Blink Blink
TeslaUSA

คนขับ Tesla ประมาทเปิด FSD ในวันที่หมอกลงจัด, ปล่อยรถวิ่งลงข้างทาง

เคสรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 เปิด FSD Supervised พุ่งเข้าข้างทาง ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา

สภาพอากาศตอนเกิดเหตุหมอกลงจัด(ตัวรถแจ้งเตือนให้ประคองพวงมาลัยหลายรอบมากเพราะสภาพอากาศไม่ดี อย่างที่เห็นในภาพด้านล่าง

ผู้ใช้งาน Tesla ตัวจริงคันนี้ไม่ใช่เจ้าของ twitter นี้นะครับแต่เป็น cdotyii ในกระทู้ Teslamotorsclub เค้าออกมาโพสแล้วขอความคิดเห็นพร้อมบอกว่า ไม่มีทนายคนไหนกล้ารับเคสนี้เลย

เจ้าของ Tesla หลายท่านออกมาบอกว่า ทนายคนไหนรับก็โง่แล้วละ เพราะว่าเคสนี้ก็เห็นอยู่เต็มตาว่าเจ้าของรถประมาทมากกว่า 7 วินาที เอาจริง 7 วินาทีนี่ขับ Drag 1/4 ไมล์เกือบเข้าเส้นชัยได้แล้วนะครับสำหรับ Tesla Model S Plaid

ส่วนอีกคนที่ใช้งาน Tesla FSD เป็นประจำก็ออกมาให้ความคิดเห็นว่า

The video also seems to show OP driving way faster than I can imagine FSDS would choose to drive by default. If it really is true that they observed their car fail to acknowledge this train crossing twice, and then commanded their car to excessively speed toward the crossing in dense fog, this sounds more like attempted insurance fraud than an accident. No wonder lawyers won’t touch this with a 10 foot pole.

ดูจากวิดีโอแล้วก็เห็นแล้วการขับขี่มันแปลกๆ เรียกได้ว่า OP (Over Power) ซะด้วยซ้ำ ระบบ FSD จริงๆ จะไม่ขับเร็วขนาดนั้นในเวลามีหมอกและถนนเล็กๆ แบบนั้น คุณ(เจ้าของรถที่ชน)บอกเองว่าตัวรถเคยขับผ่านถนนเส้นนี้แล้วไม่สามารถจดจำตำแหน่งนี้ได้ว่าเป็นรางรถไฟ และคุณเป็นเจ้าของรถแท้ๆ แถมยังเคยใช้งานถนนเส้นนี้เป็นหลัก แถมวันนี้เป็นวันที่หมอกลงจัดแล้วพยายามใช้ FSD เพื่อให้เกิดความผิดพลาดตรงที่เดิมๆ อีก แบบนี้มัน sound more like (เหมือนกับว่า) คุณจงใจขับรถให้เกิดอุบัติเหตุเพื่อที่จะทำการเคลมประกันแบบผิดกฏหมาย(Insurance Fraud)มากกว่าเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ เอาจริงๆ นะ ทนายคนไหนเห็นเคสนี้ก็วิ่งหนีแล้ว เพราะคุณจงใจทำให้เกิดอุบัติเหตุเองต่างหาก

จากข้อมูลของคุณ cdotyii เค้าบอกว่า รถขับเกิน speed limit (ความเร็วที่กำหนด) 55 mph เป็น 63 mph หรือ 100 km /h ซึ่งเอาจริงๆ คนขับไม่สงสัยหน่อยหรอว่าทำไมรถมันขับรถขนาดนั้นในวันที่หมอกลงจัด? ปล. รถ Tesla FSD ทุกคันสามารถ manual ลดความเร็วโดยเจ้าของรถได้นะครับ

comment จากผู้ใช้งาน Tesla FSD คุณ willow_hiller

it should have absolutely seen that coming, the flashing lights, fog or not.

that being said, how on earth did you react so late?! were you waiting to see if it would stop or did you not notice until the last minute?

