บทนำ
ก่อนอื่นต้องขอยอมรับว่ารถยนต์สมัยใหม่นั้นมีเครื่องอำนวยความสะดวกเต็มไปหมด เริ่มต้นก็เป็นแอร์แบบตั้งอุณหภูมิในรถได้(temperature control A/C) ซึ่งถ้าใครมีระบบนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้วถือว่า เจ๋งสุดๆไปเลย ต่อมาก็ระบบ navigator (นำทาง)ของรถยนต์ โดยระบบนี้จะเป็นการจับสัญญาณ GPS และบอกเส้นทาง แต่ไม่สามารถคำนวณเส้นทางในการเดินทางได้เหมือน google map , เช่นกันครับ ใครมีระบบนี้ในรถนั้น ทำเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยทึ่งกันเป็นแถวเลยนะครับ แบบว่า “เห้ย รถมึงไฮเทคว่ะ , มีจอด้วย, ไฮโซว่ะมึง”
พอมีจอ สิ่งที่ตามมาอีกยุคคือ ระบบ apple car play หรือ android auto โดยระบบพวกนี้จะเชื่อมต่อจากมือถือของผู้ใช้งานและให้มือถือเป็นสมองกลให้กับระบบ enformation ของรถยนต์เหล่านั้น
ถัดมาอีกก็คือระบบช่วยขับ หรือ driving assistance ซึ่งระบบเหล่านี้จะติดตั้งมาพร้อมกับรถหรูต่างๆ หรือรถที่มีราคามากกว่า 1 ล้านบาทขึ้น ระบบเหล่านี้ คนสมัยพ่อผม(อายุ 50-60 ปี)เริ่มใช้งานไม่เป็นกันแล้ว เพราะระบบมันใหม่มากๆ พวกเค้าไม่กล้าเปิดระหว่างขับรถเลย เนื่องด้วยมันแย่งการควบคุมพวงมาลัยนิดๆ พวกเค้าบอกผมว่า ไม่ไว้ใจระบบเหล่านั้น แต่เด็กสมัยใหม่นั้นชอบระบบพวกนี้มากๆ เพราะมันน่าทึ่งจริงๆ แหละครับ
ซึ่งช่วงหลังๆ ชาวอเมริกาเริ่มชินกับสิ่งเหล่านี้ไปกันซะแล้วครับ พวกเค้ามองว่า รถยนต์ทุกคันที่ออกมาหลังปี 2019 ต้องมีระบบช่วยขับกันทุกคัน ทำให้ต้นทุนรถยนต์น้ำมัน แทนที่จะลดลงกลับสวนทางคือ ราคาต้นทุนรถเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเพราะรถยนต์น้ำมันต้องแข่งทำฟีเจอร์ใหม่ๆ มาสู้กับรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งรถยนต์ไฟฟ้านั้นต้นทุนถูกลงวันต่อวัน เนื่องจากราคาแร่ลิเธียมซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าถูกลงวันต่อวันเลยทีเดียวครับ
ฟีเจอร์ ระบบปฎิบัติการของ Tesla version 10
1. Tesla Theater(โรงภาพยนตร์เทสล่า)
software ตัวใหม่นี้ จะเปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า โมเดล เอส, โมเดล เอ๊กซ์, และโมเดล 3 นั้นให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดจิ๋วซึ่งจะไปกับคุณทุกๆ ที่เลย โดยรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้สามารถรับชม youtube, netflix, hulu(เป็น internet tv เหมือนๆ netflix ของฝั่งอเมริกา) และ TV หลากหลายช่องได้อีกด้วย
ส่วนเทสล่าที่อยู่ประเทศจีนนั้น จะเปิดให้ใช้บริการ iQiyi และ Tencent video (อารมณ์เหมือน youtube บ้านเรา) ครับ
จะเป็นอย่างไรกันบ้างถ้าเราสามารถดูหนังระหว่างนั่งรอเด็กๆ เลิกเรียน หรือ ให้เด็กๆนั่งรอคุณพ่อหรือคุณแม่ในรถล่ะครับ
ข้อจำกัดในการใช้งานฟีเจอร์นี้คือ ผู้ใช้งานต้องเข้าเกียร์ P หรือเกียร์จอดเท่านั้น ถ้าไม่เข้าเกียร์ P ก็ไม่สามารถเปิดการใช้งาน internet streaming เหล่านี้ได้ยังไงล่ะครับ
2. เปลี่ยนรถยนต์ของคุณให้กลายเป็นรถบังคับด้วย Smart Summon
โหมดนี้จะเปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้า tesla ของท่านให้กลายเป็นรถบังคับ โดยการทำงานนั้นแสนจะง่ายดายคือ หลังจากที่ผู้ใช้งานกด activate โหมดนี้แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าจะถอยออกจากที่จอดรถเองและขับเคลื่อนด้วยความเร็วไม่เกิน 5 mph หรือ 8 km/h มาหาผู้ใช้งาน
ตอนนี้เริ่มมีคนเอามาใช้ตอนฝนตกหนักกันแล้วครับ เวลาฝนตกหนักแล้วคุณดันจอดรถกลางสายฝน คุณก็แค่ยืนอยู่ในระยะที่สามารถเห็นรถยนต์ของคุณจากนั้นก็กด activate โหมดนี้ จากนั้นรถของคุณก็จะขับฝ่าสายฝนมารับคุณยังไงละครับ
