Blink Blink
EV CarsFord

เปิดตัวฟอร์ดมัสแตงไฟฟ้าในนาม Mach-E มาพร้อมราคา 1.8 ล้านบาท($59,900)

หลังจากที่สัญญากับลูกเพจเอาไว้นานแสนนานว่า จะเขียนรีวิวรถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ด มัสแตงหรือชื่อใหม่ก็คือ Mach-E ให้อ่านหลังจากเปิดตัว วันนี้ก็ถึงเวลาคราวเหมาะแล้วที่จะให้ผมได้แสดงเล่าเรื่องราวที่ผมได้ไปศึกษามาให้อ่านกันนะครับ ก่อนอื่นเลย มารู้จักคำว่า mach-e กันหน่อยนะครับ

ไม่พัฒนาเครื่องยนต์น้ำมันต่ออีกแล้ว?

คุณ William Clay Ford Jr. ซึ่งดำรงตำแหน่งประธาน(Executive Chairman of Ford)บริษัทฟอร์ดมอเตอร์ได้กล่าวในงานเปิดตัวฟอร์ดมังแตงไฟฟ้าว่า ณ ปัจจุบันนั้น ลูกค้าเปลี่ยนแนวคิดในการซื้อรถไปอย่างสิ้นเชิง เค้าต้องการรถยนต์ที่เร็วและรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งแต่ก่อนคุณต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งคือ ถ้าจะรักษ์สิ่งแวดล้อมก็ไปซื้ออีโก้คาร์(eco car)มาขับ แต่ถ้าอยากเร็วก็ไปซื้อรถ sport (สปอร์ต)มาขับสิ แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ฟอร์ดจะพิสูจน์ให้ดูว่า รถเร็วๆ นั้นก็สามารถรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย เราไม่มีนโยบายในการพัฒนาเครื่องยนต์อีกแล้ว ดังนั้น แนวทางของฟอร์ดในอนาคตนั้นจะโฟกัสไปที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ยังไม่ทิ้งการขายรถยนต์น้ำมันแน่นอน

รูป : คุณ William Clay Ford Jr. (ซ้าย), กับ นายไอดริส เอลบา(ขวา)

งานนี้ เอาดาราหนังฟอร์มยักษ์มาเปิดตัวรถ

ถือว่า งานเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ดมัสแตงครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากๆ เพราะเชิญไอดริส เอลบามาเป็นพรีเซนเตอร์หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์รถรุ่นนี้ไปเลยครับ เค้าเคยเล่นหนังFast & Furious Presents: Hobbs & Shaw (เร็ว…แรงทะลุนรก ฮ็อบส์ & ชอว์) ซึ่ง ไอดริส เอลบามานั้นเล่นบทเป็นตัวร้ายของเรื่องยังไงละครับ

ประวัติไอดริส เอลบามา

ไอดริส เอลบา บางทีเราอาจจะรู้จักเขาจากบทบาทที่เขาแสดงเป็น เดอ เฟคโต้ หัวหน้าแก๊งค์ค้ายาแห่งบัลติมอร์ทางช่อง HBO ซึ่งเป็นผลงานซีรี่ส์ที่ได้รับการกล่าวขวัญเป็นอย่างมากคือเรื่อง The Wire ในปี 2005 เขาได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล Image Award สำหรับผลงานซีรี่ส์ของเขาซึ่งอีกครั้งทางช่อง HBO เอลบาได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Sometimes In April จากผู้กำกับการแสดง ราอูล เพค ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการทำลายพืชพันธ์ในราวันด้าช่วงปี 1994 ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาได้รับบทบาทนำ เอลบาแสดงเป็นทหารฮูตูซึ่งพยายามที่จะช่วยภรรยาชาวตูทซี่ของเขาและครอบครัวทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล Image Award สำหรับการแสดงของเขาอีกครั้งหนึ่ง

เอา Ken Block มาเทสรถให้

เคน บล๊อคก็มานะครับ งานนี้ ฟอร์ดจัดหนักคือ เชิญ เคน บล๊อคเจ้าพ่อรถดริฟของอเมริกามาร่วมเทสไดว์รถยนต์ไฟฟ้ามัสแตงด้วย โดยเจ้าตัวเผยว่า รถยนต์มัสแตงไฟฟ้าคันนี้มีระบบเบรค, การเข้าโค้งที่ดีเยี่ยมไปเลย และเค้าสารภาพกลางรายการเลยว่า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาสได้ขับรถยนต์ไฟฟ้า ทุกคนบนรถเซอร์ไพร์สหมดเลยครับ

รูปภาพ : นายเคน บล๊อค(ขวามือ)
วีดิโอ ดริฟ ของนายเคน บล๊อค

ชื่อ Mach-e มาจากไหน?

