คำถามเหล่านี้มีคนถามกันเข้ามาเยอะเลยครับ มีมาตั้งแต่เปิด facebook เพจครั้งแรกและเริ่มเยอะขึ้นตอนเพจไต่ขึ้นไปที่ระดับ 250 likes(เยอะแล้วนะเนี่ยฮ่าๆ) ผมก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดที่จะบอกความหมายของ Blink Drive
จริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นความลับขั้นสุดยอดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้หรอกนะครับ เอาจริงๆคือ ผมไม่รู้จะตอบยังไงให้เข้าใจครับ แต่พอมาวันนี้แล้ว facebook page (เฟสบุ๊ค เพจ)ที่ผมทำออกมาเล่นๆ นั้นมีคนมากด like เยอะขึ้นจนถึง 6,000 คนแล้ว ผมก็คิดว่า ถึงเวลาแล้วล่ะที่ต้องนำความหมายที่แท้จริงของคำว่า “Blink Drive” มาบอกให้ทุกคนทราบกันนะครับ
หมายเหตุ : โพสนี้จะมีเต็มตัวหนังสือซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นความในใจและประวัติของ blink drive โดยเฉพาะ ยังไงก็ขออภัยในความไม่สะดวกในการบอกเล่าข้อมูลมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ก่อนจะมาเป็น BLINK DRIVE
ก่อนอื่นเลย ผมเป็นเด็กเนิร์ดคนนึงที่มีงานอดิเรกเหมือนชาวบ้านทั่วไปคือ นั่งอ่านการ์ตูน, ดู netflix, เล่นเกมส์ แล้วก็ฝึกอ่านบทความภาษาอังกฤษ (Reading Comprehension)
ในบรรดาทักษะทั้งหมดที่ TOEFL มีมา, ผมนั้นเกลียดทักษะ reading มากที่สุด มันเลยทำให้ผมทำคะแนนวิชานี้ได้ต่ำมากๆ เพราะผมไม่รู้จักคำศัพท์มากมาย, จับใจความไม่เป็น(แยกไม่ออกว่าอันไหนคือ main idea, หรือ detail ใน passage ต่างๆ), และเป็นคนสมาธิสั้น นี่เป็นคุณสมบัติที่ไม่น่าจะมาเรียนต่างประเทศได้เลยล่ะครับ
และถ้าผมยังไม่สามารถอ่านหนังสือได้รวดเร็วและเข้าใจเหมือนคนอเมริกาแล้วล่ะก็ ผมคงสอบตกทุกเทอมอย่างแน่นอน ดังนั้นผมก็นำเรื่องนี้ไปปรึกษาทั้งอาจารย์ที่มหาลัยและเพื่อนๆทุกคน ผลสรุปได้ออกมาว่า “ให้อ่านสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุดก่อน แล้วภาษาจะตามมาเอง”
ยกตัวอย่างของเพื่อนผม : เพื่อนผมมาเรียนอเมริกาแล้วไม่ชอบ reading เหมือนผม แต่เผอิญเค้าบ้านักร้อง boyband หรือ girlband ของเกาหลีอย่างเข้าไส้ เค้าเลยเริ่มจากไปนั่งอ่านกระทู้เกี่ยวกับวง girlgroup ต่างๆ ใน reddit อ่านไป เปิดพจนานุกรม(dictionary)ไป สรุปแล้วผ่านไป 1 ปีกลายเป็น admin page ดารา/นักร้องเกาหลีในไทยไปเลย เพราะได้ข่าวสารมาไวกว่าคนอื่น 555+
คราวนี้ ผมก็กลับมาถามตัวเองว่า “อะไรคือ สิ่งที่เราชอบที่สุดกันว่ะ”
คำตอบก็ออกมาคือ
- รถยนต์ไฟฟ้า
- เทคโนโลยี quantum (ควอนตัม)
- reusablity rocket(จรวดอวกาศที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้)
