หลังจากนี้ไป การสร้างบ้านใหม่ทุกหลังในประเทศอังกฤษต้องสร้างปลั๊กชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปด้วยซึ่งรัฐบาลอังกฤษกำลังจะทำให้เป็นมาตราฐานสากลของประเทศไปเลย
เนื่องด้วยรัฐบาลสรรหาวิธีการที่จะทำให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ถึงขนาดออกกฏหมาย : แจ้งให้สถานที่ต่างๆ ทำการอำนวยความสะดวกให้กับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต โดยรัฐบาลอังกฤษเรียกแผนนี้ว่า Mass-adoption of electric vehicles(การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่)
แผนนี้ออกมาจากกระทรวงคมนาคมของประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นการบังคับประชาชนทางอ้อมให้เข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้เร็วขึ้น ประชาชนบางคนได้ซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า plug-in hybrids มาใช้แล้วก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้า facility(เครื่องอำนวยความสะดวก)ถูกสร้างมาแล้ว คนทั่วไปก็จะเข้าถึงได้ง่ายดายขึ้น ดังนั้นการกำหนดให้บ้านทุกหลังที่กำลังจะสร้างใหม่ต้องติดตั้งที่ชาร์จไฟก็เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้เร็วขึ้น
การออกกฏหมายตัวนี้ขึ้นมาก็ทำให้รัฐบาลไม่ต้องมี subsidy (สงเคราะห์เงิน) จากภาษีประชาชนเพื่อไปจ่ายให้คนที่ติดตั้งที่ชาร์จในบ้านเรือนของตน ซึ่งตอนนี้มีการติดตั้งไปแล้วถึง 100,000 wall boxes(ตัวชาร์จ)
คว่ำบาตรรถยนต์น้ำมันทุกชนิดปี 2030
ตอนนี้ประเทศอังกฤษทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเลื่อนเวลาที่จะคว่ำบาตรรถยนต์น้ำมันจากปี 2040 มาเป็น 2030 หรือเรียกได้ว่า เร็วขึ้น 10 ปี ใครก็ตามที่ถือครองรถยนต์น้ำมันอยู่ตอนนี้ก็ยังมีเวลาในการเปลี่ยนถ่ายไปรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใครก็ตามวางแผนซื้อรถใหม่ในปีนี้ก็คงต้องหนาวไปตามๆ กันเพราะรัฐบาลไม่เพียงไม่สนับสนุนรถยนต์น้ำมัน แต่ยังทำการออกกฏหมายคว่ำบาตรรถยนต์น้ำมันแบบจริงจังมากกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ
นอกจากนั้น รัฐบาลอังกฤษยังส่งสารไปแจ้งเจ้าของตึกหรือที่จอดรถที่แห่งในประเทศอังกฤษว่า หลังจากนี้ไปตึกที่สร้างใหม่ทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็น อพาร์ทเมนท์, ออฟฟิต, ที่จอดรถสาธารณะต้องติดตั้งหัวชาร์จยี่ห้อ chargepoints หรือ ยี่ห้อที่มีมาตราฐานใกล้เคียงกันอย่างน้อย 1 หัวชาร์จต่อ 1 อาคารพานิชย์หรือสถานที่นั้นๆ
ส่วนสเปคหัวชาร์จของบริษัท charge-points นั้นต้องสามารถจ่ายไฟไม่ต่ำกว่า 7 kWh และต้องเป็นหัวชาร์จ universal socket (ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึง CSS Combo1 แหละครับ) อย่างไรก็ตาม หัวชาร์จนี้ต้องสามารถชาร์จรถได้ทุกยี่ห้อและปลอดภัยต่อการใช้งาน
ที่มา : autoexpress.co.uk
Blink Drive Take
ใครบอกว่า รถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วคนจะตกงานกันนะครับ ใครกันน้าาา อิิๆ
รถยนต์ไฟฟ้ามามีแต่สร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนในประเทศมากกว่าการใช้งานรถยนต์น้ำมันซะอีก เช่น การติดตั้งที่ชาร์จมากกว่า 100,000 แห่งทั่วประเทศอังกฤษ, โรงงานผลิตที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่งประกาศรับสมัครคนมากกว่า 1,000 ตำแหน่งทันที, ร้านค้าต่างๆ สามารถรับเงิน passive income จากการติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในตึกหรือที่จอดรถของตน, นี่ยังไม่รวมถึงการขยายโครงการติดตั้ง แผง solar cell ทั่วประเทศอังกฤษภายในปีหน้านะครับ และการจ้างงานอื่นๆ มากมายมหาศาลในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า
งานเกิดขึ้นมากกว่ายุครถยนต์น้ำมันแน่นอน เพราะ infrastructure รถยนต์ไฟฟ้านั้นใหญ่มาก จนมีหลายคนบ่นว่า รถยนต์ไฟฟ้าสถานีชาร์จไฟจะพอหรอ? , รัฐบาลอังกฤษก็ทำให้ดูว่าพอได้นะครับ โดยการจ้างคนเพื่อไปติดตั้งนี่แหละครับ ตอนนี้ การจ้างงานเลยเกิดขึ้นทั่วเกาะอังกฤษเลยครับ
ที่มาข้อความ รยนต์ไฟฟ้าเข้ามาแล้วทำให้ประชาชนมีงานทำเพิ่มขึ้น :
“It is imperative that we expedite the transition to cleaner cars and expand the charging infrastructure they require,” he said. “We can either embrace Zero Emission Vehicles and the clean energy jobs they create, or let other countries take the lead and reap the economic reward. I think we should lead.”
https://www.rollcall.com/news/congress/rep-levin-bill-would-put-electric-car-chargers-at-all-national-parks-and-forests
ผมยังย้ำเหมือนเดิมว่า ตอนผู้คนใช้รถเกวียนกันอยู่ แล้วรถจักรไอน้ำกำลังเข้าสู่ประเทศนั้นๆ ก็มีการประท้วงแบบนี้เกิดขึ่้นแหละครับ เพราะคนเสียผลประโยชน์คือ คนที่ขับรถเกวียนส่งของและคนประกอบรถเกวียนยังไงครับ แต่ในที่สุดมนุษย์ก็ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ มากกว่าการอยู่กับของเก่าๆ เชื่องช้าแหละครับ
สุดท้ายทุกประเทศก็ต้องยอมจำใจเปลี่ยนธุรกิจตัวเองให้เข้ากับรถจักรไอน้ำไงครับ ส่วนประเทศไหนที่ทำตัวเป็นแรงต้าน ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ประเทศนั้นโดนกดขี่หนักสุดเลย เพราะพัฒนาเป็นอันดับหลังสุดเลย ทำไมเราต้องกีดกันเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ประเทศพัฒนาพุ่งเข้าหากันด้วยครับ ถ้าเราพัฒนาเป็นอันดับท้ายๆ ล่ะก็ ไม่เพียงเศรษฐกิจของเราจะล้าหลังเท่านั้น แต่ประชาชนในประเทศจะอดตายเอานะครับ เพราะถึงตอนนั้นจะผลิตของไม่ใช้แล้วไปขายใครก็ไม่มีใครซื้ออ่ะครับ ผมหมายถึง รถเกวียน นะครับ