Mach-E นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่รุ่นเดอะคือ Ford Mach 1 หรือ ฟอร์ดมัสแตงรุ่นแรกของโลกนั่นเองครับ

ฟอร์ด มัสแตงรุ่นแรก ปี 1969

ที่มา : wikipedia

ภาพร่าง : ฟอร์ด มังแตงไฟฟ้า(Mach-E)

ระบบชาร์จไฟ DC charging 150 kW

รูปภาพ : ford mustang Mach-E

ฟอร์ดนั้นแถมที่ชาร์จไฟบ้านมาให้เป็นขนาด 240 โวล์ท, 48 แอมป์ ซึ่งสามารถเติมพลังงานให้กับรถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ด มัสแตง(Mach-E)ที่ 51 km ต่อชั่วโมง(ไม่เลวเลยทีเดียวครับ) ส่วนการชาร์จไฟกับสถานีชาร์จไฟนอกบ้านนั้นสามารถชาร์จไฟ(DC charging )ได้สูงสุดถึง 150 kW ต้องผิดหวังกับตัวเลขนี้หน่อยนะครับ เพราะตัวปอร์เช่และเทสล่านั้นทำได้มากถึง 250 kW ไปเสียแล้ว แต่ถึงกระนั้นเองฟอร์ดบอกว่า การชาร์จไฟเพียง 10 นาทีจากสถานีชาร์จไฟนอกบ้านนั้นจะสามารถเพิ่มระยะทางการวิ่งให้กับรถได้ถึง 47 ไมล์ หรือ 75 km ซึ่งสามารถเอามาวิ่งในระยะสั้นๆต่อได้ครับ (น้อยไปนิดนะเรา)

รูปภาพ : สาวสวยกับรถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ดมัสแตงและ ที่ชาร์จไฟบ้าน

ที่มา : motor1

อเมริกาจะสถานีชาร์จไฟครบ 12,500 แห่งภายในปีหน้า

ถึงกระนั้นเอง ฟอร์ดได้ออกมายืนยันกับตนเองผ่าน live สดเมื่อวานว่า ปีนี้อเมริกาจะมีสถานีชาร์จไฟมากถึง 12,500 สถานีและจะครบคลุมพื้นที่เกือบทุกส่วนของประเทศอเมริกา ดังนั้นแล้วการที่วางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในปีหน้า ถือว่าเป็นเรื่องดีแน่นอน(สำหรับชาวอเมริกา)

วิ่งได้ 300 ไมล์(482 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้งแน่นอน

ฟอร์ดออกมายืนยันว่า รถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ด มัสแตง(Mach-E)นั้นสามารถวิ่งได้ไกลถึง 300 ไมล์หรือ 482 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้งอย่างแน่นอน แบบนี้ต้องรอดูตัวจริงปีหน้านะครับว่า ฟอร์ดจะทำได้อย่างที่พูดหรือป่าว

แบตเตอร์รี่

รถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ด มัสแตง Mach-E แบ่งออกเป็นสองรุ่นหลักคือ รุ่นธรรมดา (standard-range) มาพร้อมแบตลิเธียมไอออนขนาด 75.7 kWh ซึ่งจะสามารถให้ range(ระยะทางที่วิ่งได้) ประมาณ 230 ไมล์ (370 km) และอีกรุ่นคือรุ่นระยะไกล(extended-range) มาพร้อมแบตลิเธียมไอออนขนาด 98.8 kWh ซึ่งจะสามารถให้ range(ระยะทางที่วิ่งได้) ประมาณ 300 ไมล์ (483 km)

ภาพจาก foxnews : ใต้ท้องรถฟอร์ดมัสแตงไฟฟ้า

ฟอร์ดยังบอกอีกว่า โครงสร้างแบตและประเภทแบตที่นำมาใช้กับฟอร์ด มัสแตงไฟฟ้าคันนี้นั้นจะเป็นแบตรุ่นเดียวกันกับที่จะนำไปใช้กับรถกระบะไฟฟ้าฟอร์ด F-150 อีกด้วยครับ

