ไตสมาส 1-4 มีอะไรกันบ้าง
- ไตรมาสที่ 1 หมายถึงช่วงเดือน มกราคม ถึง มีนาคม
- ไตรมาสที่ 2 หมายถึงช่วงเดือน เมษายน ถึง มิถุนายน
- ไตรมาสที่ 3 หมายถึงช่วงเดือน กรกฎาคม ถึง กันยายน
- ไตรมาสที่ 4 หมายถึงช่วงเดือน ตุลาคม ถึง ธันวาคม
ย้อนกลับไปเมื่อ ไตรมาส 2 (เดือน เมษายน ถึง เดือนมิถุนายน) เทสได้ส่งมอบรถให้แก่ลูกค้าไปแล้ว 95,000 คัน
ปิดยอดขายไตรมาสที่ 3 อีลอนได้ประกาศว่า “เทสล่าสามารถส่งรถออกไปให้ลูกได้มากถึง 110,000 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา
โดยทาง เว็บไซต์ electrek ได้รับการยืนยันมาจากเมลภายในของบริษัทเทสล่า ที่อีลอนส่งหาพนักงานทุกคน โดยในเมลมีใจความดังนี้
“We have a shot at achieving our first 100,000 vehicle delivery quarter, which is an incredibly exciting milestone for our company!”
แปล – พวกเราสามารถส่งมอบรถให้แก่ลูกค้าไปมากกว่า 100,000 คันในไตรมาส3 (เดือนกรกฎาคม ถึง เดือน กันยายน) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของเทสล่าเลยก็ว่าได้
mail จากอีลอน มัคส์ถึงพนักงานทุกคน
อีลอนยังบอกอีกว่า “ตอนนี้ยอดขายของเราแตะที่ 110,000 คันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ซึ่งถือว่า demand(ความต้องการ)รถยนต์ไฟฟ้าในทุกประเทศเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนจริงๆ
ยังมีเมลอีกฉบับที่ CEO อีลอนได้ส่งถึงลูกจ้างทุกคนในบริษัทโดยมีใจความดังนี้
“The challenge is making sure that we have the right car variants in the right locations and rallying as much as our company resources as possible to help with the end of the quarter deliveries.”
แปล – ความท้าทายของเทสล่า คือ พวกเราต้องทำให้ลูกค้าแน่ใจว่า เรามีรถหลากหลายรุ่นให้ลูกค้าเพื่อส่งถึงมือลูกค้าและระดมทรัพยากรของบริษัทให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อช่วยในการส่งมอบสิ้นไตรมาสนี้
mail จากอีลอน มัคส์
ที่มา : electrek
ฺBLINK DRIVE TAKE
ไม่สำคัญว่าเราเคยทำอะไรล้มเหลวมา แต่สิ่งสำคัญคือ อย่าลืมว่า เรากำลังสร้างอะไรอยู่ต่างหากครับ
ผมอยากจะบอกว่า อย่าดูถูกบริษัท start-up ที่ไหนก็ตาม เพราะคุณไม่รู้เลยว่า อีก 10 ปีข้างหน้าเค้าอาจจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่มาล้มธุรกิจที่คุณทำงานอยู่ก็ได้
ยกตัวอย่างก็ อีลอน มัคส์นี่แหละ ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ตอน [ย้อนรอยวันวาน] คนเหล็ก – โตโยต้า – เทสล่า พวกเค้ามาจับมือทำอะไรกัน? สมัยนั้น อีลอนเป็นเพียง CEO ตัวเล็กที่ต้องง้อนักกล้ามคนเหล็กอย่างอาโนว์มาช่วยเหลือเพื่อทำการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า แถมยังไปขอร้องให้พี่โต(toyota)ลงทุนในบริษัทของตนเองอีกด้วย
จำได้ว่า ตอนนั้นพี่โตเกรงใจเฮียอาโนวมากครับ เลยมาตามคำชวน ส่วนเฮียอาโนวเค้าก็บ้าเรื่องรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เค้าสนับสนุนบริษัท start-up ทุกบริษัทเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมครับ
โตโยต้าก็จับมือกับ เทสล่าอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ถอนเงินคืนทั้งหมดแล้วบอกว่า เทสล่ามันเป็นบริษัทลมๆ แล้งๆ หาแก่นสารอะไรไม่ได้ รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีปัญหาเยอะ , ใช้ไฮโดรเจนไปเลยดีกว่า (สุดท้าย รถยนต์(fuel-cell)ไฮโดรเจนก็มียอดขายเพียงแค่ 7,000 คันทั่วโลกเอง ขายมา 5 ปีแล้วครับ)
สิ่งสำคัญในการที่คุณจะประสบความสำเร็จ คือ คุณต้องเชื่อมั่นกับความฝันของคุณ อย่างที่อีลอนเชื่อมั่นในความฝันของเค้าที่เค้าบอกว่า จะสร้างบริษัทเพื่อเปลี่ยนโลกแล้วเค้าก็ทำได้จริงๆ อย่างที่พูดครับ (ถึงแม้จะต้องใช้เวลานานหน่อยก็เถอะครับ และก็โดนกลั่นแกล้งอย่างมากมายก็ตามครับ)
“ถ้าเราเชื่อมั่นว่าทำได้ ต่อให้ต้องย้ายภูเขา ถมทะเล ในที่สุดก็สำเร็จจนได้ แต่ถ้าใจเราคิดว่าทำไม่ได้ แม้จะง่ายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ ก็ไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จ”
ด.ร.ซุนยัดเซ็น, นักปฏิวัติและประธานาธิบดีจีน
เรามาดูยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า tesla ตั้งแต่สร้างเปิดบริษัทมาจนถึงทุกวันนี้กันเลยดีกว่าครับ
อย่างที่ทุกท่านเห็นในภาพด้านบนคือ ปี 2018 (ปีที่แล้ว) ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า tesla นั้นมีเพียง 245,000 คันซึ่งยอด 2 ไตรมาสนี้ รวมๆ กันก็เกือบจะถึงยอดขายทั้งปีเมื่อปีที่แล้วแล้วล่ะครับ ดังนั้นมีการคาดการณ์ว่า ปีนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของเทสล่าน่าจะสูงขึ้นเป็นสองเท่าตัว ยังไง admin จะนำข้อมูลมา update ให้ทุกท่านได้อ่านตอนปลายปีนะครับ
แล้วคุณล่ะ , ยังคิดว่า เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าเป็นของเล่นคนรวยกันอยู่ไหมครับ?
เวลาเทคโลโนยีมันเปลี่ยนถ่ายนั้น มันก็เหมือนซึนามินะครับ ดูท้องทะเลสงบในช่วงแรกๆ (1-2 ปี)
จากนั้น คลื่นมวลน้ำขนาดยักษ์ก็จะถาโถมเข้าชายฝั่งยาวไปถึงตัวอำเภอเมืองของจังหวัดได้สบายๆเลยครับ รถยนต์ไฟฟ้าก็เช่นกัน ถ้าโรงงานในประเทศต่างๆ (เกาหลี , เยอรมัน, อเมริกา, อังกฤษ, จีน, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, อินเดีย, บังกลาเทศ , ฯลฯ) สร้างเสร็จกันเมื่อไหร่ รับรองว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้โดดแค่ ปีล่ะ 2 เท่าตัวแน่นอนครับ ฝากเอาไว้ให้เป็นข้อคิดนะครับ