- เทคโนโลยี A.I. หรือ machine learning(ปัญญาประดิษฐ์)
- เทคโนโลยี cryptocurrency (Bit coin)
- การนั่งสมาธิ
- มือถือรุ่นใหม่ๆ
พอได้คำตอบเหล่านี้ออกมา ก็ถึงเวลา ตีวงแคบเข้ามาอีกหน่อย โดยถามตัวเองว่า “แล้วอะไรที่คนในอเมริกาทั่วไปเข้าถึงเยอะที่สุดในตอนนี้” หรือเรียกว่า ฮิตสุดๆ
คำตอบออกมา 2 อย่างคือ รถยนต์ไฟฟ้าและ เทคโนโลยี A.I. หรือ machine learning(ปัญญาประดิษฐ์)
รถยนต์ไฟฟ้านั้นออกไปทางรูปธรรมคือ จับต้องได้, สามารถเข้าถึงง่าย , ส่วนเทคโนโลยี A.I. นั้นเป็นนามธรรมคือ อยู่ใน internet และมีคนทำ content เยอะแล้ว ดังนั้น ผมก็เลยเลือกที่จะทำ content เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าแหละครับ
ทำไมถึงเลือกชื่อ blink drive?
ผม copy คำถามด้านบนนี้มาจากเพจ facebook ของผมเลยนะครับ อิๆ
เอางี้ ผมขอนำความหมายของ blink drive มาเฉลยให้อ่านละกันครับ
BLINK DRIVE นั้นเป็นอุปกรณ์ไฮเทคสุดๆในภาพยนตร์ซีรี่ย์นวนิยายแนว sci-fi ของค่าย Netflix ครับ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มต้นจากที่นักเดินทางอวกาศแต่ล่ะคนตื่นขึ้นมาจาก capsule pod(แค๊ปซูนแช่แข็ง) โดยไม่มีความทรงจำเก่าติดตัวมาเลย
แต่หลังจากเรื่องราวดำเนินไปได้ประมาณ 1 ซีซั่นแล้ว ความทรงจำต่างๆของคนที่อยู่บนยานราซ่า(raza)ก็เริ่มกลับมา ซึ่งพอมารู้ตัวอีกทีคือ ทุกคนบนยานนั้นเป็นผู้ร้ายต้องคดีอาชญากรรมรุนแรงทั้งสิ้น
เรื่องราวของซีรี่ย์เรื่องนี้จะไปพัวพันกับอุปกรณ์วิทยาศาตร์นานาชาติ เช่น nanites ในตัวนางเอกของเรื่องซึ่งเป็นเทคโนโลยีนาโนสุดทันสมัยสำหรับหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่สามารถปรับผิวหนังของหุ่นยนต์ที่เรียกว่า android ให้สามารถรักษาตัวเองได้เหมือนคน
ส่วนอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ทุกคนในจักรวาลต่างพลิกจักรวาล(จะใช้คำว่าแผ่นดินก็กลัวว่าจะเล็กไป ฮ๋าๆ) คือ Blink Drive นั่นเอง
BLINK DRIVE คืออะไร
การเดินทางในอวกาศในหนัง sci-fi เรื่องนี้และหนังภาพยนตร์ star trek นั้นใช้เทคโนโลยีเหมือนกันทั้งหมดคือ Jump หรือเรียกอีกอย่างว่า FTL (Faster-than-light) หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า การเดินทางเร็วกว่าแสง ซึ่งตัวยานนั้นจะทำการ FTL (หรือภาษาไทยที่คนเรียกติดปากคือ วาร์ป) จากจุด A ไปยังจุด B นั่นเอง การเดินทางผ่าน FTL นั้นในหนังอวกาศทุกเรื่องนั้นใช้ระยะเวลานาน เพราะว่าอวกาศนั้นไกลใหญ่ไพศาล จะเดินทางจากกาแล๊คซี่นึงไปยังกาแล๊คซี่นึงอาจจะต้องใช้ระยะเวลา 2-3 เดือนหรือมากกว่านั้น
