ก่อนอื่นเลย ผมขอเล่าเรื่องราวการรีวิวของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model 3 ครบ 100,000 km ก่อนนะครับว่า กระทู้ข่าวนี้จะมีรีวิวรถ Tesla model 3 ทั้งหมด 2 คัน ซึ่งก็คือ นาย Kris Westover (ชาวอเมริกา), และนาย Rob Spreitzer(ชาวแคนาดา)ครับ ถ้าพร้อมกันแล้วเชิญรับชมกันเลยครับ
เจ้าของรถคันแรก : Kris Westover

เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 (สีน้ำเงิน) คนนี้ชื่อ นาย Kris Westover เป็นชาวอเมริกา ซึ่งเค้าได้ทำการสั่งซื้อใบจองรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 (ใบจอง ใบล่ะ 31,000 บาท($1,000)) ไปเมื่อเดือน มีนาคม 2016 แล้วก็ได้รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 สีน้ำเงินมาครอบครองภายในอีก 2 ปีให้หลังครับ จากนั้นแกก็ทำการตั้งชื่อรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองว่า Whisper (ตามภาพด้านบนทางขวามือ) ซึ่งแปลว่า “เสียงกระซิบ” นั่นเอง

ผ่านไป 17 เดือนเพียงเท่านั้น, เจ้า Whisper คันนี้ก็ได้เลขไมล์ 100,000 km(62,000 ไมล์) มาครองแบบชิวๆ ครับ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เลขไมล์ของเจ้า Whisper คันนี้ขึ้นไปอย่างรวดเร็วก็เพราะว่า นาย Kris เปลี่ยนใจไปขับ Uber และ lyft (เป็นบริษัท Taxi share เหมือน Uber) แทนครับ เค้าได้ให้สัมภาษณ์ดังนี้
“หลังจากที่ผมได้สัมผัสรถคันนี้แล้ว ผมก็อยากจะขับมันทุกวันและอยากจะนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ในรถให้แก่ผู้คนต่างๆ ผมจึงไปสมัครขับ Uber/lyft เป็นงาน Part-time(งานเสริม)ดู ปรากฏว่า เห้ย มันได้เงินมากกว่าที่คิดนี่หว่า ผมเลยตัดสินใจลาออกจากงานประจำแล้วมาขับ Uber/lyft แบบเต็มตัวเลย เชื่อไหมครับว่า ปีที่ผ่านมา ผมสามารถให้บริการผู้คนไปแล้วถึง 4,000 ครั้ง(4,000 rides) แล้วผมก็ยังให้ reference code ของผมแก่คนในที่ทำงานของลูกค้าที่ผมขับไปส่งถึงที่ทำงานพวกเค้าไปมากกว่า 100 คน (การบอก reference code ไปแล้วให้คนอื่นใช้ code นั้นในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต่อจากเรา ผู้ที่บอกจะได้ค่า commission อย่างต่ำ $1,000 หรือ 31,000 บาทครับ) “
ขับไป 100,000 km , ซ่อมอะไรไปแล้วบ้าง?
Kris ได้บอกกับ Electrek (เว็บที่ผมแปลข่าวมา) ผมขอสรุปเป็นข้อๆ ให้แบบนี้เลยนะครับ
- เข้าศูนย์ไป 1 ครั้ง เพื่อเชคระบบต่างๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า (เห้ย คุณอ่านไม่ผิดครับ ขับไป 100,000 km เข้าศูนย์ 1 ครั้ง)
- เปลี่ยนยางไป 2 รอบ(รอบแรก โดนตะปูทิ่มที่ยาง, อีกรอบที่ 30,000 ไมล์(50,000 km) เพราะสึกหรอตามสภาพ)
- เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนไปแล้ว 1 ครั้ง
- เปลี่ยนกล้องหน้าและหลังรถ ฟรี!! (เพราะรถยังอยู่ในประกัน)
Kris ยังบอกอีกว่า “ซื้อรถยนต์คันล่ะ 1.8 ล้านบาท($60,000) แล้วใช้งานได้คุ้มค่าขนาดนี้ ผมต้องขอบอกเอาไว้เลยว่า นี่เป็นรถยนต์ที่คุ้มค่าต่อการใช้งานทั้งหมดเท่าที่ผมเคยครอบครองรถมาเลยล่ะ”
รูป : 100,000 km ตอนวันที่ 1 กรกฏาคม 2562
เจ้าของรถคันที่สอง : Rob Spreitzer

Rob Spreitzer เป็นคนแคนาดาคนแรกที่ได้รับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model 3 ไปขับนะครับ
Rob ได้ทำการสั่งซื้อใบจองไป เดือนมีนาคม 2016 (2559) และรถเพิ่งส่งถึงเค้าในเดือนมิถุนายน 2018(2561)
Rob ได้ขับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 คันนี้ครบ 100,000 km ในวันที่ 2 เดือนสิงหาคม 2019 ที่ผ่านมาครับ
ขับไป 100,000 km , ซ่อมอะไรไปแล้วบ้าง?