เอาจริงๆ ถ้าคุณไม่ได้เล่นมือถือจริงๆ คุณก็เห็นอยู่ว่ารถไม่ได้ลดความเร็วลงเลยเมื่อเข้าใกล้ทางรถไฟ ซึ่งคุณมีเวลามากกว่า 5-6 วินาทีด้วยซ้ำที่จะแตะเบรคหรือยกเลิก FSD แต่ทำไมคุณแทบไม่ทำอะไรเลย ปล่อยรถวิ่งเข้าข้างทางแทนซะงั้น อยากถามจริงๆว่าคุณทำอะไรอยู่หรอก่อนรถจะชนนะ?

ddb1001

FSD Supervised ก็บอกอยู่ก่อนใช้งานว่านี่คือ FSD Supervised , คนขับต้องมีสติพร้อมที่จะประคองพวงมาลัยและแตะเบรคตลอดเวลา อันนี้คือข้อมุลของ FSD ที่ผู้ใช้งานต้องยืนยันว่าอ่านแล้วก่อนกดใช้งานนะครับ แต่คนที่ชื่อ cdotyii น่าจะตีมึนบอกว่าจำไม่ได้

ชาวเทสล่าได้สอบถามคุณ cdotyii หลายคำถามเช่น ตอนเกิดเหตุทำอะไรอยู่?, รู้ทั้งรู้ว่าหมอกลงจัดและตรงนั้นเป็นทางรถไฟที่รถ Tesla เคยไม่ชะลอมาก่อน ทำไมยังปล่อยให้รถขับไปต่อ, ที่ปล่อยให้รถเกิดอุบัติเหตุแบบนี้เพราะอยากลองดูใช่ไหมว่ารถจะหลบได้ไหม? (ถ้าใช่ก็แสดงว่าเป็นเจตนาส่วนตัวที่อยากทดสอบ ถ้าฟ้องร้องไปก็ผิดทันที)

BLINK DRIVE TAKE

ตอนนี้ คุณ cdotyii หายไปแล้วนะครับ เค้ามาตอบคำถามล่าสุดเมื่อ 8 วันที่แล้วและก็หายไปแล้ว เนื่องจากชาว Tesla ต่างสงสัยในพฤติกรรมการขับขี่ที่ประมาทของเค้า ปกติแล้ว ถ้าทางไม่ปลอดภัย และเจ้าตัวรู้ดีอยู่แล้ว(คุณ cdotyii ยืนยันว่ารถไม่สามารถขับผ่านทางรถไฟได้เลย เพราะเคยลองมาสองครั้งก็พลาดตลอด) แล้วทำไมครั้งนี้ถึงปล่อยให้พลาดแบบชนข้างทางไปเลย

ถ้าจะให้เปรียบง่ายๆ เหมือนคนเปิด cruise control (ระบบควบคุมความเร็วของรถ)และเปิดให้พุ่งชนกำแพงนะครับ แบบว่า ดูสิว่าวันนี้รถจะชะลอไหม ถ้าไม่ก็เอาเรื่องนี้ไปเคลมกับประกันนะครับ

แบบนี้ผมเบื่อรถตัวเอง ผมก็กดเปิด autopilot พุ่งชนรั้ว, กำแพง, คอกวัว, หรือตึกก็ได้นิครับเพราะผมจะรู้ว่ารถจะผิดพลาดตรงไหนบ้างและเอาข้อผิดพลาดนั้นมาเคลมประกัน

เคสนี้ประกันไม่รับเคลมนะครับ ทนายก็ไม่มีใครเอาด้วยเลย เพราะเจ้าของรถเปิด FSD แล้วปล่อยให้รถเข้าไปชนข้างทางเอง ทั้งๆที่ตัวเองทราบอยู่แล้วว่าขนาดวันที่อากาศสดใส รถยังขับผ่านทางรถไฟไม่ค่อยได้เลยครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email