ฟอร์ดยังบอกอีกว่า ใช้เทคโนโลยีใหม่(เหมือนกับเทสล่า)คือเป็นระบบระบายความร้อนแบบ liquid-cooled ซึ่งระบบนี้จะทำงานเหมือนแอร์และฮีทเตอร์(ตัวทำความร้อน)เพื่อปรับอุณหภูมิคงที่ให้กับแบต อย่างที่รู้ๆ กันคือ แบตรถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็น ลิเธียมซะส่วนใหญ่และลิเธียมนั้นกลัวอากาศหนาวจัดและร้อนจัดครับ ตัวระบบนี้จะช่วยรักษาอุณหภูมิแบตให้คงที่เพื่อยืดอายุการใช้งาน (life cycle)ของแบตออกไปเหมือนที่เทสล่าทำเอาไว้ครับ

ไม่มีเครื่องยนต์ ทำให้ใส่ของได้มากขึ้น

ข้อดีอย่างหนึ่งของรถยนต์ไฟฟ้าคือไม่มีเครื่องยนต์ ส่วนมอเตอร์นั้นถูกติดตั้งภายในห้องโดยสาร ทำให้เหลือพื้นที่มากมายภายในฝากระโปรงหน้ารถครับหรือฝรั่งเค้าเรียกว่า frunk ย่อมาจาก (front truck)

โดย fruck (อ่านว่า ฟรังค์)ของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้สามารถใส่ของได้มากถึง 4.8 คิวบิคฟุต และฟอร์ดยังออกแบบเอาใจแม่บ้านโดยการทำให้ที่เก็บของนี้เป็นแบบถ่ายเทน้ำออกได้ เพราะเวลาเราซื้อผักหรือของสดที่ตลาด(อย่างที่อเมริกานั้น คนที่นี่ชอบซื้อปลาสดหรือเนื้อสดแช่แข็งและเค้าจะแถมน้ำแข็งมาให้ด้วยเพื่อของเหล่านั้นคงความสดใหม่ครับ ซึ่งพอเราขับรถกลับถึงบ้าน น้ำแข็งที่แช่เนื้อสัตว์เหล่านี้มักจะละลายออกครับ ผมเคยโดนกับรถตัวเอง เหม็นมากๆ เลย) ดังนั้นถ้าช่องเก็บของเลอะ เราก็สามารถเอาสายยางมาฉีดล้างออกได้สบายๆ ครับ ช่องเก็บของนี้ทำจากพลาสติกทั้งหมด ไม่กลัวเปียกแน่นอนครับ อิจฉาว่ะ ทำไมรถยนต์ไม่ทำที่เก็บของพลาสติกที่สามารถล้างได้แบบนี้บ้างวะ

รูปภาพ frunk

ด้านจับประตูแบบแนบชิดสนิทกับตัวรถ

ภาพจาก foxnews : ประตูหน้าและประตูหลัง

ประตูของมัสแตงไฟฟ้าคันนี้(mach-E)นั้นเป็นประตูระบบใหม่ทั้งหมด (ยังไม่เคยใช้กับรถรุ่นไหนในบริษัทมาก่อนเลย)คือ เป็นแบบกดปุ่ม หลังจากกดปุ่มไปแล้ว ประตูจะแง้มออกมาประมาณ 1 นิ้วจากนั้นเราสามารถใช้มือไปจับที่จับประตู(อันเล็กๆในภาพ)เพื่อเปิดประตูครับ ส่วนประตูหลังก็เป็นระบบกดปุ่มเช่นกัน จากนั้นก็เอานิ้วมือยื่นเข้าไปในบานประตูเพื่อทำการเปิดประตูครับ ที่ฟอร์ดสร้างประตูแบบนี้ขึ้นมาเพราะว่าป้องกันเด็กมากระชากประตูเปิดเล่นๆ นะครับ แล้วเค้าไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุกับเด็กๆ เนื่องด้วยเด็กๆ นั้นซนมากๆ เห็นประตูก็พุ่งเข้าหาเพื่อดึงเปิดเล่น ฟอร์ดก็เลยออกแบบประตูซ่อนที่จับประตูเอาไว้เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่เป็นคนสั่งการรถในการเปิด-ปิดประตู โดยผู้ใช้งานสามารถสั่งเปิดประตูให้แง้มออกมาผ่านแอ๊ฟในมือถือ smart phone ของตนได้ยังไงละครับ