Rob ได้บอกกับเว็บ Electrek ว่า เค้าแทบไม่ได้ซ่อมอะไรเลย มีแค่เปลี่ยนยางรถตามระยะตอน 61,000 km แล้วก็เติมน้ำที่ปัดน้ำฝนเพียงเท่านั้น แต่ Rob บอกว่า เจอปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการใช้งานรถ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากมาย เค้าจึงร่ายรายการออกมาเป็นอย่างๆ ดังนี้
- สีตัวถัง defect(บกพร่อง) จากโรงงาน , ชิ้นภายในบางชิ้นประกอบมาไม่ดีเท่าที่ควร(รุ่นแรกๆ เป็นกันหมด)
- LTE (สัญญาณ Internet จาก Simcard ของรถ) ชอบตัดไปบ่อยๆ
- Voice command(ระบบสั่งการด้วยเสียง) ไม่ตอบสนองในบางครั้ง
- มีเสียงดังมาจาก rear axle (เพลาหลัง) ตอนเร่ง กับเบรค (ยังไม่ได้ซ่อมเพราะยังไม่มีเวลา)
Rob ยังบอกอีกว่า การขับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ใน ระยะยาว (long term) แบบ 10 ปีแล้วนั้น จะประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องเชื้อเพลิงและค่าซ่อมไปมากกว่าการไปซื้อรถยนต์น้ำมันมือสองอย่าง Mitsubishi Mirage มาขับเสียอีก
ที่มา : electrek
BLINK DRIVE TAKE

Blink Drive : ขออธิบายตรงนี้เพิ่มเติมนิดหน่อยนะครับ , Mitsubishi Mirage มือสองที่อเมริกา นั้นถูกมากครับ ราคาประมาณ 201,000 บาท($6,488)
Rob บอกว่า แค่ขับรถยนต์ไฟฟ้าไปเรื่อยๆ แบบนี้ ยังไงค่าไฟที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าก็ถูกกว่าค่าน้ำมันที่ต้องเอามาเติมรถยนต์น้ำมันครับ
CEO Elon Musk ยังเคยกล่าวอีกว่า แบตเตอร์รี่ ของ Tesla Model 3 นั้นถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ถึง 300,000 – 500,000 ไมล์(480,000 – 800,000 km) ก่อนจะต้องถูกแกะเอาแบตออกมาเปลี่ยน
โดยปีหน้านี้ Elon Musk ยังบอกว่า จะทำแบตรถยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถใช้งานได้ถึง 1 ล้านไมล์ หรือ 1.6 ล้านกิโลเมตร ก่อนนำแบตออกมาแกะเปลี่ยนนะครับ
คุณลองมาคิดเล่นๆ กับผมไหมครับว่า คนใช้รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ตอนนี้เค้าคุ้มหรือขาดทุนอยู่กันแน่ครับ
ก่อนอื่นเลย รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ทุกคันประกันแบตและมอเตอร์ 8 ปีหรือ 160,000 km(100,000 ไมล์) ที่มา : Tesla warranty
หลังจากหมดประกันแล้ว ถ้าแบตเกิดเสื่อมขึ้นมาก็จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน module ล่ะ 150,000 บาท($5,000) สำหรับ module เล็ก และ 210,000 บาท($7,000) สำหรับ module ใหญ่ โดยรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model 3 นั้นมีแบตทั้งหมด 4 modules ด้วยกัน แบ่งออกเป็น 2 โมดูลใหญ่กับ 2 โมดูลเล็กครับ
โดยตาอีลอนได้ออกมาบอกว่า แบตแพ๊คนึง(4 modules) เนี่ย ใช้งานได้อย่างต่ำก็ 300,000 miles (480,000 km) นะจ๊ะ ดังนั้นถ้าเปลี่ยนแบตทั้ง 4 modules จริงๆ จะวิ่งได้อย่างต่ำ 480,000 km ครับ
อย่าเพิ่งเชื่ออีลอนเนอะ ผมเชื่อว่า ปีหน้าจะมีรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model 3 หลายคันวิ่งถึง 150,000 km แน่นอนครับ ยังไงผมจะกลับมารีวิวอีกครั้งว่า เค้าใช้งานไปขนาดนั้นแล้วเสียหายอะไรบ้าง
แต่ที่แน่ๆ มีคนใช้งาน Tesla model S ไปแล้วถึง 675,923 km โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเกี่ยวกับแบตและมอเตอร์เลย

คราวนี้ ถ้าคุณซื้อรถยนต์น้ำมันมาขับ 160,000 km แล้วต้องซ่อมอะไรกันบ้างล่ะครับ?
รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีแค่นี้จริงๆ เท่าที่เห็นมาแล้ว คนใช้งานมา 100,000 km แล้ว ก็ไม่เห็นจะมีอะไรให้เสียกันเลยครับ พวกคุณคิดเห็นกันอย่างไรครับ?