Site icon Blink Drive

จีนผลิต Tesla Model 3 ได้แล้วนะ

สวัสดีครับ กระทู้นี้ ผมจะเน้นเรื่องการผลิตและการส่งมอบรถนะครับ ส่วนเรื่องราคานั้น ผมจะนำมา update ให้อ่านในกระทู้ถัดไปครับ ณ ปัจจุบันราคาเทสล่า โมเดล 3 อยู่ที่ 1.64 ล้านบาทอย่างที่ผมเคยกล่าวในกระทู้ “เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model 3 รุ่น Made in China ราคา 1.64 ล้านบาท (¥328,000)” อิจฉาคนจีนขึ้นมาอีกหน่อยแล้วไหมครับ?

Trial production(ทดสอบผลิต)

ทางเทสล่าได้ออกมายืนยันว่า รถยนต์ไฟฟ้า Tesla model 3 ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนแล้วมี logo ภาษาจีนทุกคันนั้นเป็นคันที่ทดสอบผลิตครับ ตอนนี้ โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla gigafactory 3 ของจีนนั้นอยู่ในขั้นที่พร้อม 100% แล้ว พร้อมในที่นี่คือ ประกอบตัวถังเองได้แล้ว, พ่นสีรถได้แล้ว, ปั้มbody รถเองได้แล้ว, เป็นต้น

ส่วนสิ่งที่ทำให้ยังไม่สามารถผลิตได้นั้นคือ manufacturing certification จากทางรัฐบาลจีนซึ่งเทสล่ากำลังพยายามดำเนินเรื่องอยู่ คาดว่าจะได้ใบจดทะเบียนการประกอบรถมาภายในสิ้นปีนี้ครับ หลังจากได้ใบนี้มาแล้วจึงจะสามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าให้แก่ประชาชนจีนได้ครับ

ทีมา : electrek

รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่นผลิตจีน

กำลังการผลิต

อีลอนเคยกล่าวเอาไว้ว่า กำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model 3 และ Model Y (รถรุ่นนี้จะผลิตที่จีนด้วยครับ เริ่มผลิตช่วงเดือนเมษายนปีหน้า) จะอยู่ที่ 1,000 คันต่อสัปดาห์ และ Tesla Global VP นาย Grace Tao ออกมายืนยันแล้วว่า โรงงาน gigafactory 3 แห่งนี้จะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากถึง 3,000 ต่อสัปดาห์ภายในปีหน้า

รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่นผลิตจีน

อีกเรื่องนึงที่อยากให้จับตามองคือ เรื่องค่าแรงครับ ค่าแรงในอเมริกานั้น(ขั้นต่ำ)อยู่ที่ $100 (3,000 บาท)ต่อวัน พอย้ายมาผลิตที่จีน(จ้างคนเท่าเดิม) เชื่อว่า ต้นทุนตัวนี้จะหายไปเยอะ ทำให้เทสล่าได้กำไรจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นแน่นอน และไม่แน่เทสล่าอาจจะสามารถปรับราคารถยนต์ไฟฟ้าลงมาตลาดล่างแข่งกับรถญี่ปุ่นได้ภายใน 1-2 ปีนี้ก็เป็นได้ครับ อารมณ์เหมือน iphone ย้ายฐานผลิตจากอเมริกาไปจีนแหละครับ (ต่างกันตรงที่ iphone นั้นมีราคาแพงขึ้นทุกวัน เพราะติดตลาดแล้ว ฮ๋าๆ)

วิดีโอการประกอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ที่จีน

ที่มา : Teslarati

Tesla รุ่นผลิตจีนจะเหนือกว่ารุ่นปัจจุบัน

อันนี้ผมเชื่อครับ เพราะผมรู้มาว่า Tesla Model 3 รุ่นผลิตที่จีนนั้นได้เซ็นสัญญาพัฒนาแบตร่วมกับ LG Chem และ CATL ไปแล้ว ซึ่งมีข่าวออกมาว่า รุ่นผลิตที่จีนจะมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นผลิตอเมริกาถึง 11 %

เทสล่ารุ่นผลิตที่จีนนั้นไม่ใช่รุ่น copy and paste (ไม่ได้ copy ทั้งดุ้นแล้วนำมาผลิตต่อที่จีน) แต่เป็นการพัฒนาชิ้นส่วนภายในต่างๆ จากทีมเทสล่าของจีนให้ออกมาได้ดีกว่าเดิม ผมกล้ายืนยันเลยว่า “รุ่นที่ผลิตที่จีน จะมีคุณภาพเหนือกว่ารุ่นนำเข้าจากอเมริกา

ข้อความแปลจาก cyfoxcat (เว็บ weibo)

นี่คือ ภาพถ่ายจาก cyfoxcat ที่เค้าอ้างว่าเป็นเครื่องหมายยืนยันว่า การประกอบตัวถังจากโรงงานของจีนนั้นเหนือกว่าการประกอบตัวถังจากฝั่งอเมริกา(ผมเพียงเอาข้อมูลมาให้ดูนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะเห็นตัวจริงภายในต้นปีหน้าเนอะ) ไอ่ cyfoxcat นี่ออกตัวโดยไม่ดึงเบรคมือเลย ไม่กลัวพลาดเลยเนอะ ฮ่าๆ