แต่การใช้งาน blink drive นั้นแตกต่างออกไปสิ้นเชิงเลยครับ ก่อนอื่นเลย ลองนึกภาพง่ายๆว่า การเดินทางจากโลกเราไปยังดาวพลูโต(ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 7,500 ล้านกิโลเมตร)ด้วยความเร็วแสงนั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกับอีก 36 นาที (แสงเดินทางที่ความเร็ว 299,792 kilometers per second)
ที่มา : https://phys.org/news/2015-03-pluto.html
แต่การเดินทางโดยใช้อุปกรณ์ Blink Drive ในหนังซีรีย์ dark matter นั้นคือ การเคลื่อนย้ายยานหรือวัตถุจากจุด A ไปยังจุด B ด้วยความเร็วในการกระพริบตา 1 ครั้ง(blink แปลว่า กระพริบตา) ซึ่งตัวอุปกรณ์จะทำการบิดมิติต่างๆ (inter-dimesion) ออกเป็นแบบนี้
แทนที่เราจะเคลื่อนตัวเป็นเส้นตรง ก็สามารถย้ายตัวเองจากจุดเริ่มต้น(จุด A) ไปยังที่หมาย(จุด B) ได้โดยไม่ต้องเดินทางเลย หรือเรียกภาษาบ้านๆคือ เทเลพอร์ทนั่นเองครับ(อารมณ์เหมือนประตูไปไหนมาไหนของโดราเอมอนแหละครับ)
การเดินทางผ่านอุปกรณ์ Blink Drive นั้นมีความเสี่ยงสูงมากที่จะหลุดไปยังมิติข้างเคียงหรือมิติโลกคู่ขนาน หรือแม้กระทั่งหลุดไปยังอนาคตหรือไม่ก็อดีต เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟิสิกส์ ควอนตอม ที่นักวิทยาศาตร์ทั่วทั้งจักรวาลยังไม่สามารถหา solution ในการคิดคำนวณการใช้งานอุปกรณ์นี้ได้เลย ทำให้ยานในหนังนั้นหลุดไปอดีตบ้าง , ไปโลกคู่ขนานบ้าง มั่วกันไปหมดเลยครับ ฮ่าๆ แต่สุดท้ายคนในยานเริ่มเข้าใจการทำงานของระบบ blink drive และนำมันมาใช้ในการต่อสู้กับองค์กรต่างๆ ทั่วจักรวาลครับ
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับรถยนต์ไฟฟ้า?
ต้องย้อนกลับไปตอนเดือนตุลาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นปีแรกๆ ที่ผมเริ่มเข้าไปเขียนกระทู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าใน pantip นะครับ ตอนนั้นข่าวรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีอยู่น้อยมากๆ เรียกได้ว่า ไม่มีให้อ่านเหมือนที่อเมริกาเลย
แล้วต่อให้ข่าวทางฝั่งอเมริกาออกข่าวอะไรก็ตามเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าออกมา กว่าข่าวนั้นจะเข้ามาถึงประเทศไทยก็ปาไปประมาณ 2 – 3 อาทิตย์ และข่าวส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศมักจะถูกเพิกเฉยและไม่นำมาแปลลงเว็บข่าวในไทย
การเดินทางของข่าวรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศมาไทยมันจะหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
การแปลข่าวในปี 2561
