ความคิดการจ้างงานเพิ่ม 900 ตำแหน่ง พร้อมกับลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 900 ล้านเหรียญ(28,000 ล้านบาท) ที่เมือง แฟลท ร๊อค รัฐ มิชิกัน นั้นมาจาก นาย jim hackett ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องราวการลงทุนของ Ford นั้น ผมอยากจะให้ย้อนกลับไปดูประวัติของนาย jim hackett กันหน่อยน่ะครับ
นาย Jim Hackett ซึ่งเป็นซีอีโอของ Ford คนปัจจุบันนั้นได้นำเทคโนโลยีต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามากมายเข้ามาใช้ในบริษัทฟอร์ดไม่ว่าจะเป็นระบบ autonomous driving และการพัฒนารถยนต์ไปในแนวทางรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ณ ปัจจุบันครับ
นาย Jim Hackett นั้นเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้บริหารบริษัท ford เมื่อปี 2013(2556) และกลายมาเป็น CEO เมื่อปี 2560 ดำรงตำแหน่งแทนนาย Mark Fields โดยเป้าหมายของการมาดำรงตำแหน่ง CEO ครั้งนี้คือ ลดต้นทุนของบริษัท Ford ที่มีประวัติยาวนานกว่า 114 ปี และพยายามเปลี่ยนการผลิตรถยนต์ของ ford ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายใน 5-10 ปีนี้
ที่มา : wikipedia
ต้องย้อนกลับไปปีที่แล้วก่อนน่ะครับว่า บริษัท Ford นั้นได้วางแผนลงทุนกิจการเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเงียบๆ อยู่ที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 352,000 ล้านบาทครับ
ซึ่ง 1 ในแผนการสร้างรถยนต์ไฟฟ้านี้ก็มี แผนการณ์ขยายพื้นที่โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า มูลค่า 900 ล้านเหรียญ(28,000 ล้านบาท) ที่เมือง แฟลท ร๊อค รัฐ มิชิกัน มาด้วยครับ
ณ ปัจจุบัน นั้น โรงงานแห่งนี้ผลิตรถยนต์ Ford Mustang เข้าสู่ตลาดอเมริกาและทั่วโลกอยู่นะครับ แต่ตอนนี้ Ford เปลี่ยนแผนการณ์ผลิตจาก รถยนต์น้ำมัน เข้าสู่ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผนวกเข้ากับเทคโนโลยี A.I. (machine learning) ซึ่งก็คือระบบ autonomous driving ไงล่ะครับ
การลงทุนของ Ford นั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
1. ลงทุนสร้างระบบผลิตรถยนต์ไฟฟ้า มูลค่าการลงทุน 850 ล้านเหรียญ(27,200 ล้านบาท)
2. ลงทุนสร้างเทคโนโลยี self-driving (ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ) มูลค่าการลงทุน 50 ล้านเหรียญ (1,600 ล้านบาท)
โดยโรงงานแห่งนี้จะถูกปรับปรุงและสร้างรถยนต์ไฟฟ้า Ford mustang คันแรกของโลก ณ ปี 2565 น่ะครับ ถึงตอนนั้น โรงงานแห่งนี้จะผลิตรถกระบะไฟฟ้า Ford F-150 ด้วยครับ
