของรัฐบาล

เราก็รู้ดีกันใช่ไหมครับว่า ตอน Volkswagen ฝืนเอารถยนต์ออกมาขายทั้งๆ ที่โกงค่า emission นั้น บริษัทโดนฟ้องเกือบจะล้มละลาย ที่ยุโรปนั้นเค้าเอาสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ดังนั้น Blink Drive คาดการณ์ว่า ถ้า BMW ไม่ปรับตัวภายในปี 2020 นี้ล่ะก็ อาจจะโดนกฏหมายของ EU เล่นงานเอาก็ได้ครับ เพราะค่ายอื่นหนีไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันหมดแล้ว

ตอนนี้ Blink Drive หวังว่า รัฐบาลจะเปิดใจให้กับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้นำรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมาขาย เพราะ BOI เราเปิดพิจารณาการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามา 2 ปีแล้วแต่ยังไม่สามารถพิจารณาได้เลยว่าจะอนุมัติให้พวกเค้าเข้ามาสร้างโรงงานไหม (สองเจ้าที่รอการพิจารณาอยู่คือ BMW, และ Benz) แหล่งข่าว : mreport

ถ้าพวกเราจะหวังให้ค่ายรถยนต์น้ำมันในประเทศที่มีอยู่หันไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็คงไม่ได้เพราะ BOI บอกเองว่า อีก 7 ปีกว่าถึงจะเริ่มกำไร นี่เพิ่งลงทุนไปปี 2018 เอง รอหน่อยนะ

ดังนั้นผมมองว่า มีทางเดียวที่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีที่ยืนในไทยคือ นำเข้าจากจีนผ่าน FTA 0%

ใครมีข้อเสนอในการทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีที่ยืนในไทยก็แสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้ที่ BLINK DRIVE FACEBOOK FANPAGE นะครับ

STAY TUNE, STAY WITH BLINK DRIVE

Follow by Email