Site icon Blink Drive

CEO ออกมายืนยันว่า จะปล่อยรถยนต์ไฟฟ้า Mach E (มัสแตงค์ไฟฟ้า) ลงสู่ท้องตลาดภายในปี 2565

หลังจากผมได้เห็นโฉมหน้า Mock up แบบเหมือนจริงของรถยนต์ไฟฟ้า Ford Mach E หรือ Ford Mustang รุ่นไฟฟ้าล้วนปี 2022 แล้ว ทำให้จินตนาการผมบรรเจิดไปเลยว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้อาจจะเอามาฆ่ารุ่นพี่อย่าง Corvette stingray หรือ Chevrolet Camero ได้อย่างแน่นอน แต่เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันเป็นรถ SUV นี่หว่า !! แต่บอกได้เลยว่า รอบนี้ Ford เอาจริงครับ เอาจริงอย่างไรนั้น มาติดตามรับชมกันด้านล่างนี้เลยครับ

เปิดตัวแม่ทัพสายรถยนต์ไฟฟ้าของ Ford , คุณ Darren Palmer(ดาร์เลน ปาล์มเมอร์)

คุณ ดาร์เลน ปาล์มเมอร์นั้นอยู่กับบริษัท Ford มา 29 ปีเต็มๆ เรียกได้ว่า เป็นคนที่จงรักภักดีและถวายชีวิตให้แก่บริษัท Ford อย่างเอาเป็นเอาตายแน่นอน เค้าเริ่มชีวิตการทำงานในปี 1990 หรือ 2533 โดยเริ่มจากอาชีพวิศวกรในโรงงานฝ่ายการผลิตรถยนต์จากนั้นก็ไต่เต้าขึ้นมาเป็น project manager(ผู้ดูแลโปรเจค) ทำงานอยู่ได้ 19 ปีก็พัฒนาไปอยู่สายงาน Global Program management C Cars (ผู้จัดการโครงการระดับนานาชาติใน ส่วน Compact Cars)

จากนั้นปาล์มเมอร์ก็ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Global Product Development Director Ford & Lincoln Battery Electric Vehicles (ผู้บริหารระดับสูงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อย่างรถยนต์ไฟฟ้าให้กับ Ford และ Lincoln) ในปี 2017 (2560) โดยก่อนเค้าจะไปบริหารงานโปรเจครถยนต์ไฟฟ้านั้น เค้าเป็นผู้บริหารฝั่ง performance car อย่าง Ford Mustang ยังไงล่ะครับ(2017 Global Vehicle Line Director – CD Class Products and Platform Including Mustang, Explorer, Lincoln)

Ford เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 40 รุ่นสู่ท้องตลาดภายในปี 2565 (2022)

ฟอร์ดได้วางแผนลงทุนด้วยเงินมากกว่า 11,000 ล้านเหรียญหรือ 341,000 ล้านบาท (หรือเทียบเท่ากับเงินลงทุนของโตโยต้าที่มาสร้างโรงงานผลิตแบต hybrid ที่ไทยประมาณ 17 เท่าครับ) ซึ่งฟอร์ดและโฟคสวาเกนจะจับมือกันสร้างรถยนต์ไฟฟ้า โดยแบ่งสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าของฟอร์ดออกมาทั้งหมด 40 รุ่น และทั้ง 40 รุ่นนี้จะวางขายทั่วอเมริกาก่อนปี 2565

ที่มา ข่าวโตโยต้าลงทุนที่ไทย 1.9 หมื่นล้านบาท

คุณ ดาร์เรน ปาล์มเมอร์(Darren Palmer) ของบริษัทฟอร์ดออกมายอมรับเลยว่า เค้ายอมทิ้งตำแหน่งผู้บริหารฝั่งรถยนต์น้ำมันลงไปเพื่อมากุมบังเหียนโปรเจค Edison (เป็นโปรเจคลับที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มี high performance(ประสิทธิภาพสูง) หรือเรียกว่าแรงกว่ารถยนต์น้ำมันในปัจจุบัน

