Site icon Blink Drive

BYD ไปต่อไม่รอน่ะครับ เปิดโรงงานผลิตแบต ขนาด 20 GWh มูลค่า 47,680 ล้านบาท

สูตรคำนวณ :
1 GWh = 1,000,000 kWh
20 GWh = 20,000,000 kWh
Tesla Model 3 ใช้แบตขนาด 75 kWh
ดังนั้น โรงงานนี้สามารถผลิตแบตให้กับ Tesla Model 3 ได้ถึง 266,666 คัน ต่อปี
หรือผลิตแบตให้กับ BYD Yuan EV535(42 kWh) ได้ถึง 476,190 คัน ต่อปี

เมือง ฉงชิ่ง ประเทศจีน ภาพจาก wikipedia

โรงงานนี้ตั้งอยู่เมือง ฉงชิ่ง (ข้างๆ เมืองเฉินตู) อยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
BYD ลงทุนกับโรงงานนี้ไป 10,000 ล้านหยวนหรือ 1.49 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 50,000 ล้านบาท ครับ

ภาพ : ภายในโรงงานผลิตแบตเตอร์รี่ BYD

โดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นแหล่งกระจาย(ขาย)แบตเตอร์รี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทในประเทศจีนครับ
อย่าเพิ่งคิดว่าจบแค่นี้น่ะครับ นี่เป็นแค่ 1 ในโรงงานผลิตแบตของจีนน่ะครับ ไม่ได้แปลว่า จีนมีโรงงานที่นี่แห่งเดียวในประเทศน่ะครับ
เพราะ BYD นั้นได้สร้างโรงงานผลิตแบตไปก่อนหน้านี้แล้วที่เมือง ชิงไห่(qinghai) โดยโรงงานนั้นตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างกำลังผลิตได้ถึง 24 GWh น่ะครับ

ภาพ : โรงงานผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์เมือง ชิงไห่


อ้างอิง : http://www.xinhuanet.com/english/2019-02/24/c_137846367.htm#0-twi-1-24393-7250227817ecdff034dc9540e6c76667

ที่สำคัญ BYD นั้นเน้นผลิตแบต lithium ion ประเภท LiFePO4 battery หรือชื่อเต็มก็คือ lithium iron phosphate ครับ

ภาพ : การทดสอบแบต BYD ที่อุณหภูมิ 1000 องศาเซลเซียส(ไม่ระเบิดน่ะครัช)


ลิเธี่ยมไอออนฟอสเฟตมีโครงสร้างทางเคมี เหมือนกับแบตเตอรี่ลิเธียมทั่วไป แต่เปลี่ยนวัสดุที่ใช้จาก Cobalt Dioxide (LiCoO2) มาเป็นโลหะที่อึดและทนต่อความร้อนที่เกิดจากปฎิกริยาเคมี ซึ่ง LiFePO4 สามารถให้พลังงานที่สูงกว่า ไม่เป็นพิษ มีอายุการใช้งานที่มากกว่าแบตเตอรี่รุ่นเก่าลิเธียมไอออนฟอสเฟตสามารถประจุไฟได้ในแบบแรงดันคงที่ หมายความว่าผู้ใช้งานสามารถประจุไฟใหม่ด้วยอะแดปเตอร์ไฟตรง เหมือนกับแบตเตอรี่ประเภทตะกั่วกรด และใช้ระยะเวลาในการประจุไฟใหม่น้อยกว่าแบตเตอรี่แบบเก่า
อ่านต่อได้ที่ เว็บ www.inventor.in.th

ภาพ : การทดสอบกดทับแบต BYD

จริงๆ BYD นั้นทำแบตมานานแสนนานแล้ว โดย battery ประเภท LiFePO4 นี้ ด้วยถูกนำไปใช้กับรถ folk lift ของ BYD เนิ่นนานมากแล้วครับ

