บริษัท Future Green Energy (FGE), ภายใต้กิจการของ Thee Go จับมือกับบริษัท Dahe Electric Car ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน ทำการเปิดขายรถยนต์ไฟฟ้า eco car ราคาย่อมเยาให้กับประชาชนของประเทศเนปาล
รถยนต์ไฟฟ้า Dahe แบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกัน DH 350 กับ DH350L
DH Model | ราคาขาย | ส่วนลด | ราคาลดแล้ว |
---|---|---|---|
DH350 | Rs. 1,490,000 429,694.89 บาท | Rs. 1 Lakh 28,838.58 บาท | Rs. 1,390,000 400,856.31 บาท |
DH350L | Rs. 1,725,000 497,465.56 บาท | Rs. 1.35 Lakh 38,932.09 บาท | Rs. 1,590,000 458,533.48 บาท |
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง 2 รุ่นนี้คือ แบตเตอร์รี่ โดย รุ่น DH350 ใช้แบตกรดขนาด 72V/100Ah ส่วน รุ่น DH350L ใช้แบต Lithium-ion ขนาด 9.6 kWh
สิ่งที่แตกต่างมาอีกอย่างคือ น้ำหนัก โดยรุ่น DH350 ที่ใช้แบตกรด(Acid-lead) นั้นหนักถึง 828 กิโลกรัม ส่วนรุ่น lithium-ion นั้นหนักเพียง 680 กิโลกรัม ห่างกันประมาณ 140 กิโลกรัม
ไม่ต้องจ่ายภาษีรายปี (NO ANNUAL TAX)
คุณได้ยินไม่ผิดแน่นอนครับ ถ้าใครซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเนปาลขับ ไม่ต้องเสียภาษีเพื่อต่อทะเบียนรถน่ะครับ
วางเงินดาวน์เพียง 85,000 บาท
ทางเว็บผู้จำหน่ายที่เนปาลบอกกล่าวว่า ลูกค้าสามารถ วางเงินดาวน์เพียง 85,000 บาท หรือ 2.98 แสนรูปีเนปาล และผ่อนอีก 7 ปี ก็สามารถออกรถคันนี้มาขับได้เลย คุณลองมองในแง่ของความคุ้มค่าน่ะครับว่า ถ้าคุณซื้อรถยนต์ทั่วไปต้องเสียค่าน้ำมันอย่างต่ำเดือนล่ะ 2,500 บาท ทำไมไม่เอาเงิน 2,500 บาทนี้ไปผ่อนรถ พร้อมๆ กับเสียเงินค่าไฟชาร์จรถเอาล่ะครับ?
อยากจะบอกว่า รถยนต์ไฟฟ้าราคา 4 แสนบาท แต่ให้ option มาเยอะขนาดนี้ เชื่อว่า ครองใจคนเนปาลได้เยอะเลยน่ะครับ option ก็ตามด้านล่างนี้เลยครับ
Spec รถยนต์ไฟฟ้า Dahe 350L
- ระบบขับเคลื่อน : RWD
- แบตเตอร์รี่ : 9.6KWh Li-Ion
- เวลาในการชาร์จไฟ 220 V : 8-10hrs / 4-5hrs
- ระยะทางที่ขับได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง : 120-150km
- ขับขึ้นทางชันได้ : 17-18 องศา
- ช่วงล่าง : ข้างหน้า : ช่วงล่างอิสระ , ข้างหลัง : เพลา
- ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ: 160mm
- ยาง: 155/65R13
- น้ำหนักรถ(รวมแบต): 680 kg
ที่มา : https://techlekh.com/dahe-electric-cars-price-nepal/
Blink Drive Take
ผมเคยไปเที่ยวประเทศเนปาลเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมไปเที่ยวสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าน่ะครับ และรุ่นพี่ผม visa มีปัญหา พวกเราเลยได้เดินทางเข้าเมืองหลวง ชื่อ กาฐมาณฑุ ผมรู้ได้เลยว่า ปัญหาหลักๆคือ เรื่องไฟฟ้า ไฟดับทุกๆ 6-10 ชั่วโมง แต่พวกเค้าก็รักประเทศและสิ่งแวดล้อมมากกว่าปัญหาที่เจอ ทำให้ดั้นด้นไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ แถมซื้อได้ถูกกว่าบ้านเราอีกครับ
ถ้าคุณเคยไปเนปาลกันคุณจะมองภาพออกว่า สภาพบ้านเมืองของประเทศเค้าเหมือนเมืองไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ดังนั้นการที่เค้าไปเร็วกว่าเราในวันนี้ก็เป็นข้อเปรียบเทียบได้เหมือนกันว่า พวกเราควรจะต้องทบทวนกันแล้วว่า รถยนต์ไฟฟ้าในไทยทำไมไม่แพร่หลายซักที
แสดงความดีใจกับคนเนปาลด้วยน่ะครับ ที่ได้อากาศบริสุทธ์ไปใช้ครับ