ถึงประตูจะเป็นระบบไฟฟ้าก็ตาม แต่ถ้าไฟฟ้าในรถถูกตัดออกเมื่อไหร่ ประตูทุกบานจะปลดล๊อคอัตโนมัติ นี่เป็นหนึ่งในความปลอดภัยที่ฟอร์ดตั้งใจใส่เข้ามาครับ

ที่มา : foxnews

เทคโนโลยีภายในรถ

ภาพจาก businessinsider
ภาพจาก motor1

เป็นที่รู้กันว่า รถยนต์คันนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมาแข่งกับ Tesla Model 3 หรือ Model Y ที่กำลังจะออกวางขายปีหน้า(2563)นะครับ

ดังนั้นภายในจึงอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีระดับเดียวกันกับเทสล่า เช่น จอแสดงผลขนาด 15.5 นิ้ว(แนวตั้ง) และจอแสดงผลหน้าคนขับขนาด 10.1 นิ้ว ยังไงผมจะเจาะจงอธิบายระบบตัวนี้แบบลึกสุดๆไปเลยนะครับ

จอตรงกลางที่ให้ความเยอะสะใจมามากถึง 15.5 นิ้วนี้เป็นระบบสัมผัสเหมือนเทสล่าโมเดลเอสเลยนะครับ ซึ่งการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันนั้นก็มาแนวนี้กันหมดแล้วครับ ตั้งแต่ tesla model s, tesla model X, Tesla Model 3, Polestar 2, และ Rivian R1T ครับ

ภาพ : หลังคารถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ด มัสแตงแบบ panoramic sunroof ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับ Tesla model 3

เลือกโปรไฟล์ในการใช้งาน

หน้าจอ Profile ของรถ

ผมเชื่อว่ารถยนต์สมัยใหม่นั้นมีระบบที่สามารถเลือกโปรไฟล์ในการขับขี่ เช่น ถ้าพ่อคุณมาขับรถคุณก็กดปุ่ม “profile 1” ซึ่งตำแหน่งเบาะและตำแหน่งของกระจกมองข้างก็จะปรับให้กลายเป็นของ “profile 1” สมมุติตกเย็นมา แม่คุณเอารถคุณไปใช้ก็กดปุ่ม memory profile ตำแหน่งที่ 2 ขึ้นมาใช้ เบาะรถและกระจกมองข้างก็จะปรับไปเป็นตำแหน่งที่สอง ระบบนี้จะทำให้เราไม่ต้องมากะระยะเบาะรถหรือกระจกมองข้างของเราทุกครั้งที่เราขึ้นมาใช้งานรถต่อจากอีกคนยังไงละครับ

แต่ของฟอร์ดมัสแตงไฟฟ้านั้นแตกต่างออกไปคือ ระบบโปรไฟล์เหล่านี้สามารถสร้างได้มากถึง 20 โปรไฟล์ และการทำงานโปรไฟล์ของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้จะละเอียดขึ้นไปอีกคือสามารถปรับแต่งรถยนต์ตามใจโปรไฟล์ของผู้ใช้งานได้ดังนี้

  • ตำแหน่งเบาะ(รถทั่วไป)
  • กระจกมองข้าง(รถทั่วไป)
  • โช๊ครถ(ความนิ่มหรือแข็ง)
  • โหมดการขับขี่ : อีโก้(ประหยัด), comfort(นุ่ม), sport(โหมดซิ่ง)
  • เพลงที่ฟัง(เพลงจะกลับไปเล่นอัลบั้มของโปรไฟล์ผู้ใช้งานคนนั้นเท่านั้น)
  • มือถือจะทำการเชื่อมต่อทันที : โหมดนี้ดีอย่างมาก เพราะ phone contact(รายชื่อผู้ติดต่อ)ในมือถือและ call history (ประวัติการโทร)จะแสดงผลในรถทันที