จริงๆ นี่ไม่ใช่โรงงานแห่งแรกที่ ฟอร์ดมาลงทุนสร้างรถยนต์ไฟฟ้าน่ะครับ เพราะว่า ฟอร์ดได้แอบไปลงทุนสร้างรถ SUV ไฟฟ้าแล้วที่โรงงานของตัวเอง ณ เมือง Cuautitlán ประเทศ แม๊กซิโก โดยพวกเค้ายังไม่เปิดเผยชื่อของรถ SUV ไฟฟ้าคันนี้ครับ เชื่อว่า จะเปิดตัวปลายปีนี้แน่นอน
แถมฟอร์ดยังแอบไปสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Transit Connect van เพิ่มที่เมือง Hermosillo ประเทศ แม๊กซิโก
แม้กระทั่ง ประธานาธิบดี ทรัมป์ยัง ทวิตเตอร์มาแสดงความดีใจกับ ฟอร์ดเลยครับ
ที่มา : CNN
Blink Drive Take
อย่าเพิ่งงงกับรูปหน้าปกของ post นี้น่ะครับ รูปนั้นคือ รถยนต์ Ford Mustang ซึ่งเป็นรถ sport 2 ประตูครับ ซึ่งปี 2021 (2564) ฟอร์ดจะออกมาประกาศปิดสายการผลิต mustang รุ่นน้ำมันทั้งหมดครับ (เสียใจด้วยน่ะครับ) จากนั้นก็จะหันไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Ford Mustang แทนครับ
ผมมองว่า Ford นั้นมีไม้เด็ดอีกเยอะมากๆ ที่ยังไม่ได้งัดออกมาโชว์คู่ต่อสู้อื่นๆ ที่ไม่ยอมงัดอออกมาก็เพราะกลัวว่า ยอดขายรถยนต์น้ำมันของตัวเองจะตกแหละครับ เค้าออกมายอมรับแล้วว่า tesla model 3 นั้นเป็นตัวดึงยอดขายรถยนต์ ford จำพวก sedan (รถเก๋ง 4 ประตู) ไปเยอะมากๆ ทำให้ฟอร์ดต้องรีบเปลี่ยน CEO และทำการรื้อแผนการณ์สร้างรถยนต์ใหม่หมดเลย ถ้าสังเกตุดีๆ แล้ว CEO คนเก่าถูกถอดออกปี 2017 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ Tesla ส่งมอบ model 3 คันแรกออกสู่ท้องตลาด
เกมส์นี้ผมมองว่า ใครเร็วกว่าได้เปรียบ ยิ่งออกมาประกาศตัวเพื่อกระโดดออกจากฐานการผลิตรถยนต์น้ำมันแบบนี้แล้วทำให้หุ้นบริษัท Ford พุ่งขึ้นอย่างมาก
ข่าวนี้(เปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เมือง flat rock) ตอนนี้ดังในอเมริกามากๆ สำนักข่าวทุกสำนักแห่กันไปทำข่าว เช่น CBNC, CNN, Bloomberg, TechCrunch, NBCews, Wall Street Journal และสำนักข่าวต่างๆ อีกเป็น สิบๆ แห่ง
เห็นไหมครับว่า ถ้าอยากดังก็เพียงขยับธุรกิจตัวเองมาทำรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงใจและจริงจัง ที่เหลือ พวกนักข่าวจะเข้ามาเขียนข่าวให้ฟรีๆ เลย
ฝากเอาไปเป็นการบ้านสำหรับพ่อบ้านหรือแม่บ้านทุกท่านที่กำลังมองหารถใหม่ภายใน 1-2 ปีนี้ด้วยน่ะครับว่า เห็นแบบนี้แล้ว พวกท่านจะวางแผนซื้อรถกันอย่างไร
ตอนกล้องดิจิตอลกำลังตีตลาดอเมริกาและญี่ปุ่นนั้น กล้องฟิล์มที่ไทย ทำโปรลด-แลก-แจก-แถมกันระนาว ทั้งๆ ที่กล้อง ดิจิตอลต่างประเทศยังไม่เข้าไทยได้ 100% เลย
เหตุการณ์ตอนนี้เหมือนตอนกล้อง ดิจิตอลออกมาใหม่ๆ ไหมครับ คนบอกใช้เวลา 10 ปีกว่ากล้อง ดิจิตอลจะครองเมือง ใช่ครับ แค่ 3 ปี ก็เห็นผลได้ชัดแล้ว พอครบ 10 ปี ปรากฏว่า ร้านล้างฟิล์มหายหมดเมืองเลย ฮ่า ๆ
ยังไงก็ใช้วิจารณญาณ พิจารณากันดูเองน่ะครับ