ภาพ : ทดสอบแบต BYD โดยทำการหล่นจากที่สูง

บริษัทเค้าบอกว่า แบต LiFePO4 ของ BYD นั้น ถึก ทน นาน แน่นอน โดยการันตีว่า อายุการใช้งานอยู่ที่ 15 ปี หลังจากใช้งานครบกำหนดแล้ว แบตจะเสื่อมไปเพียงแค่ 30 % เท่านั้น

ภาพ : ทดสอบแบต BYD โดยใช้สว่านเจาะทะลุตัวแบต

รวม 2 โรงงานนี้แล้ว BYD มีกำลังผลิต battery อยู่ที่ 44 GWh ต่อปี ซึ่งถือว่า เป็นรายใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะที่ Tesla Gigafactory ที่เมือง Nevada ประเทศอเมริกา นั้นมีกำลังผลิตเพียงแค่ 35 GWh ต่อปี (ข้อมูลเมื่อปีที่แล้ว)

BYD ตั้งใจผลิตแบตเตอร์รี่พวกนี้ไปป้อนให้กับรถยนต์ไฟฟ้าในเครือของเค้าซึ่งก็มี

รถบรรทุก BYD
รถบัส BYD
รถ Taxi BYD ที่สนามบิน สุวรรณภูมิ
รถเก๋ง BYD
รถ SUV BYD

แถมประธานบริษัท บีวายดี นายหวัง ฉวนฝูว (Mr. Wang Chuanfu)  ยังออกมาบอกว่า BYD จะเปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายใน ปี 2030 หรือ อีก 10 ปีข้างหน้านี่เอง (เร็วน่ะครับ)

ประธานบริษัท บีวายดี นายหวัง ฉวนฝูว

BLINK DRIVE TAKE

ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดจะเจาะลึกข้อมูล BYD เลย เพราะว่า ตัวอยู่อเมริกา แล้วก็เห็นรถยนต์ไฟฟ้าค่ายอเมริกาวิ่งผ่านไป ผ่านมาทุกวัน แต่ถ้าผมไม่ทำ คนไทยหลายคนอาจจะไม่รู้จักอาณาจักรยักษ์ใหญ่ของจีนก็ได้ครับ ผมเลยตัดสินใจเข้ามาแปลข้อมูลเหล่านี้ ผมเชื่อว่า ข้อมูลที่ผมแปลออกมานั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวของบริษัท BYD น่ะครับ แต่ผมอยากเป็นเชื้อเพลิงให้กับคนรุ่นใหม่ เพื่อจุดประกายความคิดพวกเค้าให้ออกเดินทางไปต่างประเทศบ้าง ไปดูโลกภายนอกบ้างล่ะครับว่า ประเทศอื่นๆ รอบโลกนั้นเค้าก้าวตามเทคโนโลยีอย่างบ้าคลั่ง แล้วไม่มีบริษัทไหนในโลกนี้เลยที่บ้าผลิต แบต Ni-MH เพื่อรถยนต์ไฟฟ้าของเค้าน่ะครับ

ผมก็ยังย้ำเหมือนเดิมน่ะครับว่า ถ้าจีนยังลุยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าด้วยความเร็วขนาดนี้ (เอาแค่ความเร็วในการผลิต ณ ปัจจุบันพอน่ะครับ) รับรองว่า ไม่เกิน 5 ปีหลังจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าเต็มยุโรปและอเมริกาพอ แต่ข่าวร้ายคือ จีนไม่ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าด้วยความเร็วแค่นี้สิครับ

ประเทศจีนวางแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าด้วยความเร็วมากกว่านี้อีก 2-5 เท่าตัวภายใน 3 ปีนี้ โดยได้ back ใหญ่อย่างรัฐบาลสนับสนุนแบบหัวทิ่มหัวตำเลย แถมยังเปิดการค้าเสรีให้บริษัทต่างประเทศลงทุนโดยไม่เก็บภาษีเค้าซักกะหยวน(เป็นค่าเงินจีนครับ) แบบนี้ Tesla, BMW, Benz, Nissan, Byton, Nio, Ford, GMC, Chevrolet, Cadilliac, Buick, Diamler, Volkswagen, Honda, Volvo, Jaguar และแบร์ดต่างชาติอื่นๆ อีกมากมายจะไม่อยากขึ้นร่วมหรอครับ จริงๆ มีผู้ผลิตมากกว่านี้ซะอีกที่กำลังวางแผนไปลงทุนที่จีน ผมเอาแค่น้ำจิ้มมาโชว์ให้ดูน่ะครับ