หมายเหตุ : การปรับเปลี่ยนโปรไฟล์นั้นจะเป็นไปตามมือถือหรือ key fob(กุญแจรถ)ที่เข้ามาใช้งานรถเหมือนกับเทสล่าครับ กุญแจรถยนต์ไฟฟ้า ณ ปัจจุบัน คือมือถือไปแล้วครับ(tesla , volvo, GM, ford ใช้ระบบนี้หมดแล้ว) ถ้าใช้มือถือเครื่องไหนปลดล๊อครถ โปรไฟล์ของรถจะปรับเปลี่ยนไปตามมือถือเครื่องนั้นครับ

ส่วนปุ่มวงกลมใหญ่ๆกลางจอนั้นเป็นปุ่มจริงนะครับ (เห้ยเท่ห์เลยว่ะ) ปุ่มนี้จะเป็น hardware ตัวนึงในการควบคุมแอร์ของรถนะครับ(ซึ่งอนาคตอันใกล้นี้ฟอร์ดแง้มบอกว่า จะพัฒนาระบบ software ของรถให้สามารถเพิ่มฟังชั่นการใช้งานให้กับปุ่มนี้มากขึ้นไปอีกครับ

สาธิตการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามัสแตง

ระบบนำทางแบบ real-time

ระบบนำทางของรถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ด มัสแตง(Mach-E) นั้นเป็นแบบ real time traffic(การจราจรที่ update เข้าถึงปัจจุบันทันด่วน) ฟอร์ดยังบอกอีกว่า ระบบของเค้านั้นสามารถจับทิศทางการจราจรได้ทุกมิติ ไม่ว่าถนนแถวนั้นจะรถติด, มีรถชน, หรือซ่อมทาง ก็สามารถรับรู้ได้ผ่าน Syn4 ของฟอร์ดนั่นเอง (จริงๆ ข้อมูล traffic ของอเมริกานั้นจะอยู่กับ google หรือ waze ซะเป็นส่วนใหญ่ อันนี้ผมไม่ฟันธง แต่ขอเดาว่า ฟอร์ดได้เจรจาขอซื้อข้อมูลแบบ real-time กับ google เอาไว้แล้ว ซึ่งเทสล่าก็ทำวิธีนี้มาก่อนเช่นกัน)

SYNC™4 คืออะไร

ฟอร์ดนั้นพัฒนาระบบ enformation ของรถมานานแล้วครับ ณ ปัจจุบันนั้นรถยนต์ฟอร์ดมีระบบ Syn3 กันหมดแล้ว(ในรุ่นท๊อป)

SYNC™ 3 ให้คุณเพลิดเพลินกับคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมต่างๆ ของ SYNC พร้อมเทคโนโลยีสั่งการด้วยเสียงล่าสุดของเรา ดีไซน์ใหม่ที่ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น อินเทอร์เฟซใหม่ คุณสมบัติใหม่ สัมผัสกับความสามารถในการเชื่อมต่อในอีกระดับของ SYNC 3 ที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายยิ่งขึ้นกว่าที่เคย – ที่มา Ford

ภาพจาก Sean O’Kane / The Verge

ระบบSYNC™4 นั้นจะเปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้าของคุณให้กลายเป็น smart car เช่นบอกข้อมูลการจราจร, พยากรณ์อากาศ, ควบคุมรถผ่านเสียง, และมีระบบขับขี่อัตโนมัติซึ่งฟอร์ดบอกว่า จะเปิดให้ใช้ฟรีๆ ทันทีที่ซื้อรถไป(ของเทสล่าต้องเสียเงินเพิ่ม 150,000 บาท($5,000) เพื่อ activate(ทำการใช้งาน)) ส่วนข้อมูลอื่นๆนั้นฟอร์ดยังอุบเงียบอยู่

แต่ที่สำคัญคือ ฟอร์ดยังใช้ระบบ Android Auto และ Apple Car Play จากการเชื่อมต่อมือถือผ่าน USB Type A หรือ Type C อยู่นะครับ ดังนั้นแล้วผู้ใช้งานทุกคนยังสามารถใช้งานฟังชั่นเหล่านี้ได้อยู่ครับ

โดย SYNC™ 4 นี้จะนำมาใช้กับหน้าจอ 15.5 นิ้วในรถยนต์ไฟฟ้าฟอร์ดมัสแตง (Mach-e) เป็นคันแรกของโลกซึ่งหน้าตาของ SYNC™4 จะเปลี่ยนใหม่หมดจดไปตลอดกาล แถมระบบSYNC™4 นี้ยังจะเป็นระบบ Software ที่สามารถทำ OTA ได้อีกด้วย