อนาคตอันใกล้นี้ เชื่อว่า ผู้ใช้งาน tesla ทุกคนจะจอดรถไกลๆ เพราะว่า เวลากลับไปยังรถของตนก็เรียกให้รถของตนเองมารับหน้าตึกได้โดยไม่ต้องเดินตากแดด , ตากฝนไปหารถยังไงละครับ หรือเรียกว่า มีคนขับรถส่วนตัวนั่นเองครับ
หมายเหตุ : โหมด Smart Summon จะสามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่อลูกค้าสั่งซื้อระบบ FSD (Full Self Driving) ที่มีมูลค่าถึง $5,000 (150,000 บาท)ไปนะครับ พวกเค้าถึงจะสามารถ activate(เปิดการใช้งาน)ระบบนี้ได้
3. คาราโอเกะ
เทสล่าเรียกโหมดนี้ว่า คาร์ โอ เกะ ซึ่งโหมดนี้จะเปลี่ยนหน้าจอของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเนื้อร้องภาษาอังกฤษและเล่นเพลงพร้อมตัวหนังสือไปพร้อมๆ กัน
4. ฟังเพลง(Spotify) หรือ podcast
โหมดนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้งาน login ไอดี spotify premium ของตนเองผ่านรถยนต์ไฟฟ้า tesla และรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ก็จะทำหน้าที่เป็นดีเจเปิดเพลงให้คนขับฟังได้เหมือนการใช้งานมือถือ smart phone เลยครับ
Tesla ยังแถมบริการ Slacker Radio และ TuneIn ซึ่งจะเป็นการฟังวิทยุท้องถิ่นผ่าน streaming อีกด้วยครับ ส่วนผู้ใช้งานเทสล่าในประเทศจีนนั้นสามารถฟัง podcast และ audiobooks ผ่าน Ximalaya อีกด้วยครับ
5. ตู้เกมส์ในรถ (Tesla Arcade)
เทสล่ายังใส่เกมส์เข้ามาใน software V.10 นี้อีกด้วย โดยเกมส์ที่ใส่เข้ามานั้นมี 2 เกมส์คือ
- Cuphead – เป็นเกมส์แนวผจญภัย คือวิ่งและยิ่งศัตรูไปเรื่อยๆ นะครับ โดยเกมส์นี้นั้นมีอยู่ใน PC และ X-box มานานแล้วครับ
2. Beach Buggy Racing – เกมส์แข่งรถ ซึ่งจอยสติ๊กจะมีหรือไม่มีก็เพราะใช้พวงมาลัยของรถยนต์นี่แหละครับเป็นจอยบังคับส่วนเบรคและคันเร่งก็ใช้ของรถยนต์เลย เลยว่า สมจริงสุดๆ ไปเลยครับ
โดยผู้ใช้งานรถยนตืไฟฟ้าสามารถต่อจอยเกมส์ผ่าน USB ของรถยนต์ไฟฟ้า tesla เพื่อเล่นเกมส์เหล่านี้ครับ
BLINK DRIVE TAKE
รถยนต์ไฟฟ้าเทสล่าทุกคันนั้นเชื่อมต่อ internet ผ่าน simcard ในรถซึ่งเป็นระบบ 4G LTE โดยเทสล่านั้นเปิดให้ใช้งานฟรีตลอดชีพ ส่วนโมเดล 3 (บางรุ่น) นั้นให้ใช้งานได้ฟรีเพียง 4-5 ปีเท่านั้น จากนั้นก็จ่ายค่าบริการปีล่ะ $100 (3,100 บาท)ซึ่งรวม premium service ต่างๆ เอาไว้เรียบร้อยแล้วครับ
เชื่อว่า อนาคตรถยนต์ไฟฟ้าทุกคันจะใช้ระบบเดียวกันกับ tesla คือ มีค่า subscribe รายเดือนสำหรับการใช้งาน auto-pilot หรือ internet และผมเชื่อได้เลยว่า อนาคตอันใกล้นี้ รถยนต์ทุกคันต้องเชื่อมต่อ internet ตลอดเวลาเหมือนมือถือไอโฟนหรือ android ในทุกวันนี้ยังไงล่ะครับ (ใครจะไปเชื่อว่า มือถือต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา สมัยก่อนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ไม่มีใครซื้อ package internet ซักคนเนอะ เอามือถือไปต่อ wifi กันทั้งนั้นเพราะสิ้นเปลืองเกินไป ลองดูสมัยนี้สิครับ ใครก็ตามที่ไม่มี internet 4G ในมือถือถือว่า “ตกยุค”) รถยนต์ไฟฟ้าก็เช่นกันครับ ตอนนี้เป็นยุคเริ่มต้น ทุกบริษัทกำลังคลำทางกันอยู่ว่า จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ายังไงให้เอาใจลูกค้าอยู่หมัด (แต่จริงๆ ตอนนี้แค่บริษัทต่างๆ ผลิตให้ทันขายได้ก็เก่งแล้วครับ เพราะตอนนี้ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าเยอะกว่ายอดผลิตทุกประเทศครับ อย่าง ปอร์เช่ หรือ เทสล่าเป็นต้น)
ซึ่งผมมองว่า เทสล่าสอบผ่านเรื่องนี้นะครับ
เป็นไปได้ยังไงปล่อยรถยนต์ราคา 1.2 ล้านบาท($40,000) ออกมาสู่ตลาดและให้ ฟีเจอร์มาเยอะกว่ารถยนต์น้ำมันคันล่ะ 30-40 ล้านบาทซะอีกครับ