ข่าวรถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศไปยังคนไทย : แหล่งข่าว –> สำนักข่าวท้องถิ่น –> สำนักข่าวประเทศอเมริกา –> สำนักข่าวไทยนำมาแปล –> สำนักข่าวไทยรออนุมัตงานแปล –> โพสได้!!(ผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์)
ข่าวรถยนต์ไฟฟ้าไฟไหม้ไปยังคนไทย : แหล่งข่าว –> อนุมัตภายใน 1 ชั่วโมง –> โพสเลย(ภายใน 10 ชั่วโมง ข่าวโผล่ทั่วไทย)
ตอนนั้นผมขยันเขียนกระทู้ลงเว็บ pantip มากๆ ครับ เรียกได้ว่า ออกกระทู้ใหม่ทุกเดือนเลย แต่ข้อมูลต่างๆ ที่ผมนำมาเสนอในเว็บ pantip ทั้งหมดมาจากเว็บต่างประเทศหมดเลยซะงั้น ไม่มีแหล่งข้อมูลที่ไทยเลย
แถมผมก็รู้สึกเสียดายแทนเด็กๆ รุ่นใหม่ว่า พวกเค้าไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้ข่าวสารจากต่างประเทศเป็นภาษาไทยกันเลยนะ (เอาจริงๆครับ กว่าผมจะอ่านภาษาอังกฤษคล่องก็อายุเกือบ 30 ปีแล้ว เพราะว่า อยู่ในไทยมันไม่ได้ใช้เยอะ จะขยันอ่านทำไมกัน ฮ่าๆ)
พอผมเขียนกระทู้ใน pantip ไปเรื่อยๆ แล้ว ก็เริ่มรู้แล้วว่า มีคนไทยหลายคนที่อยากรู้อยากเห็นเหมือนผมตอนเด็กๆ แต่พวกเค้าไม่สามารถทำความเข้าใจบทความภาษาอังกฤษได้ทั้งหมด ผมก็เลยอาสาเป็นนักแปลบทความมาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ยังไงละครับ
ดังนั้นคำว่า blink drive ในความหมายของผมคือ การนำข่าวเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นทั่วโลก วาร์ปมาสู่ประเทศไทยภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วันยังไงครับ
บทความต่างๆ ใน blink drive นั้นจะเป็นข่าวสดๆ ที่เพิ่งออกใหม่จากต่างประเทศ ถ้าผมมีเวลาเยอะ บางข่าวที่คุณเห็นนั้น ยังออกมาจากสำนักข่าวต่างประเทศไม่ถึง 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ซึ่งผมมองว่า มันควรจะมีเว็บแบบนี้อยู่ในประเทศไทยบ้างนะครับ ถ้าวันใด,มีเว็บไหนสามารถ update บทความรถยนต์ไฟฟ้าได้สดใหม่แบบนี้แล้วล่ะก็, blink drive จะขอหนีไปทำหน้าที่อื่นแทนครับและจะช่วยโฆษณาเว็บนั้น(เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า)ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้อ่านอีกด้วยครับ
ทำไมถึงอยากทำหน้าที่นี้?
ตอนเด็กๆ ผมยังจำได้ว่า ผมชอบหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมากๆ เลย ผมชอบอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ที่สุดเพราะจะมีบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีทั่วโลกมาโชว์ในฉบับกีฬาหรือเรียกอีกอย่างว่า ผมอ่านหนังสือพิมพ์แค่หน้านั้นหน้าเดียวครับ ฮ่าๆ ครั้นพอจะไปหยิบนิตยสารต่างประเทศเกียวกับเทคโนโลยีแถวร้านหนังสือ se-ed หรือ B2S ขึ้นมาอ่านก็อ่านไม่ออกครับ เห็นแต่ภาพแต่ไม่เข้าใจว่า ฝรั่งเค้าเขียนอะไรลงไปบ้าง