ผมอยากเปรียบเทียบ Tesla เหมือน apple ที่กำลังไปลงทุนผลิต iphone ที่จีน เมื่อ 9 ปีก่อน(ปี 2010)น่ะครับ ซึ่งพอลงทุนไปซักพัก พี่จีนเข้าไป copy ทุกอย่างมาหมดแน่นอน ซึ่งพี่ elon แกบอกเอาไว้ล่วงหน้าเลย อยาก copy หรอ ทำไปเลย เพราะ Tesla ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไม่ทันอยู่แล้ว อยากให้มีคนมาช่วยผลิตด้วยซ้ำ ถ้าคุณ copy ไปแล้วทำดีกว่า ยิ่งดีเลย ผมจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น พาคนไปดาวอังคาร

เชื่อว่า อีก 3 ปีข้างหน้า จีนจะสามารถสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาถูกกว่า , ประสิทธิภาพดีกว่า, ฟังชั่นมากกว่า ของ Tesla มาประชันหน้ากับผู้ผลิตรายอื่นๆ บนโลกแน่นอนครับ

เพราะผมอยากเปรียบเทียบ BYD เหมือน Huawei กับ Xiaomi น่ะครับ

ผมนั้นใช้ Xiaomi เครื่องแรกตั้งแต่ iphone 5S ออกมาใหม่ๆ โดยผมซื้อมือถือเครื่องนั้นมา 5,000 บาทเอง(10,000 รูปี) ใช้มาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่พังเลยส่งต่อให้น้องชายใช้ต่อ ฮ่า ๆ ผมเชื่อว่า อนาคต BYD หรือ ค่ายรถจีนอื่นๆ ได้แสดงความยิ่งใหญ่ออกมาเหมือน Xiaomi หรือ Huawei แน่นอนครับ ถึงเวลานั้นแล้ว Nokia แห่งวงการรถยนต์จะไปอยู่ไหนกันน่ะ(เชื่อว่าทุกคนรู้จักค่ายนี้กันดีอยู่แล้ว)

อีกเรื่องนึงที่จะฝากเอาไว้ว่า ความจริงจังของประเทศจีนที่มาให้กับรถยนต์ไฟฟ้านั้น รุนแรงมากๆ ผมแค่บอกว่า นี่เป็นเพียงการลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเพียง 1 โรงงานน่ะครับ แต่งบประมาณการลงทุนนั้นมากกว่า BOI ของประเทศไทยไปเกือบ 2 เท่าแล้ว

ข่าว : ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำนวน 7 ราย ที่ผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ที่มีกำลังการผลิตรวมกว่า 269,700 คันต่อปี เงินลงทุนรวม 29,459 ล้านบาท โดยได้เริ่มผลิตรถยนต์ดังกล่าวแล้ว
อ่านต่อได้ที่ : https://www.prachachat.net/motoring/news-292984

แล้วแบบนี้อีก 5 ปีข้างหน้า ไทยเราจะเหลืออะไรไปสู้กับประเทศอื่นๆ ในเอเชียล่ะครับ ในเมื่อประเทศอินเดีย, จีน, เวียดนาม, สิงคโปร์, มาเลเซีย เค้ากำลังเร่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันแบบหน้ามืดตามัวแบบนี้ครับ อ่านต่อได้ที่ pantip