มาพร้อมระบบ update OTA

ระบบ update OTA (Over the Air) หรือเรียกอีกอย่างว่า การอัพเด็ทรถผ่าน wifi หรือ internet 4G หรือ 5G นั้นเป็นเรื่องปกติของรถยนต์ไฟฟ้าทุกคันไปแล้วครับ รถยนต์ไฟฟ้ามัสแตง (mach-e) คันนี้สามารถ update ผ่าน wifi หรือ sim card ของรถได้ตลอดเวลาครับ ซึ่งฟอร์ดยังโม้เบาๆว่า รถคันนี้จะฉลาดขึ้นทุกอาทิตย์เพราะหน่วยงาน I.T. ของเราจะส่ง update ให้กับรถทุกคันที่พวกคุณซื้อไปใช้งานเกือบทุกอาทิตย์

ถ้าใครนึกไม่ออกก็นึกถึงไอโฟนเรานี่แหละครับ ที่ส่ง software มาให้เรา update ทุกๆ 2-4 อาทิตย์ ซึ่งทุกครั้งที่ update เสร็จ UI (User Interface) หรือ App ต่างๆ ในมือถือของเราก็จะทำงานได้ดียิ่งขึ้นยังไงละครับ

ราคา

  • รุ่น First edition (รุ่นเปิดตัว) ราคาเริ่มต้นที่ 1.8 ล้านบาท ($59,900)
    • ขับเคลื่อน 4 ล้อ
    • ล้อแม๊คขนาด 19 นิ้ว
    • อัตราเร่ง 0-96 km/h ภายใน 5 วินาที
    • วิ่งได้ไกลถึง 270 ไมล์ (434 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
    • วางขาย : กลางปี 2563(2020)
  • รุ่น Select ราคาเริ่มต้นที่ 1.31 ล้านบาท ($ 43,895)
    • ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 2 ล้อ
    • ล้อแม๊คขนาด 18 นิ้ว
    • อัตราเร่ง 0-96 km/h ภายใน 5 วินาที
    • วิ่งได้ไกลถึง 230 ไมล์ (370 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
    • วางขาย : ปี 2564(2021)

  • รุ่น พรีเมี่ยม ราคาเริ่มต้นที่ 1.51 ล้านบาท ($ 50,600)
    • ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 2 ล้อ
    • ล้อแม๊คขนาด 19 นิ้ว
    • อัตราเร่ง 0-96 km/h ภายใน 5 วินาที
    • วิ่งได้ไกลถึง 300 ไมล์ (483 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
    • วางขาย : กลางปี 2563(2020)

  • รุ่น แคลิฟอร์เนีย รูท(california Route 1) ราคาเริ่มต้นที่ 1.51 ล้านบาท ($ 50,600)
    • ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 2 ล้อ
    • ล้อแม๊คขนาด 19 นิ้ว
    • อัตราเร่ง 0-96 km/h ภายใน 5 วินาที
    • วิ่งได้ไกลถึง 300 ไมล์ (483 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
    • วางขาย : กลางปี 2563(2020)
  • รุ่น จีที(GT) ราคาเริ่มต้นที่ 1.81 ล้านบาท ($ 60,500)
    • ขับเคลื่อน 4 ล้อ
    • ล้อแม๊คขนาด 19 นิ้ว
    • อัตราเร่ง 0-96 km/h ภายใน 3 วินาที
    • วิ่งได้ไกลถึง 235 ไมล์ ( 378 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
    • วางขาย : กลางปี 2564(2021)

ส่วนใครก็ตามที่ต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ต้องวางเงินมัดจำก่อนเท่านั้น ซึ่งก็ประมาณ $500 หรือ 15,000 บาทครับ ส่วนการสั่งซื้อนั้นเป็นระบบ online ทั้งหมด ดังนั้นฟอร์ด มัคอีคันนี้จะไม่มีการวางขายหน้า show room ของฟอร์ดนะครับ ใครอยากซื้อก็ไปสั่งซื้อ online เอา ซึ่งผมมองว่า อนาคตนี้ ค่ายรถยนต์ทุกค่ายก็จะหันไปใช้ระบบนี้กันครับ เพื่อตัดพ่อค้าคนกลางออกไปครับ (ตามเทสล่าชัดๆ)

