Blink Blink
EV CarsNewsTesla

Tesla ปล่อย Robotaxi ปีหน้าสร้างรายได้ให้แก่เจ้าของรถยนต์ tesla ทุกคน

Tesla FSD (Full Self Driving) ตัวใหม่นี้ จะมาพลิกโฉมการใช้งานรถยนต์ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง Elon Musk กล่าวเอาไว้ว่า รถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 คันนี้จะเปิดระบบ robotaxi ในปีหน้า คือ เจ้าของรถสามารถให้รถยนต์ไฟฟ้าทำงานหาเงินให้เราโดยรถจะขับไปรับผู้โดยสารเองและ drop off ผู้โดยสารที่ปลายทางเองได้เหมือน Uber หรือ taxi ทั่วไป

เรื่องราวเกี่ยวกับ robotaxi นั้นผมไม่ขอเจาะลึกใน post นี้ ถ้าใครอยากทราบข้อมูลแนะนำให้อ่านจากเว็บอื่นที่มีคนแปลเอาไว้แล้วน่ะครับ ผมจะเจาะลงที่ hardware ในการทำงาน FSD ซึ่งน่าทึ่งมากๆว่าเอา hardware เกรด premium ราคาแพงมากๆ เรียกได้ว่า ถ้าซื้อคอมพ์ spec เดียวกันกับ chipset FSD ก็ราคาไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทแน่นอน การเอา spec FSD มากางแบบนี้ทำให้คนอเมริกามั่นใจว่า ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันล่ะ 1 ล้านบาท แค่ได้ hardware ระดับนี้มาใช้ก็เรียกว่าเกินคุ้มแล้วครับ

ผมขอทำ bullet point โดยย่อๆ เอาเนื้อหามาให้อ่านจากเว็บฝรั่งน่ะครับ

  • tesla model 3 คันนี้ ติดตั้งระบบ FSD (Full Self-Driving) โดยมี chip ประมวลผลของบริษัท Tesla ที่เคลมว่า ทำงานได้ไวกว่ารถยนต์ไฟฟ้า model 3 ปัจจุบันถึง 21 เท่า โดยมีความเร็วอยู่ที่ 600 Gigaflop
  • chip ของ model 3 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคือ chipset ของ tesla ที่พัฒนามาจาก chipset AI ของบริษัท nvidia
  • รหัส CPU ที่ใช้คือ 12 ARM A72 CPU cores ความแรงอยู่ที่ 2.2GHz, และมีการ์ดจอ ความแรงที่ 1GHz GPU 600 GFLOPS กินไฟที่ 57 W (เทียบเท่าการใช้ไฟ CPU : intel i5 เท่านั้นเอง) เป็น CPU รถยนต์ที่ฉลาดที่สุดในโลกตอนนี้
  • CPU ตัวนี้มี Transitor (ทรานซิเตอร์) อยู่ทั้งหมด 6 พันล้านตัว เทียบเท่า CPU intel i7 รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งหมด 2 ตัว
  • Chip Neural link หรือ A.I. (สมองหุ่่นยนต์)เข้าไป สามารถตอบสนอง 36 ล้านล้าน คำสั่งต่อวินาที(ต่อ chip) เรียกได้ว่า เอาชนะ สมองคนไปเลย
  • Tesla ออกแบบให้ chip redundancy ขึ้นมาอีกตัว (redundancy คือ การทำงานคู่ขนาน โดยถ้า chip ตัวหลักเสียหรือ overheat , chip ตัวรองจะขึ้นมาทำงานทันที อารมณ์เหมือนคุณมีเครื่องสำรองไฟในบ้าน ถ้าไฟฟ้าหลวงดับ เครื่องสำรองไฟจะทำงานทันที ดังนั้นถ้าchipset หลักที่ประมวลผล FSD อยู่ดับหรือพังกลางคัน chipset สำรองจะเข้ามาทำงานแทนที่ทันทีเพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งไปได้ต่อครับ
  • Hardware auto pilot ปัจจุบันเป็น level 4 ก็จริง แต่จะมีการเปิดใช้งานจริงๆ ปลายปีนี้ software ปัจจุบันยังเป็น level 3 อยู่คือ มนุษย์ต้องเป็นคนรับผิดชอบรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด
  • Chip ของ model 3 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคือ chipset ของ tesla ที่พัฒนามาจาก chipset AI ของบริษัท nvidia เรียกอีกอย่างว่า tesla ตัดขาดกับ nvidia ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 2 บริษัทนี้แยกทางกันสร้าง chipset A.I. เพื่อรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตแน่นอนครับ
  • Chip Security โดยเฉพาะของ Tesla เป็นระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเจาะระบบจาก hacker ทั่วโลก โดย chip ตัวนี้จะฝังรหัสเฉพาะของบริษัท Tesla เท่านั้น อารมณ์จะเหมือน Apple store ของ iphone ที่มีแต่ iphone เท่านั้นที่สามารถใช้งาน store ได้น่ะครับ

FSD (Full Self-driving) หรือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับ 4 นี้มีราคา $8,000 หรือ 2.56 แสนบาท โดยแบ่งออกเป็น software license (ค่า activate ให้ใช้งานได้) $3,000(9.6 หมื่นบาท) และค่า hardware $5,000 หรือ 1.6 แสนบาท นี่เป็นค่าบริการ upgrade hardware สำหรับใครต้องการติดตั้งระบบนี้หลังจากซื้อรถไปแล้ว คือประมาณว่า ซื้อรถไปเสร็จเพิ่งคิดขึ้นได้ว่า อยากให้รถตัวเองวิ่ง FSD ได้ ก็เสียเงินเพิ่มอีก $7,000 สำหรับ hardware upgrade น่ะจ๊ะ หรือเรียกได้ว่า ต้องเสียเงินทั้งหมด $7,000 + $3,0000 = $10,000 หรือ 3.2 แสนบาท

Blink Drive Take

post นี้จะเน้นเกี่ยวกับระบบประมวลผลตัวใหม่ของ tesla model 3 น่ะครับ ส่วนเรื่องเงินลงทุนที่สามารถนำรถไปขับเป็น uber แทนเจ้าของได้นั้น ผมมองว่า มีคนได้เขียนข้อมูลละเอียดลงลึกเอาไว้แล้ว ดังนั้นผมจะพยายามสร้างชุดข้อมูลอื่นๆ ที่ยังไม่มีคนเขียนเพื่อ contribute (บูรณการณ์) สังคมไทยให้ยกระดับเข้าถึงเทคโนโลยีต่างประเทศได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นครับ

Follow by Email