เค้ายังบอกกับสำนักข่าว Autocar อีกว่า Ford จะกลายเป็นสัญลักษณ์อันใหญ่โตในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าแน่นอนภายในปีหน้า โดยทางเราจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Ford Mach E ซึ่งเป็นร่างถัดมาของ Ford Mustang (มัสแตงค์)

Ford Mach E ในผ้าคลุมตารางหมากรุก

โดยปีหน้านี้(2563) เราจะเปิดตัวรถกระบะไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นนั้นก็คือ Ford F-150 ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในอเมริกา การที่เราเอารถขายดีที่สุดในอเมริกามาขายรุ่นไฟฟ้าล้วน ก็หมายความว่า เราจะเข้าสู่ยุค EV Transit (ช่วงเปลี่ยนถ่าย)แล้วนั่นไง ถึงกระนั้น ปาล์มเมอร์ยังพูดลอยๆว่า อาจจะมี Ford Bronco(SUV) หรือ รถกระบะ Ford Ranger​ ไฟฟ้าออกมาด้วย แต่ไม่รู้จะเปิดตัวเมื่อไหร่นะ

รถกระบะไฟฟ้า Ford F-150

รถยนต์ไฟฟ้าของ Ford นั้นต้องมีราคาที่เป็นมิตรและจับต้องได้(attainable price)

คุณปาล์มเมอร์บอกต่ออีกว่า ฟอร์ดนั้นไม่สร้างรถยนต์ไฟฟ้าแพงๆ มาขายแน่นอน(เหน็บใครอยู่หรือป่าวเพื่อน ฮ่าๆ) ดังนั้นคำว่า “icon” (เอกลักษณ์)ในนิยามรถยนต์ไฟฟ้าของฟอร์ดนั้นต้องเน้นเรื่องราคาเป็นหลักคือ ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ และมีรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดใจอย่างมาก

นี่จะเรียกว่าเป็นเป้าหมายอันน่ามหัศจรรย์ในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าของฟอร์ดเลยก็ว่าได้ แถมฟอร์ดนั้นได้คำนวณต้นทุนของรถเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งเค้ามองว่ายังไงก็มีกำไรกว่าการขายรถยนต์น้ำมัน (ice car) ซึ่งบอกตามตรงต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้านั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ

  1. ระบบขับเคลื่อน (Powertrains) ซึ่งได้แก่ แบตเตอร์รี่, และมอเตอร์
  2. ระบบช่วยขับอัตโนมัติ (autonomous driving) อันนี้เป็น option ที่ลูกค้าต้องซื้อเพิ่ม
  3. ระบบ entertainment ที่ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆในรถ

สามส่วนนี้เป็นหัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งต่างจากการออกแบบรถยนต์น้ำมันที่ 80 % ของงานวิจัยหรือเงินลงทุนนั้นหมดไปกับการออกแบบภายในห้องเครื่อง

ทั้งนี้ทั้งนั้น การเปลี่ยนมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้านั้นสามารถลดต้นทุนเรื่องวิศวกรแผนกต่างๆ เกี่ยวกับเครื่องยนต์ลงไปได้เยอะมากๆ แล้วเอาเงินส่วนนั้นมาพัฒนาทั้งสามส่วนนี้นะครับ

ที่มา : https://www.autoblog.com/2019/08/31/ford-future-300-mile-ev/

สเปค Ford Mach-E

ที่มา : https://www.ibtimes.com/tesla-killer-ford-mustang-electric-suv-spotted-michigan-2818832

BLINK DRIVE TAKE

ฟอร์ดนั้นเป็นม้ามืดเลยนะครับรอบนี้ บอกตามตรงผมยังไม่เคยได้ยินชื่อโปรเจค Edison มาก่อนเลย เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกจากสำนักข่าว autoblogs นี่แหละครับ ถ้าเป็นอย่างที่คุณ ปาล์มเมอร์พูดจริงๆ แล้วล่ะก็

การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าใช้ภายในปีหน้าเป็นต้นเป็นก็เหมือนซื้อกล้องฟิล์มมาใช้ในยามที่ Canon และ Nikon ประกาศเปิดตัวกล้อง DSLR แหละครับ เคยได้ยินประโยคนี้ไหมครับ

“ซื้อคอมพ์วันนี้ พอเดินออกจากร้านปุ๊บ คอมพ์ที่เราซื้อนั้นเก่าทันทีเลย เพราะรุ่นใหม่มันออกมาใหม่แทบทุกวัน” พ่อผมเป็นคนพูดประโยคนี้ตอนที่ computer กำลังออก Pentium II ออกมาครับ

ตอนนั้นผมไม่เข้าใจหรอก เพราะยังเด็ก สิ่งที่ผมอยากทำตอนนั้นคือ ซื้อคอมพ์มาซะแล้วจะลงเกมส์ star craft ครับ เพราะอิจฉาเพื่อนๆ ที่ได้เล่นคอมพ์หรือไปร้านเกมส์เพื่อเล่นเกมส์นี้

ซึ่งมันก็เป็นไปตามสิ่งที่พ่อผมพูดเป๊ะ คือ ปีถัดมาก็เกิด Pentium III , พอเพื่อนผมไปซื้อ Pentium III มาใช้ , ปีถัดมาก็กำเนิด Pentium IV (จำได้เลยว่าตอนนั้นใครใช้งาน Window ME อยู่นี่โคตรเท่ห์เลยครับ)

ถัดไปอีกปีก็เป็น Pentium IV HT (hyper threading) กว่าผมจะได้คอมพ์เครื่องแรกก็ปาไปในรุ่น Core 2 Duo แล้วครับ เพราะเทคโนโลยีสมัยนั้นอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายจริงๆ เพิ่งจะมานิ่งก็ตอนที่คอมพ์เริ่มเปลี่ยนเป็น Core i3, i5, i7 ช่วงนั้น เหมือนการเปลี่ยนถ่ายจะเป็นไปได้อย่างเชื่องช้าแล้วครับ

สิ่งสำคัญที่ผมอยากบอกว่า ถ้าคุณซื้อรถยนต์มาเพื่อทำมาหากินจริงๆ เช่น ขับรถส่งของ, หรือขับทางไกลที่ต้องใช้สมรรถนะรถอย่างดีเพื่อความปลอดภัย ผมก็คงห้ามไม่ได้แหละครับ ส่วนจะซื้ออะไรมาขับก็แล้วแต่ตามสะดวกเลยครับ

แต่ถ้าคุณซื้อรถมาขับเล่นๆวันล่ะ 40-90 km แล้วล่ะก็ แถมรถของคุณยังอยู่ได้อีก 4-5 ปีสบายๆ ก็ใจเย็นๆ เถอะครับ ผมก็เป็นคนที่อยากขับรถยนต์ไฟฟ้าเต็มแก่แล้วเหมือนกัน แต่ผมมองว่า เทคโนโลยีตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายอยู่มั้งครับ การเข้าไปซื้อรถยนต์ในช่วง 1-2 ปีนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการไปซื้อ Computer ช่วง Pentium II กำลังเข้าตลาดมาใช้ครับ ซึ่งปีหน้าก็ตกรุ่นแล้ว

การซื้อรถปีหน้านี้จะไม่เหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนนะครับ แต่ก่อนนั้นพวกเราซื้อรถยนต์ขับกัน พอผ่านไป 3 ปี รถยนต์ในท้องตลาดก็ยังมีฟังชั่นเหมือนรถเราอยู่ ลองกลับมาดูสมัยนี้สิครับ ระบบต่างๆ ที่รถยนต์ไฟฟ้ามี ค่ายรถยนต์น้ำมันจับยัดเข้ามาเกือบหมดแล้วทำการออกรุ่นใหม่ ทุกๆ 6 เดือนเลย ดูจากสัญญาณเหล่านี้แล้ว คุณพอจะเห็นภาพหรือยังว่า มีการแข่งขันรุนแรงเกิดขึ้นอยู่ใช่ไหมครับ?

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Exit mobile version