ที่มา Ford

ที่มา : วิดีโอเปิดตัวฟอร์ดมังแตงไฟฟ้า (มัคอี)

BLINK DRIVE TAKE

เรื่องสเปคมอเตอร์แรงแค่ไหนหรือแรงบิดนั้นเทียบเท่าอะไร ผมมองว่า เว็บไทยหลายเว็บนั้นเล่ารายละเอียดได้ดีกว่าผมมากๆ ดังนั้นเพจผมจึงเน้นหนักไปเรื่องประโยชน์ใช้สอยและฟังชั่นต่างๆของรถนะครับ

เรื่องรถยนต์ไฟฟ้านั้นสำหรับคนอเมริกาเค้ามองเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างมากครับ เล่นออกรุ่นใหม่ทุกๆ 1-2 เดือนกันแบบนี้ แถมค่ายที่ออกรถยนต์ไฟฟ้ารอบนี้ก็เป็นค่ายยักษ์ใหญ่ของอเมริกาซะด้วย คนอเมริกาเค้าเตรียมตัวกันอย่างดีเลย คือพยายามเฝ้ารอปีหน้าเพื่อที่จะ shopping รถคันใหม่กันแหละครับ

วันนี้ผมมีเรื่องเล่ามาเล่าให้ฟังแหละครับ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2547

ปีนั้นเป็นปีที่ประเทศไทยพบกับหายนะครั้งใหญ่คือ สึนามิ

เรื่องภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์ใต้ทะเลครั้งนี้ที่ทำให้เกิดความสูญเสียและความเสียหายอย่างมากมายมหาศาลครั้งนี้ ก็เพราะเราตั้งอยู่ในความประมาท!

เอาแต่หวังผลเลิศทุกประการ! แต่ไม่เตรียมรับผลร้ายที่สุดทุกประการ! นั่นเอง

อย่างนี้เรียกว่าตั้งอยู่ในความประมาทโดยแท้! เมื่อเกิดภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์ครั้งนี้ ความสูญเสียจึงมากมายมหาศาลอย่างที่ไม่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อนเลย!

จริงอยู่บ้านเมืองเราไม่เคยได้ประสบกับภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์ใต้น้ำสึนามิมาก่อนก็จริง!

แต่มีผู้ที่ได้เคยเตือนให้ระมัดระวังเรื่องภัยพิบัติอันเกิดจากคลื่นยักษ์นี้มาแล้ว ถึงสองครั้งสองหน แต่ไม่มีใครสนใจสดับตรับฟังคำเตือนดังกล่าว!

ผู้ที่กล่าวเตือนนั้น ไม่ใช่ใครอื่น คืออดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา คือคุณสมิทธ ธรรมสโรช ได้เตือนว่าภัยพิบัติจากคลื่นสึนามิ อาจเกิดขึ้นแถวบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศเรา

คุณสมิทธ ได้เตือนครั้งแรก เมื่อเดือนกันยายน 2536 เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ครั้งนั้นเกิดคลื่นสึนามิ เข้าซัดชายฝั่งประเทศนิการากัว ทำให้ผู้คนจำนวนหลายล้านคน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย คนตายบาดเจ็บและสูญหาย รวมกันแล้วมีจำนวนเหยียบหมื่นทีเดียว

ครั้งที่สอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2541 คราวนี้คุณสมิทธได้พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงคมนาคมแล้วก็ตาม เมื่อคลื่นสึนามิพัดเข้าฝั่งตอนเหนือของปาปัวนิวกินี มีผลให้หมู่บ้านในบริเวณนั้นถูกทำลายราบเรียบไปหมดเป็นบริเวณกว้าง มีคนตาย 2 พันกว่าคน ครั้งนี้คุณสมิทธก็ได้มีหนังสือเตือนภัยจากคลื่นยักษ์แบบนี้เป็นครั้งที่สอง

ไม่ใช่มีหนังสือเตือนภัยเฉยๆ คุณสมิทธยังได้เสนอแนวทางปฏิบัติในกรณีเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ไว้ถึง 10 ประการ รวมถึงมีการเตรียมการฝึกซ้อมรับภัยจากคลื่นยักษ์นี้ด้วย

เมื่อพิจารณาจากข้อเสนอแนะดังกล่าว จะเห็นได้ว่า อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาผู้นี้ เป็นผู้ที่ศึกษาอย่างจริงจัง จนสามารถรอบรู้ลักษณะต่างๆ ของภัยพิบัติอันเกิดจากคลื่นใต้น้ำประเภทนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