พอผมโตขึ้นมาและมาอยู่ต่างประเทศ ก็พบว่า เทคโนโลยีทั่วทุกมุมโลกมันไปไวมากๆ แต่แหล่งข่าวของไทยนั้น update ช้ามากๆ ครับ อารมณ์เหมือนการเดินทางจากโลกไปยังกาแล๊กซี่อันไกลโพ้นเลย ฮ่าๆ
ข่าวเทคโนโลยีต่างๆนั้นไม่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย ส่วนบางข่าวนั้นได้รับการแปลต่อเมื่อสำนักข่าวใหญ่ๆ ไปเสนอข่าวนั้นซะงั้น เช่น รถยนต์ไฟฟ้าระเบิด เป็นต้น ข่าวประเภทนี้ มาไวเหลือเกิน รถยนต์ไฟฟ้าระเบิดไม่ถึง 2 ชั่วโมง ข่าวดังทั่วไทยเลย 55+
บทส่งท้าย
ไม่ต้องห่วงว่า Blink Drive จะทำเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าไปจนตายนะครับ ถ้าผมคิดแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้วล่ะก็, ชื่อเว็บ, ชื่อfacebook page และชื่อ youtube channel จะออกมาในแนวรถยนต์ไฟฟ้าไปเลย เช่น EV Car in USA by Thai Boy, EVboy, CarNextGen, หรือ EV Car for future ประมาณนี้ครับ
ที่เพจมันไม่ได้ออกมาเป็นชื่อ(ด้านบน)เหล่านี้ เพราะผมไม่ได้เชื่อว่า Blink Drive จะเป็นตัวแทนแปลข่าวรถยนต์ไฟฟ้าครับ เราเริ่มต้นที่รถยนต์ไฟฟ้าครับ แต่วันใดวันนึงมีคนขึ้นมาเปิดเว็บเขียนแปลข้อความจากต่างประเทศได้ถูกต้อง(มีที่มาของข่าวอย่างชัดเจน ไม่ใช่นั่งเทียนเขียนแล้วไม่ให้ citation ยืนยันข้อมูลของข่าว)และแปลได้รวดเร็วกว่า Blink Drive แล้วละก็ เราก็จะสละบังลังอันนี้ให้ แถมจะโฆษณาเว็บนั้นให้ฟรีอีกๆด้วยครับ
เพราะเราเชื่อว่า เทคโนโลยีเหล่านี้มาไวและถ้ามันฮิตติดตลาดเมื่อไหร่ก็จะมีคู่แข่งทันที ซึ่ง BLINK DRIVE ไม่ต้องการแข่งกับใครครับ เราแค่ต้องการสร้างฐานข้อมูลให้เด็กๆ รุ่นใหม่เข้าถึงง่าย ถ้าอนาคตนี้ มีคนที่ทำเพจดีกว่าเรา , เข้าถึงข้อมูลได้ถูกต้องและรวดเร็วกว่าเรา
Blink Drive ก็จะขอลาไปสร้างประโยชน์ด้านอื่นๆ ให้แก่สังคมไทยครับ อย่างที่กล่าวมาด้านบนสุดนั้น ผมยังมีอีกหลากหลาย Topic(หัวข้อ)ให้เลือกเล่นครับ ยังมีข้อมูลอีกมากมายบนโลกใบนี้ที่ยังไม่มีการนำมาแปลเป็นภาษาไทย ดังนั้น Blink Drive ขออาสาเป็นทัพหน้าบุกลุยไปขว้าข้อมูลเหล่านั้นมาแปลเป็นภาษาไทยให้เด็กไทยรุ่นใหม่ได้ศึกษากันแหละครับ
ขอย้ำอีกรอบนะครับ จุดประสงค์ของ Blink Drive นั้นไม่ได้ต้องการล้มกิจการหรืออุตสาหกรรมรถยนต์ต่างๆ ของคนไทยที่มีมานานครับ เพจเราสร้างมาเพื่อบอกถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของต่างประเทศที่พัฒนาอย่างรวดเร็วเท่านั้น ส่วนท่านจะนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้งานด้านไหนนั้นสุดจะแล้วแต่ท่านเถอะครับ
อย่าลืมกด like ใน facebook ของเรานะครับเพราะว่าถ้าต้องการ……