-โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ เมือง บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม (Brussels, Belgium) ซึ่งจะเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของ Audi และเป็นโรงงานที่สะอาดที่สุดในยุโรป (carbon-neutral) หรือแปลอีกอย่างว่า เป็นโรงงานที่ไม่ปล่อย CO2 ออกมาซักมิลลิกรัมเดียว

Audi E-tron ได้มีการเริ่มต้นผลิตที่โรงงานแห่งนี้เมื่อเดือนกันยายนปี 2561 ที่ผ่านมา

ซึ่งแรงงานที่ใช้ในโรงงานจะเป็นแบบผสมคือ มีทั้งหุ่นยนต์ (autonomous robot) ซึ่งจะเดินส่งของไปตามที่ต่างๆ ในโรงงาน และคนที่ใช้ในการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ของรถ

โรงงานแห่งนี้มีพื้นที่รวมๆ กันอยู่ที่ 5.4 แสนตารางเมตร โดยมี solar farm ติดตั้งอยู่ทั้งบนหลังคาอาคารกับพื้นที่ใช้สอยทั่วไปถึง 37,000 ตารางเมตร ซึ่งจะให้กำลังไฟออกมาได้ถึง 3,000 megawatt ต่อปี หรือ สามารถจ่ายไฟให้กับห้างขนาดเท่า siam paragon ได้ถึง 24 ห้าง(ห้าง siam paragon ห้างนึงกินไฟ 123 megawatt ต่อปี)

การที่ solar farm สามารถผลิตไฟฟ้าได้ขนาด 3,000 megawatt ต่อปี จะสามารถลดการปล่อย carbon dioxide ออกไปได้ถึง 700 เมตริกตัน และแผง solar cell เหล่านี้ยังเป็น heat exchanger (ตัวแลกเปลี่ยนความร้อน)ที่มีประสิทธิภาพสูงระหว่างอาคารอีกด้วย ดังนั้นแล้ว โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า audi แห่งนี้จะสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำความเย็นให้แก่ตัวอาคารอีกด้วย ทำให้ลดการปล่อยก๊าซ Carbon Dioxide ไปได้ถึง 4,000 เมตริกตันต่อปี

-นาย Bram Schot ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO Audi ปัจจุบันกล่าวว่า “ผมยอมรับว่า การสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดระดับนี้ไม่ใช่ถูกๆ แน่นอน แต่นี่คือการลงทุน และผมมองว่า ระยะยาว 5-10 ปี มันจะคืนทุนให้แก่บริษัทเราแน่นอน”

-ต้องขอบอกเอาไว้ก่อนว่า Volkswagen เคยมีข่าวเสียออกมาเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วเกี่ยวกับ Dieselgate scandal คือ รถ Volkswagen ทุกคันที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลนั้นทำ emission ออกมาได้เกินค่ามาตราฐานถึง 40 เท่า โดยพวกเค้าโกง emission tests(การทดสอบควันดำ)เพื่อให้ผ่านออกมาขายให้แก่ประชาชน

-เครือ volkswagen นั้นใหญ่มากๆ มีทั้ง Porsche, Bentley, Lamborghini, Seat และ Audi แต่ไม่มีใครสามารถออกมายืนยันได้ว่า ค่ายรถลูกของ Volkswagen จะเดินตามนโยบาย green energy ของ Audi ไหม

Volkswagen ได้ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนว่า จะทำให้บริษัทของตนเองเป็น carbon-neutral ภายในปี 2030 หรือ 2573(11 ปีต่อจากนี้)
ที่มา : Wires
Blink Drive Take
Audi นั้นรุกหน้าไปมากแล้วครับ โดยจะมีทัพหน้า E-tron เข้าสู่ตลาดรถยนต์เกือบทุกประเทศภายในปีนี้ และมียอดจองกว่า 20,000 คันทั่วโลก หลังเปิดตัวที่สหรัฐอเมริกา
ส่วนราคาในไทยนั้นก็เริ่มต้นที่ 5 ล้านบาท

ผมมองว่า ให้ battery 95 kWh มาในราคา 5 ล้านบาท นั้นไม่แพงเลย
แถมระบบ battery นั้นก็มี TMS(Thermal management system) มาเหมือน tesla ซะด้วย
ส่วนเรื่องโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าซักหน่อย audi แบ่งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า e-tron ออกเป็นทั้งหมด 13 โรงงานด้วยกันโดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นแห่งแรกของ audi ที่ใช้พลังงานสะอาดถึง 95 % (ที่ audi ไม่กล้าบอก 100 % คงจะเป็นในเรื่อง power grid บางส่วนที่ต้องเข้ามาใช้ในการทำ power redundancy แหละครับ)

ผมเชื่อว่า โรงงานแห่งนี้จะทำเป็น prototype เพื่อให้เครือต่างๆใน Volkswagen มาศึกษาและนำไปสร้างต่อไปในอนาคตครับ