เช่น คุณสมิทธได้เขียนเตือนไว้ในข้อเสนอแนะข้อหนึ่งว่า เมื่อสังเกตเห็นว่าระดับน้ำทะเลลดลงอย่างรวดเร็ว ให้เตรียมตัวหนีได้แล้ว เพราะคลื่นยักษ์กำลังพัดตามเข้ามาแล้ว

หรืออีกข้อหนึ่งคุณสมิทธเตือนไว้ว่า คลื่นสึนามิ มีหลายระลอกด้วยกัน ดังนั้น เมื่อประสบกับคลื่นระลอกแรก ให้รออยู่ก่อนอย่ารีบลงไปชายหาด เพราะจะมีคลื่นระลอกหลังตามมาอีก

หรือคุณสมิทธเขียนไว้ว่า ถ้าอยู่ในเรือกลางทะเล หรือจอดอยู่ในอ่าวก็ให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เพราะคลื่นสึนามิเมื่ออยู่กลางทะเลจะมีขนาดเล็กไม่มีพิษไม่มีภัย แต่เมื่อซัดเข้าเกือบถึงชายฝั่งแล้วจึงกลายเป็นคลื่นยักษ์มีฤทธิ์มีเดชทำลายล้างได้ อย่างมหาศาล

ลักษณะดังกล่าวล้วนตรงกับสภาพซึ่งผู้ประสบภัยพิบัติครั้งนี้ได้กล่าวยืนยันว่า ได้เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น! แสดงว่าคุณสมิทธเป็นผู้รู้จริงและรู้ล่วงหน้า ได้เคยเตือนมาก่อนแล้วทั้งนั้น!

นอกจากนี้คุณสมิทธยังทำบันทึกเสนอรัฐบาลในสมัยนั้น ให้ริเริ่มติดตั้งเครื่องสัญญาณเตือนภัยจากคลื่นสึนามิ ทางด้านทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดีย

แต่คำเตือนและบันทึกของคุณสมิทธ นอกจากจะถูกละเลยไม่มีใครสนใจแล้ว ตัวคุณสมิทธยังถูกชี้หน้าว่า เป็นผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง คิดจะทำลายธุรกิจการท่องเที่ยว ขนาดประกาศไม่ให้คุณสมิทธเข้าเมืองภูเก็ตเลยทีเดียว!

ผู้ที่มองข้ามคำเตือนของคุณสมิทธเช่นนี้ เป็นผู้ตั้งอยู่ในความประมาทโดยแท้!

ที่มา : บทเรียนจากสึนามิ ผู้จัดการ ออนไลน์

เหตุการณ์สึนามิที่ไทย

เจตนารมณ์ของเพจนี้ เป็นเพียงเครื่องส่งสัญญาณเตือนภัยจากคลื่นสึนามิ (เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าจากฝั่งตะวันตก)ครับ ไม่ได้ตั้งใจ ที่จะบอกให้ทุกคนเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าในทันที หรืออุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านเราควรจะเปลี่ยนไปในทันที แต่เจตนาหลักของเพจผมคือ แจ้งเตือนภัยว่า คลื่นลูกนี้ที่ก่อตัวฝั่งอเมริกานั้นกำลังจะพัดมายังประเทศอื่นๆและบ้านเราในเร็วพลันแล้วนั้น การที่trendมันมาแบบนี้ ทุกคนควรต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับตัว แต่ก็ไม่ทอดทิ้งใครไว้เบื่องหลัง ทั้งนี้ ทางภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันหาทางออกโดยเร็ว โดยที่ทุกฝ่าย win-win แต่ทางที่ดีคือ พวกเราควรที่จะมีความพร้อม เพื่อที่จะรับมือกับ trend และ technology ใหม่ๆในอนาคตครับ เพราะฉนั้น ผมจะนำเรื่องราวดีๆ และเป็นประโยชน์เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยียานยนต์มานำเสนอต่อทุกๆคนเรื่อยๆ เผื่อมันอาจจะจุดประกายใครหลายๆคน ให้ตื่นตัวกับเรื่องนี้ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ

STAY TUNE, STAY WITH BLINK DRIVE

Follow by Email