ส่วนนาย Ray4Tesla ซึ่งเป็นนักรีวิวรถยนต์ของจีน(สำนักข่าว Tencent Auto) ซึ่งปัจจุบันตัวแกก็ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 (ตัวนำเข้า)มาใช้งานอยู่แล้ว แต่พอแกได้มาขับรุ่นที่ “ผลิตจีน” แกบอกได้เลยว่า คุณภาพนั้นคับแก้วอย่างมาก , นุ่นกว่า, เร็วกว่า, เสียงรบกวนน้อยกว่า รุ่นปัจจุบันที่แกใช้งานอยู่ครับ

Tesla รุ่นผลิตจีน พร้อมบุกอินเดียปีหน้า

คราวนี้ก็มีลูกเพจส่งข้อความมาถามผมว่า “เห้ย จีนมันขับขวานะ แต่ไทยเค้าขับซ้ายกัน” ผมก็นึกขึ้นได้ว่า เคยเขียนโพสเกี่ยวกับการนำเข้าเทสล่าไปยังอินเดียเอาไว้นี่แหละ ผมจึงขอนำเอาข้อความที่ผมเคยเขียนนั้นมา รี-โพส(นำกลับมาโพสอีกรอบ) ในกระทู้นี้ไปเลยครับ

ขอบคุณภาพจาก triplisher

ข้อความจากโพสของผมเมื่อเดือนมีนาคม

อีลอนประกาศเลยว่า จะเอา เทสล่าบุกตลาดอินเดียปีหน้านี้น่ะครับ

หลังจากที่ เทสล่าเปิดตัว model Y แล้ว ก็มี twitter ส่งไปถาม อีลอน มัคว่า เมื่อไหร่จะเอาเข้ามาขายยังประเทศอินเดีย

อีลอนก็ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า “อินเดียหรอ จัดไป !!”

หลังจากโรงงาน gigafactory สร้างเสร็จแล้ว
ทีม tesla จะวางแผนเอา เทสล่า บุกตลาดอินเดีย ภายในปีหน้าแน่นอน

เพราะ นาย Deepak Ahuja (เรียกว่า ดีปั๊ก อูฮ์จา) CFO (หัวหน้าการเงิน) ของบริษัทเราเป็นคนอินเดียไง

“ตอนนี้ อินเดียมีกฏหมายนิดหน่อยเกี่ยวกับรถยนตืไฟฟ้าที่พวกเรากำลังเจรจาต่อรองกันอยู่

เชื่อว่า พวกเราสามารถตกลงสัญญาต่างๆ ได้ทั้งหมดภายในปีหน้านี้ซึ่งเป็นปีแห่งการปลดปล่อยรถยนต์ไฟฟ้า tesla model Y ซะด้วย”

ที่มา : sify

อินเดียนั้นเป็นประเทศที่ขับซ้ายเหมือนบ้านเราครับ ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่า เทสล่ารุ่นจีนนั้นจะมีแต่รุ่นขับขวานะครับ เพราะอินเดียนั้นเป็นประเทศที่มีประชากรเยอะเป็นอันดับ 2 ของโลก มีหรือ? ที่นักลงทุนต่างๆ จะไม่อยากเข้าไปขายของในประเทศอินเดีย (อินเดียมีประชากรทั้งหมด 1,300 ล้านคนนะครับ แค่ 1 %(13 ล้านคน)หันมาเล่นรถยนต์ไฟฟ้ากัน ก็มากกว่าประชากรทั้งกทม.(8 ล้านคน)แล้วครับ ถ้าเทสล่าเจอ demand ขนาดนี้เข้าไป มีหรือครับ เค้าจะไม่ยอมทำรถออกมาขายครับ อิๆ

ที่มาประชากร กทม. : wikipedia
ที่มาประชากร อินเดีย : worldmeter

BLINK DRIVE TAKE

วันนี้ผมได้นำข้อความมาโพสเยอะแล้วนะ

วันนี้ผมงดวิเคราะห์หรือวิจารณ์ข่าว 1 วันแระกัน ฮ่าๆ

เอาเป็นว่า ให้ทุกท่านได้อ่านและคิด วิเคราะห์กันอย่างเต็มที่ว่า FTA 0 % จะมีผลกับรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ไหม ถ้ามีจริง แล้วรถยนต์น้ำมันในบ้านเราจะโดนผลกระทบยังไงบ้าง

ผมไม่มีข้อมูลเรื่องนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเข้าไทยจริงๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้คือ มีผู้ใหญ่จากไทยได้บินไปคุยกับเทสล่าแล้วแน่นอน (ผมมั่นใจครับ เพราะว่าที่ผ่านมานั้นแบร์นดดังระดับโลกทุกแบร์นด์นั้นเข้าไทยอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรเลย)

ดังนั้น สิ่งที่ผมรอคือ บริษัทห้างร้านใหญ่ๆ ในไทย ทำการเปิดตัวเทสล่าในนามของบริษัทของเค้า อย่างที่ CP เปิดตัว MG ยังไงล่ะครับ

ลองย้อนกลับไปคิดนะครับ star buck เราก็มีก่อนอินเดียซะอีก, iphone เราก็นำเข้าก่อนอินเดีย, คอมพิวเตอร์เราก็ราคาชนอเมริกาและฮ่องกง, ดังนั้นเรื่องนี้พวกเราไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอกครับว่า จะเข้าไทยไหม

ผมคิดข้าม shot ไปถึงการสร้างโรงจอดรถที่ไทยให้มีที่เสียบชาร์จไฟแล้วครับ ฮ่าๆ

STAY TUNE, STAY WITH BLINK DRIVE

Exit mobile version