ความในใจของผู้เขียน

ผมมองว่า ผมยังเป็นคนไม่เก่งน่ะครับ โดยสาเหตุนั้นมาจากนิทานเรื่องน้ำเต็มแก้วแหละครับ ถ้าผมมองว่า ผมเป็นคนเก่ง รู้ไปทุกเรื่องเมื่อไหร่ ผมคงจะไม่ขยันหาข้อมูลมาโพสเรื่อยๆ แบบนี้แน่นอนครับ และผมก็เชื่อว่า ยังมีคนเก่งกว่าผมอีกเป็นล้านคนในเมืองไทยที่รู้เยอะกว่าผมครับ แต่พวกเค้าไม่ได้เอาความรู้ที่อ่านมาได้ออกมาอธิบายขึ้น website แบบผมเท่านั้นเอง

สิ่งที่ผมเรียนรู้มาทั้งหมดนั้นมาจากเว็บฝรั่ง และความรู้เหล่านี้ยังไม่ตกผลึกกลายเป็นภาษาไทยซักที ช่วงแรกๆ ผมก็รู้สึกแย่มากๆ ที่ไม่มีใครลุกขึ้นมาทำ content พวกนี้ แต่มาคิดดูแล้วว่า ถ้าเราบ่นไปอะไรดีๆ ก็ไม่เกิดขึ้นหรอกครับ

ผมเลยตัดสินใจอาสากระโดดเข้ามาเป็นคนแปลข้อมูลจากเว็บฝรั่งมาเป็นภาษาไทยเองครับ ดังนั้น ถ้าคุณอ่านข้อมูลจากเว็บผมหรือ facebook fanpage ผมดีๆ แล้วล่ะก็ คุณจะเห็น source หรือ link อ้างอิง แนบเอาไว้กับทุกๆ โพสที่ผมเขียนขึ้นมา เพราะผมมองว่า การเขียนข่าวที่ดีต้องให้เกียรติแหล่งข้อมูลที่ตัวเองหามาด้วย (ที่อเมริกานั้นเค้ารังเกลียดมากๆ พวกที่เขียนข่าวแล้วไม่อ้างอิงข้อมูล คนพวกนี้ถูกเรียกว่า Plagiarism คือ การคัดลอกผลงาน หรือขโมยผลงาน/ความคิดของคนอื่นโดยไม่มีการอ้างอิงที่ถูกต้อง)

ไม่ต้องห่วงน่ะครับ ถ้าซักวันนึงมีเว็บไหนก็ตามที่แปลข่าว EV (รถยนต์ไฟฟ้า) ได้ดีกว่าผม และเยอะกว่าผมแล้วล่ะก็ ช่วยมาบอกผมด้วยน่ะครับ

เพราะผมจะช่วยเค้า promote content พร้อมประกาศลาจากเวทีนี้ล่ะครับ เพราะสิ่งที่ผมต้องการจากการทำเว็บนี้ หรือ facebook fan page นั้นไม่ใช่ชื่อเสียงหรือเงินทอง แต่เป็นการผลักดันความคิดของพี่น้องชาวไทยเข้าถึงเรื่องราวและเทคโนโลยีต่างๆ บนโลกได้เท่าเทียมกับผู้คนในต่างประเทศครับ

ปล. เงินที่มาจ่ายค่า hosting และ domain สำหรับสร้างเว็บนี้ก็เป็นเงินผม ไม่มี sponsor ที่ไหนมาสนับสนุน

เว็บนี้ไม่รับเงินสนับสนุนจากใครเพื่อมาเขียนข่าวน่ะครับ ถ้าผมอยากให้เขียนอะไรเกี่ยวกับสิ่งไหน มาบอกผมได้ครับ ผมเขียนให้เอง โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลมีที่มาที่ไปแน่นอน และไม่ต้องเอาเงินมาให้ผมเพื่อเขียนข่าวเข้าข้างใครน่ะครับ ผมจะเขียนข่าวที่เป็นไปตามกระแสโลกเท่านั้นครับ ไม่ใช่เขียนตามใจนายทุนครับ

Exit mobile version